บทที่ 191 จุดดอกไม้ไฟเพื่อเธอโดยเฉพาะ
อาหารค่ำเอร็ดอร่อยมาก โล่เฟยเอ๋อชอบใจที่สุด
“กินอิ่มจังเลย……เรอ!……”โล่เฟยเอ๋อกินอิ่มมากจนเรอออกมา
ซูซีมู่อมยิ้ม จากนั้นก็ยืนขึ้นมา “ไปย่อยอาหารที่ดาดฟ้ากันดีไหม?”
“ดีค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าตอบโดยไม่คิดอะไรเลย
ซูซีมู่นำโล่เฟยเอ๋อออกจากร้านอาหาร จากนั้นได้เดินผ่านห้องโถงหลักและระเบียงที่ยาวเหยียบ เมื่อเดินมาถึงบันไดตรงที่มีห้องน้ำ
เขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหันพลางชี้ไปด้านหน้าซ้ายมือ“ดาดฟ้าอยู่ที่ปลายสุดของซ้ายมือ คุณไปก่อน ผมขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปหนึ่ง”
“อ่อ ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าพลางเดินไปข้างหน้าด้านซ้ายมือ
สุดปลายทางเป็นดาดฟ้าที่แสนจะกว้างใหญ่ ตรงดาดฟ้าได้ขวางโคมไฟดาวดวงน้อยๆไว้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะไม่ค่อยสว่างไสวแต่กลับเป็นประกายระยิบระยับอย่างสวยงาม
ตรงกลางของดาดฟ้าได้ตั้งวางโต๊ะ 1 ตัวและเก้าอี้ 2 ตัวไว้ โล่เฟยเอ๋อนั่งเก้าอี้หนึ่งในนั้นลง จากนั้นก็ชื่นชมโคมไฟบนดาดฟ้าพลางนั่งรอซูซีมู่ไปด้วย
เวลาค่อยๆเดินไป แต่ซูซีมู่ที่ไปเข้าห้องน้ำกลับมาไม่ถึงสักที
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมจะกลับเข้าไปหาซูซีมู่ที่ด้านในบ้าน
ผลปรากฏว่าเมื่อเธอเพิ่งเดินไปถึงทางออกของดาดฟ้า ก็ได้ยินเสียงตู้มต้าม ตู้มต้าม!
โล่เฟยเอ๋อหันไปมองโดยจิตใต้สำนึก เธอยังไม่ทันรู้ว่าเป็นเสียงอะไรก็ได้ยินเสียงดังขึ้นติดต่อกัน จากนั้นก็เห็นดอกไม้ไฟจำนวนมากได้ปรากฏอยู่บนท้องไฟ
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดเกิดประกายสว่างไสวจนราวกับเป็นกลางวัน ไม่ว่าจะบนท้องฟ้าหรือพื้นดินต่างก็ปกคลุมไปด้วยสีสันนาๆชนิดของดอกไม้ไฟ
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงักไปหนึ่งวินาที จากนั้นก็รีบตรงเข้าไปที่ดาดฟ้า
ตรงใต้ตึกอาคารเธอเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้น
ด้านหลังของเขาคือโลกของดอกไม้ไฟที่มีสีสันเจิดจ้า เหมือนกับว่าเขาได้เดินออกมาจากโลกของดอกไม้ไฟอย่างไงอย่างนั้น
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเขาและดอกไม้ไฟด้วยความตะลึง จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธออยู่ในรถได้ดูมือถือพลางพึมพำว่าคืนนี้มีงานดอกไม้ไฟที่เขตตะวันออก
เสียดายที่พลาดไปแล้ว
หลังจากนั้นเขาพาเธอมาที่ปราสาทวิลล่า ตอนนั้นไม่ได้คิดเชื่อมโยงกันเลย
แม้กระทั่งเมื่อสักครู่นี้เธอคิดว่าซูซีมู่พาเธอมาทานมื้อค่ำเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าความจริงแล้วจะพาเธอมาดูดอกไม้ไฟ
เขาเตรียมดอกไม้ไฟให้เธอโดยเฉพาะ……
สายตาของโล่เฟยเอ๋อได้มองไปที่ซูซีมู่ และซูซีมู่ก็ได้หงานหน้าขึ้นมองเธอพอดี โล่เฟยเอ๋อเผยรอยยิ้มพลางตะโกนพูดว่า “ซูซีมู่ขอบคุณมากค่ะ……”
เสียงพูดได้ถูกเสียงดอกไม้ไฟที่ดังกึกก้องกลบกลืน แต่ซูซีมู่ดูจากลักษณะการอ้าปากก็สามารถทายได้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วตอบเบาๆว่า“เฟยเอ๋อ ผมชอบคุณ”
เสียงดอกไม้ไฟที่ระเบิดออกมา โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ยินเลยสักนิด ซูซีมู่ถึงจะกล้าพูดออกมา
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ยินว่าซูซีมู่พูดอะไร เห็นเพียงปากของซูซีมู่เปิดๆปิดๆ เธอขมวดคิ้วพลางถามว่า “ซูซีมู่คุณพูดอะไรนะ?”
