บทที่ 192 กลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสุขอีกครั้ง
“อืม……”ตอบด้วยเสียงเบาๆ ซูซีมู่ลืมตาขึ้น
ดวงตาของเขาเรียบเฉย ลุ่มลึกราวกับแม่น้ำที่ลึกจนไม่เห็นพื้น ไม่เหมือนกับคนที่ถูกปลุกให้ตื่นแล้วเกิดความตกใจและมีท่าทีมองด้วยสายตามั่วๆเลย
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงัก จากนั้นก็กล่าวว่า“คือฉัน……เห็นคุณหลับที่โซฟาจึงได้ปลุกคุณให้ตื่นค่ะ”
ซูซีมู่ตอบหนึ่งคำว่า “อืม” หลายวินาทีต่อมาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เผลอหลับไป”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “กลับไปนอนที่ห้องเถอะค่ะ นอนที่นี่จะเป็นหวัดได้”
“ครับ” ถึงแม้ซูซีมู่จะบอกว่าครับ แต่กลับไม่ได้ลุกขึ้นทันที
เขามองไปทางหน้าต่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
โล่เฟยเอ๋อยืนอยู่กับที่ชั่ววูบ จากนั้นก็เดินเข้าห้องครัวไปชงชานมมาสองแก้ว
เธอยื่นหนึ่งในนั้นให้ซูซีมู่แก้วหนึ่ง“ดื่มนมร้อนๆก่อนค่อยนอนค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ซูซีมู่ยื่นมือไปรับนม จากนั้นก็ชี้ไปที่ตำแหน่งข้างๆตัว บอกสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน
โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถือแก้วนมไว้ในมือแล้วนั่งลงที่โซฟา
ทั้งสองได้ถือแก้วนมไว้คนละใบ ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร แต่กลิ่นอายความอบอุ่นได้ปกคลุมไปรอบๆตัวพวกเขา
เมื่อดื่มนมเสร็จ ซูซีมู่ก็ยืนขึ้น “ไม่เช้าแล้ว ผมไปล้างแก้วเอง คุณไปพักผ่อนก่อนเลย”
พูดจบก็ไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อตอบตกลง เขาก็รับแก้วมาจากเธอเลย
ซูซีมู่ถือแก้วนมเดินเข้าห้องครัว จากนั้นก็ล้างแก้วให้สะอาดแล้ววางเข้าตู้ให้เรียบร้อย จึงจะเดินออกมาจากห้องครัว
ตอนที่กลับมาถึงห้องรับแขก โล่เฟยเอ๋อก็ไม่อยู่แล้ว
ซูซีมู่ยกมุมปากขึ้น จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง
ตอนที่จะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง เขาได้หยุดเดินแล้วหันหลังเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนของโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ข้างห้องของเขา
เขายืนอยู่หลายวินาที จากนั้นก็ยื่นมือไปบิดกลอนประตู
เหมือนกับคืนที่เธอฝันร้ายไม่มีผิด เธอไม่ได้ล็อคประตูห้องนอน
ครั้งแรกนั้นเรียกว่าบังเอิญ ถ้าสองครั้งก็เหมือนเดิมก็ไม่ใช่บังเอิญเสียแล้ว ซูซีมู่ขมวดคิ้วตรงกลาง เดินย่องเบาๆเข้าห้องนอน
โล่เฟยเอ๋อนอนหลับสนิทอยู่ที่เตียง
ไม่ทราบว่ากำลังฝันหวานอะไรอยู่ มุมปากก็มีรอยยิ้มด้วย
อิริยาบถการนอนของเธอไม่ดีนัก มือทั้งสองข้างอุ้มผ้านวมไว้ แต่เกือบครึ่งตัวอยู่นอกผ้านวม
ซูซีมู่พลิกตัวเธอให้นอนหงายอยางระมัดระวัง จากนั้นก็ห่มผ้านวมให้เธอเบาๆ
