บทที่167 ให้บัตรธนาคาร
สองวันต่อมา ข่าวลือของโล่เฟยเอ๋อที่ร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ยังอยู่โหมสะพัดอย่างรุนแรง
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะไม่สบายใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายมันก็แค่ข่าวลือ จะไปทะเลาะกับคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่อง
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกซูซีมู่ แต่เรื่องนี้ก็ยังไปถึงหูซูซีมู่ได้อยู่ดี
ล้อเล่นรึไง ซูซีมู่ได้เข้าซื้อกิจการของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋เพื่อโล่เฟยเอ๋อ
ข่าวลือเกี่ยวกับโล่เฟยเอ๋อ เขาจะไม่สนได้ยังไง?
แน่นอนว่าสีหน้าของซูซีมู่ตอนที่ได้ฟังข่าวลือนี้นั้นดูไม่ดีเลย
ควรต้องรู้ไว้ว่าโล่เฟยเอ๋อคือฟางเส้นสุดท้ายของซูซีมู่
หากข่าวลือนั้นเกี่ยวกับเขา เขาอาจจะไม่โมโหเท่านี้ แต่ข่าวลือที่ออกมาเป็นข่าวเกี่ยวกับคนที่เขาห่วงมากที่สุดโล่เฟยเอ๋อ นั่นทำให้เขาโมโหมาก
ไม่เพียงแต่ให้โจวเฉินไปกำจัดเรื่องข่าวลือด้วยตัวเองถึงที่แล้ว ยังให้โจวเฉินไล่กลุ่มพนักงานที่ปล่อยข่าวเสียหายเกี่ยวกับโล่เฟยเอ๋อออกจากร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ด้วย
การดำเนินการเช่นนี้ทำให้คนในบริษัทสามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ข่าวลือก็เริ่มหายไปแม้ว่าจะยังมีคนคุยอยู่ แต่ก็เป็นเพียงการแอบซุบซิบ
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าซูซีมู่ลงมือทำอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวลือเงียบหายไปเธอก็ดีใจ
การทำงานวันสุดท้ายก่อนวันหยุดส่งท้ายปี พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่บริษัท จากนั้นวันหยุดปีใหม่ก็จะเริ่มขึ้น
ระหว่างทานอาหารเย็น โล่เฟยเอ๋อรับสายของเรือนหลิง นัดเธอไปช็อปปิ้งหลังงานเลี้ยงบริษัท
“ช็อปปิ้ง? ได้สิ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย ไม่มีเวลาไปช็อปปิ้งเลย เธออยากซื้ออะไร? POLA? ครีมบำรุงรอบดวงตาหรอ? อือ…ฉันไม่เอาหรอก มันเปลือง”
ซูซีมู่ที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าว เมื่อได้ยินคำนี้เขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อที่กำลังคุยโทรศัพท์ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของเขา “ฉันจะไปช็อปปิ้งกับเธอ…ลานกว้างหวั้นด๋าหรอ? ได้…อือ ซื้อของใช้จำเป็นนิดหน่อยก็พอ…อือ พรุ่งนี้เจอกันค่อยว่ากันจ้ะ”
ซูซีมู่มองดูโล่เฟยเอ๋อที่กำลังจะวางสาย แล้วลดสายตาวางชามและตะเกียบลง
“กินข้าวเสร็จ คุณไปที่ห้องหนังสือด้วยนะ”
“เอ๋?” โล่เฟยเอ๋อที่เก็บโทรศัพท์และกำลังจะทานข้าวต่อ ทันใดนั้นคำพูดของซูซีมู่ก็ทำให้เธอผงะ เมื่อเธอได้สติและกำลังจะตอบ “อือ” ซูซีมู่ก็ลุกขึ้นและออกไปจากห้องรับประทานอาหารแล้ว
โล่เฟยเอ๋อหยิบตะเกียบ มองซูซีมู่ที่เดินออกไปด้วยสีหน้างุนงง
จนเมื่อเขาเดินออกไปไกลแล้ว สายตาของเธอค่อยๆตกลงไปที่ฝั่งตรงข้ามของเธอจ้องมองไปที่ชามของซูซีมู่สักพักก่อนที่จะกินต่อ
หลังทานข้าวเสร็จ โล่เฟยเอ๋อไปที่ห้องหนังสือเพื่อพบซูซีมู่
ประตูห้องหนังสือไม่ได้ปิด ซูซีมู่กำลังคุยโทรศัพท์เมื่อเห็นเธอเข้ามาและไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ทำมือให้เธอ “เข้ามา” แล้วกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ
โล่เฟยเอ๋อไม่ส่งเสียงรบกวนซูซีมู่ หลังจากเธอเข้ามาในห้องหนังสือแล้วจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ชิงช้าด้วยความคุ้นเคย
เธอหันไปมองรอบ ๆ ห้องด้วยความเคยชิน ในที่สุดก็สบกับเงาสะท้อนของซูซีมู่บนหน้าต่างบานกว้าง
ท่านั่งของเขานั้นสง่างาม มือหนึ่งถือโทรศัพท์ส่วนอีกมือกำลังใช้เมาส์ราวกับไม่ใส่ใจและทำหลายอย่างในคราวเดียว
ผ่านไปราวสองนาที ซูซีมู่ก็วางสายแล้วหันไปมองโล่เฟยเอ๋อ “มะรืนนี้จะมีการประชุมประจำปีของบริษัทซูซื่อ คุณไปกับผม”
“การประชุมประจำปี?” โล่เฟยเอ๋อมองซูซีมู่ด้วยสีหน้างุนงง
ซูซีมู่ตอบเธอง่าย ๆ “อือ” แล้วพูดขึ้นอีก “คุณปู่ให้พาคุณไปด้วย”
ที่แท้ก็เป็นคุณปู่ที่ให้พาเธอไปร่วมการประชุมด้วยนี่เอง! โล่เฟยเอ๋อลดตาลงและพยักหน้า “ทราบแล้วค่ะ”
ซูซีมู่ก้มหน้าแล้วเปิดลิ้นชักและพูดไปพลาง: “ขึ้นเครื่องคืนพรุ่งนี้ ถึงเวลานั้นโจวเฉินจะโทรหาคุณและไปรับคุณ”
“ทราบแล้วค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวก่อน” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วหันหลังเพื่อเดินไปที่ประตูเพื่อออกจากห้องหนังสือ
สุดท้ายเธอเดินไปได้เพียงสองก้าว ซูซีมู่ก็พูดขึ้นเพื่อหยุดเธอ “เดี๋ยวก่อน”
โล่เฟยเอ๋อหยุดและหันหลังให้ซูซีมู่แล้วจึงค่อย ๆ หันมา มองไปที่ซูซีมู่ “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?”