ระหว่างคิ้วของซูซีมู่เงียบขรึม เผยความอ่อนโยนที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้ ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยไออุ่นรัก“เฟยเอ๋อ ผมรักคุณ……”
รู้สึกว่าตนพลาดคำพูดของซูซีมู่ด้วยสัญชาตญาณ โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในอาคาร
มองเงาโล่เฟยเอ๋อที่วิ่งเข้าอาคารไป ซูซีมู่จึงได้พูดพึมพำว่า“รักคุณจนกลางเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิต จะให้ผมปล่อยวางได้อย่างไร……”
ซูซีมู่ค่อยๆหันหน้าไปทางดอกไม้ไฟ มีความทุกข์ใจปีนไต่ออกมาจากระหว่างคิ้ว
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อวิ่งลงมาจากตัวบ้านก็วิ่งตรงไปที่สวนหลังบ้าน จนเห็นร่างของซูซีมู่ปรากฏตรงสายตา เธอถึงจะลดฝีเท้าลง จากนั้นก็เดินมาหาซูซีมู่ทีละก้าว
เพราะซูซีมู่กำลังหันหลังให้เธอ และประกอบกับมีเสียงดอกไม้ไฟที่ได้บดบังเสียงอย่างอื่นไว้ โล่เฟยเอ๋อเดินมาถึงข้างกายซูซีมู่แล้ว แต่ซูซีมู่ก็ยังไม่รู้ตัว
เนื่องจากสาเหตุนี้ โล่เฟยเอ๋อจึงดูความทุกข์ใจบนใบหน้าของซูซีมู่ออก เป็นความทุกข์ที่ต่างจากดอกไม้ไฟที่มีสีสันสดใสตรงหน้า
“ซูซีมู่ คุณเป็นอะไรหรือค่ะ?”
ตอนนี้ซูซีมู่ถึงเห็นโล่เฟยเอ๋อมาอยู่ที่ข้างเขากาย สีหน้าก็เกิดความแข็งทื่อ จากนั้นก็รีบกลับมาเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนปกติ
“ไม่เป็นอะไร”
อย่างกับว่าเมื่อกี้ที่โล่เฟยเอ๋อเห็นสีหน้าเขาทุกข์ใจนั้นเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเองเท่านั้น
แต่โล่เฟยเอ๋อมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเอง
เมื่อกี้ซูซีมู่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมถึงมีความทุกข์ใจกะทันหันล่ะ?