ช่วยเธอปิดไฟบนหัวเตียง จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูห้องก็ได้ยินโล่เฟยเอ๋อเพ้อว่า“ดอกไม้ไฟสวยมาก……”
ซูซีมู่สะดุ้งแรงๆหนึ่งครั้ง สีหน้าก็กลายเป็นอ่อนโยนอย่างกะทันหัน……
โล่เฟยเอ๋อนอนหลับอย่างสนิท ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันรุ่งขึ้นในเวลาสิบโมงแล้ว
ตอนที่เธอลงมาจากชั้นสอง ซูซีมู่กำลังรับสายโทรศัพท์อยู่
โล่เฟยเอ๋อเกรงว่าจะรบกวนเขา จึงได้หยุดเดิน
เหมือนจะสังเกตเห็นสายตาของโล่เฟยเอ๋อแล้ว ซูซีมู่จึงได้หันหน้ามามอง
เห็นว่าเป็นโล่เฟยเอ๋อ มุมปากของเขาจึงยกขึ้น จากนั้นก็คุยโทรศัพท์ว่ “กลับไปคืนนี้ แค่นี้ก่อนนะ” ก็วางสายลง
กลับไปคืนนี้?กลับไปที่ไหน?โล่เฟยเอ๋อรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
ซูซีมู่กำมือถือไว้ เดินมาหาโล่เฟยเอ๋อ “ตื่นแล้วหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อรู้ตัวก็เอ่ยขึ้นว่า “ตื่นสายแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ปลุกฉันล่ะ?”
“นอนเยอะหน่อยไม่เป็นไร”ซูซีมู่พูดคำนี้เสร็จก็หันหน้ามามองโล่เฟยเอ๋อ “หิวไหมครับ?จะกินอะไรไหม?”
“อืม หิวหน่อยแล้วค่ะ” โล่เฟยเอ๋อลังเลไปสักพัก จากนั้นก็ถามขึ้นว่า“แต่ตรงนี่ไม่มีคนรับใช้ จะยุ่งยากไปไหมค่ะ?”
ซูซีมู่ส่ายหัว “ไม่ยุ่งยาก ในตู้เย็นมีผักเต็มไปหมด คุณอยากกินอะไรล่ะ?”
“อะไรก็ได้ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อมีท่าทางที่ไม่เลือกมาก
ซูซีมู่พยักหน้าพูดหนึ่งคำว่า “อืม” จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องครัว แต่ไม่นานเขาก็เดินออกมา ในมือถือเค้กทีรามิสุที่พวกเขาซื้อมาเมื่อคืนไว้หนึ่งชิ้น
“รองท้องไปก่อนนะครับ”
“อ่อ ขอบคุณค่ะ”โล่เฟยเอ๋อรับเค้กมาอย่างดีใจแล้วกล่าวคำขอบคุณ
ซูซีมู่ไม่ได้พูด หันหลังเดินไปที่ห้องครัว
โล่เฟยเอ๋อกินเค้กหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนไปที่ห้องครัว
ในห้องครัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ซูซีมู่กำลังได้ยุ่งอยู่กับการทำอาหารด้วยท่ายืนหันหลังให้เธอ
ภาพอย่างนี้เธอคุ้นเคยดี……
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่วิลล่าหลันถิง ทุกครั้งที่เธอไปก็จะมีภาพอย่างนี้เกิดขึ้น
ขณะนั้นเธอไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรมาก แต่ในใจเธอก็รู้สึกหวานแหวว เพราะเขาทำอาหารให้เธอกิน……
เวลาผ่านไปตั้งนาน เมื่อได้กลับมาเห็นภาพนี้อีกครั้ง เธอถึงรู้ว่าตัวเองมีความคิดถึงอดีตมากเพียงใด
เมื่อก่อนเวลาที่ซูซีมู่ทำอาหารอยู่นั้น ถึงเธอจะทำอาหารไม่เก่ง แต่กลับชอบไปช่วยเขาอย่างมีความสุข……
“ทำไมคุณถึงเข้ามาที่นี่?”ซูซีมู่พูดด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึง
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกอึดอัดที่ถูกจับได้ว่ากำลังแอบมองเขาอยู่……”