ซูซีมู่ไม่พูดแต่เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานและตรงมาที่เธอ
เขากำลังทำอะไร?
สายตาของโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยความสงสัย มองดูซูซีมู่ที่เดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอห่างกันเพียงเมตรเดียว
“ผมให้” ซูซีมู่ยื่นของที่เขาหยิบออกมาจากลิ้นชักส่งให้โล่เฟยเอ๋อ
เป็นบัตรธนาคารสีดำใบหนึ่ง…
โล่เฟยเอ๋อมองดูบัตรธนาคารนั้นด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วเงยหน้ามองซูซีมู่ “ทำไมต้องให้ไอ้นี่กับฉัน?”
ซูซีมู่ไม่ตอบคำถามของโล่เฟยเอ๋อ พูดเพียง “รหัสบัตรเป็นรหัสเดียวกันกับรหัสที่วิลล่าหลันถิง” พูดจบแล้วเขาก็รีบยัดบัตรธนาคารใส่ไว้ในมือของโล่เฟยเอ๋อเหมือนกับกลัวว่าเธอจะปฏิเสธเขาแบบนั้น เขารีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ทำท่ากดคีย์บอร์ดเหมือนกับกำลังยุ่งมากอย่างนั้นและไม่หันมามองโล่เฟยเอ๋ออีก
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเขาอยู่นาน แล้วพูดเพียง “ฉันขอตัวก่อนค่ะ” แล้วหันหลังเดินออกจากห้องหนังสือ
หลังจากโล่เฟยเอ๋อออกไปแล้ว ซูซีมู่จึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
พูดตรง ๆ เมื่อครู่เขากลัวโล่เฟยเอ๋อจะคืนบัตรธนาคารให้เขามาก
ตั้งแต่แต่งงานกันจนถึงตอนนี้ เขากลัวเธอจะปฏิเสธเขามาตลอด
ในเมื่อเตรียมบัตรเสริมผูกไว้กับบัตรหลักของเขาไว้นานแล้ว และไม่เคยได้ให้จนถึงเมื่อครู่ที่เธอคุยโทรศัพท์แล้วพูดขึ้นว่า ‘เปลืองตังค์’ เขาจึงได้ตัดสินใจว่าจะให้บัตรใบนี้
อย่างไรเสีย ก็ยังดีที่เธอไม่ปฏิเสธ…
อันที่จริงโล่เฟยเอ๋อรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ ซูซีมู่ก็ให้บัตรธนาคารแก่เธอ ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่มีทางรับไว้ แต่ว่าด้วยท่าทีดื้อดึงยัดบัตรธนาคารใส่มือเธอ เธอกลับไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เหมือนผีอุดปากยังไงยังอย่างนั้น
โล่เฟยเอ๋อก้มหน้ามองดูบัตรสีดำในมือนั้น
เธอไม่สงสัยว่าตัวเลขในบัตรนั้นมันจะเยอะจนน่ากลัวขนาดไหน เธอเพียงแต่แปลกใจที่เขาให้เธอทำไมกัน?
“” โล่เฟยเอ๋อพึมพำขณะที่เธอเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง เตรียมจะวางบัตรธนาคารไว้ในลิ้นชักนั้น
ทันใดนั้นสายตาของเธอก็กวาดไปพบบางอย่างที่หลังบัตร สายตาเธอหยุดอยู่ตรงนั้น
เธอนิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พลิกบัตรดู
ที่หลังบัตรมีการเซ็นชื่อ
ปกติแล้วที่หลังบัตรจะเป็นการเซ็นชื่อของเจ้าของบัตร แต่ที่หลังบัตรใบนี้กลับไม่ใช่ชื่อของซูซีมู่ แต่เปีนคำสี่คำ ‘ไม่สิ้นเปลืองเงิน’
หมึกยังดูใหม่ ดูก็รู้ว่าเพิ่งเขียน
ไม่สิ้นเปลืองเงิน? จู่ ๆ โล่เฟยก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตอนทานข้าว เธอคุยโทรศัพท์กับเรือนหลิง แล้วพูดขึ้นมาว่า ‘เปลืองตังค์’
ดังนั้นเขาเลยเอาบัตรใบนี้ให้เธอ แล้วเขียน ‘ไม่สิ้นเปลืองเงิน’ เพื่อจะบอกเธอว่าไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ถือว่าสิ้นเปลือง
มุมปากของโล่เฟยเอ๋อยกขึ้นมีรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เธออารมณ์ไม่ดีเพราะซูซีมู่จะพาเธอไปร่วมการประชุมประจำปีของบริษัทซูซื่อเพราะเชื่อฟังคำสั่งของคุณปู่ แต่ตอนนี้เธออารมณ์ดีแล้ว