ส่วนซูซีมู่ไม่ได้ให้เวลาเธอคิดเรื่องนี้นาน เขาตอบเบาๆว่า“วันนี้ดึกมากแล้ว ต้องพักที่นี่หนึ่งคืนนะครับ”
พักที่นี่หนึ่งคืน?โล่เฟยเอ๋ออยากจะปฏิเสธโดยจิตใต้สำนึก แต่เมื่อเห็นระหว่างคิ้วของซูซีมู่มีความเหน็ดเหนื่อย เธอจึงได้หุบปากเงียบไว้
ซูซีมู่ยุ่งอยู่ที่ห้องหนังสือทั้งวัน จากนั้นก็ขับรถพาเธอออกมา จากตรงนี้กลับไปที่คฤหาสน์ก็ต้องใช้เวลาสองชั่วโมง และตอนนี้ก็จะเที่ยงคืนแล้ว เกือบทั้งคืนที่ซูซีมู่ต้องอยู่แต่ในรถ
โล่เฟยเอ๋อเม้มปากพลางพยักหน้า “ค่ะ”
ซูซีมู่พูดหนึ่งคำว่า “อืม” จากนั้นก็หันหน้าเดินเข้าไปในอาคาร
โล่เฟยเอ๋อมองดอกไม้ไฟที่กำลังจะดับลงทีละน้อยแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินตามเข้าไป
ซูซีมู่นำทางโล่เฟยเอ๋อเข้าวิลล่า จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 2 แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนหลัก
“คุณนอนห้องนี้นะครับ……”ซูซีมู่พลางพูดพลางเปิดประตูห้อง
ประตูห้องเปิดออกก็มีสีสันแห่งความเฉลิมฉลองปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ปราสาทวิลล่าเป็นเรือนหอของโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ ห้องนอนหลักของเรือนหอจึงเป็นห้องนอนของพวกเขา
พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยาอย่างแท้จริง โล่เฟยเอ๋อจึงเกรงใจที่ต้องนอนห้องนี้?
“ฉันนอนห้องอื่นดีกว่าค่ะ”
“คุณนอนที่นี่แหละครับ” น้ำเสียงของซูซีมู่แฝงความนัยว่าอย่าสงสัยอะไร
โล่เฟยเอ๋ออ้าปากจะพูดอะไร ซูซีมู่ก็กล่าวต่อว่า“ด้านซ้ายของประตูเป็นห้องน้ำ ด้านขวาของประตูเป็นห้องแต่งตัว ถ้าคุณจะอาบน้ำก็ไปหาเสื้อผ้าที่นั่น”
ซูซีมู่พูดขนาดนี้แล้ว โล่เฟยเอ๋อจะทำอะไรได้อีก?ต้องก็ตอบตกลงสิ
“ออ ค่ะ”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป
โล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องหลายวินาที จากนั้นก็เดินเข้าห้องแต่งตัวไปเอาเสื้อผ้ามาหนึ่งชุดแล้วไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอรู้สึกว่ากระหายน้ำ จึงลงจากชั้นสองไปหาน้ำดื่ม
เมื่อเดินมาถึงที่บันไดก็เห็นซูซีมู่หลับตาแล้วนั่งพิงอยู่ที่โซฟา
ทำไมเขาถึงมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกล่ะ?โล่เฟยเอ๋อลงจากบันไดด้วยความสงสัย
เธอไม่ได้จงใจจะลดเสียงเท้าให้เบาลง ตั้งแต่ที่เดินลงจากบันได ซูซีมู่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมองเลย
หรือเขาจะหลับไปแล้ว?ในสมองของโล่เฟยเอ๋อโผล่ความคิดนี้ขึ้นมา จากนั้นจึงเดินย่องไปหาซูซีมู่อย่างระมัดระวัง
ผู้ชายหายใจยาวและสม่ำเสมอ มุมปากยังมีรอยยิ้มที่ไม่ค่อยชัดเจน น่าจะนอนหลับแล้วจริงๆ
เหนื่อยล้ามากเกินไปใช่ไหม ถึงได้นั่งหลับอยู่ที่โซฟา?
ถ้านอนที่โซฟาอย่างนี้ต้องเป็นหวัดแน่ๆ
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตริตรองก็คิดจะปลุกซูซีมู่ให้ตื่น“ซูซี่มู่…