ซูซีมู่พูดหนึ่งคำว่า “เออ” จากนั้นก็ก้มตัวไปเอาตะกร้าใบหนึ่งจากชั้นทำอาหารแล้วยื่นให้โล่เฟยเอ๋อ “คุณเด็ดใบเหลืองๆออกจากผักพวกนี้นะ”
โล่เฟยเอ๋อเกาที่จมูกไปมา จากนั้นก็รับตระกร้ามา “อ่อ ค่ะ”
ซูซีมู่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ พูดหนึ่งคำว่า “อืม” จากนั้นก็หันไปยุ่งเรื่องของตัวเองต่อ
คนหนึ่งผัดกับข้าวอย่างชำนาญ ส่วนอีกคนก็ช่วยอย่างคล่องแคล่ว เหมือนกับได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่แสนจะมีความสุข……
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป อาหารได้ยกไปเสิร์ฟไว้ที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้จะไม่มีเมนูที่ดีเท่าเมื่อคืน แต่รสชาติของอาหารนั้นเลิศรสกว่าเมื่อคืนอย่างแน่นอน
ไม่ได้กินอาหารที่ซูซีมู่ทำตั้งนานแล้ว โล่เฟยเอ๋อเกือบจะเอาลิ้นไปเลียให้หมดเกลี้ยงแล้ว
เธอรู้สึกเสียดายที่เมื่อกี้กินเค้กก้อนนั้นเข้าไป?ทำให้ท้องของเธอไม่มีที่ให้กินเข้าไปแล้ว
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าซูซีมู่จงใจแกล้งเธอ เธอจ้องมองซูซีมู่ด้วยสายตาร้องเรียนขอความเป็นธรรม
ถูกจ้องมองอย่างพิลึก ซูซีมู่จึงรู้สึกว่าแปลกประหลาด “ทำไมหรอ?”
“ทำไมถึงให้ฉันกินเค้ก?”โล่เฟยเอ๋อถามอย่างใจจดใจจ่อ
ซูซีมู่ยกคิ้ว “คุณไม่ใช่ชอบกินหรือครับ?”
“ก็เพราะคุณให้ฉันกินเค้ก ตอนนี้ฉันเลยกินกับข้าวไม่ลงแล้ว” โล่เฟยเอ๋อบ่นด้วยหน้ามุ่ย
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเหมือนเด็กๆ ซูซีมู่ไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี แต่โล่เฟยเอ๋อชอบอาหารที่เขาทำ เขาก็รู้สึกดีใจ “วันหลังค่อยทำใหม่ก็ได้ครับ”
ได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็เป็นประกาย “มื้อเย็น?”
“ไม่ได้” ซูซีมู่ส่ายหัว
ได้ยินซูซีมู่พูดว่าไม่ได้ สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อก็บึ้งขึ้นมา “ก็ได้……”
เห็นโล่เฟยเอ๋อทำหน้าบึ้งตึง ซูซีมู่จึงอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “คืนนี้ต้องกลับไปฉลองส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทินจีนที่คฤหาสน์ตระกูลซู”
ได้ยินซูซีมู่พูดว่าส่งท้ายปีเก่า โล่เฟยเอ๋อจึงนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้แล้ว
“อ่อ……ฉันลืมค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างรู้สึกอึดอัด
ซูซีมู่พยักหน้าเล็กน้อย “อืม คืนนี้นับถอยสิ้นปีกันที่คฤหาสน์ตระกูลซูนะครับ”
“อ่อ ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ดูเธอด้วยแววตาที่ลุ่มลึก
ขณะนี้โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจว่าทำไมซูซีมู่จึงมองเธอแวบหนึ่ง จนถึงตอนที่กลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลซู เธอจึงจะเข้าใจว่าแววตาที่ลุ่มลึกนั้นหมายความว่าอะไร