บทที่190 ชวนเขาออกไปด้วยกัน
เธอไม่ได้เข้าห้องทำงานของซูซีมู่เพียงครั้งเดียว และไม่ได้เห็นภาพที่เขาตรวจเอกสารแค่ครั้งเดียว ทว่าเธอไม่เคยรู้หรือเห็นเวลาที่ซูซีมู่เผชิญหน้าต่อลูกน้องเลย
โดยปกติจะสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง สงบ และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ซูซีมู่ในตอนนี้ ตั้งใจและมุ่งมั่นในการทำงาน มีความเชื่อมั่นตัวเองและมีการวางแผนกลยุทธ์ในการทำงาน
ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งเสมอ ไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา น้ำเสียงเรียบนิ่ง คำพูดชัดถ้อยชัดคำและเยือกเย็น ไม่มีอารมณ์ขึ้นลงใดๆ แต่ฟุ้งไปด้วยออร่าธรรมชาติ
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองซูซีมู่ จนค่อยๆเหม่อลอย
“คุณมาหาผมมีอะไร………”หลังจากที่ซูซีมู่ประชุมเสร็จ เงยหน้าขึ้น ก็พบกับโล่เฟยเอ๋อที่จ้องเขาตาไม่กะพริบ เสียงของเขาก็หยุดชะงัก
เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองเขา โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกประหม่า “คือ……ฉันไม่มีธุระอะไร แค่มาดูว่าคุณทำงานเสร็จหรือยัง?”
“ยังเหลือเอกสารที่ตรวจไม่เสร็จนิดหน่อย”ซูซีมู่จ้องมองไปยังโล่เฟยเอ๋อแล้วตอบ
โล่เฟยเอ๋อก็พูดขึ้นอีกว่า “คุณทำงานของคุณไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน
โล่เฟยเอ๋อก็ไม่กล้าที่จะแอบมองซูซีมู่อีก เธอไปหยิบสมุดอะไรสักอย่างบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
ตอนที่เปิดสมุดออก เธอถึงรู้ว่าบนสมุดนั้นเป็นลายมือของซูซีมู่
เนื้อหาใจความที่เขียนไว้คืออะไร โล่เฟยเอ๋อก็ไม่รู้ มันเป็นสมุดที่หนาเท่านิ้วโป้ง มีตัวหนังสือเต็มไปหมด สามารถจินตนาการได้ว่าซูซีมู่ใช้พลังงานและเสียเวลาไปกับมันเท่าไหร่
ทุกคนล้วอิจฉาาเขา เพราะซูซีมู่เป็นประธานของบริษัทซูซื่อ มีอิทธิพลและอำนาจ มีเงินทองมหาศาล ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าซูซีมู่ต้องมีความพยายามและต้องใจสู้แค่ไหน
ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตร่วมกับซูซีมู่ เธอเห็นซูซีมู่ทำงานล่วงเลยจนดึกดื่นเกือบทุกวัน
ถึงแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บที่เมืองหลวง ตอนที่นอนโรงพยาบาล เขาก็ต้องอ่านและตรวจเอกสารเช่นเดิม
โล่เฟยเอ๋อหันไปมอง ก็พบว่าซูซีมู่กำลังใช้มือข้างหนึ่งนวดขมับ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็เปิดเอกสาร เขาเหมือนเริ่มรู้สึกปวดตา
จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าซูซีมู่ และยื่นมือออกไปปิดเอกสาร
จู่ๆก็มีมือเรียวมาปรากฏอยู่บนเอกสาร ซูซีมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันจะออกไปแล้ว คุณจะออกไปพร้อมกับฉันไหม?” เมื่อได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่เกือบคิดว่าเขาเห็นภาพหลอนแล้ว
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ชวนเขาออกไป? นานจนเขารู้สึกว่าชาตินี้ก็จะไม่มีวันได้ยินคำพูดแบบนี้อีกแล้ว
เมื่อโล่เฟยเอ๋อเห็นว่าซูซีมู่ไม่พูดไม่จา จึงคิดว่าเขาจะปฏิเสธเธอ
นัยน์ตาของเธอแสดงความผิดหวังออกมาเล็กน้อย ตอนที่เธอกำลังจะพูดว่า ‘ถ้าคุณไม่มีเวลา งั้นก็ช่างมันเถอะ”
ซูซีมู่ก็พูดขึ้นเสียก่อน “โอเค”
เมื่อได้ยินซูซีมู่พูดว่า ‘โอเค’ แววตาของโล่เฟยเอ๋อก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นฉันไปใส่เสื้อกันหนาวก่อนนะ?”
“อืม”ซูซีมู่พยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “ใส่ตัวที่หนาหน่อยนะ”
“อืม ฉันรอคุณด้านล่างนะ”โล่เฟยเอ๋อพูดจบก็หันหลัง กระโดดโลดเต้นออกไปจากห้องทำงาน
มองดูแผ่นหลังของเธอที่จากไปอย่างมีความสุข ซูซีมู่ก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เขาเก็บเอกสารในมือให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็หันไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองที่แขวนไว้ลงมา สวมใส่แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน……….
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าเธอจะต้องรอซูซีมู่อีกครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในตอนที่เธอลงมาถึง เขาก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว
“คุณลงมาแล้วหรอ!”ซูซีมู่ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับมองไปยังตัวเธอแล้วพิจารณา
เขามองเธอทำไม? มีอะไรติดหน้าเธอหรอ? หรือว่าเธอใส่ชุดผิด?
โล่เฟยเอ๋อก้มลงมองตัวเองอย่างสงสัย ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เธอกำลังจะเอ่ยปากถาม
แต่ซูซีมู่ก็พูดตัดหน้าเสียก่อน “ไปกันเถอะ”เขาหันหลังแล้วเดินไป
เธอคิดมากไปเองหรอ? โล่เฟยเอ๋อจับจมูกของตัวเอง จากนั้นก็ขานตอบ ‘อื้ม’แล้วเดินตามไป
หลังจากที่ขึ้นไปในรถ ซูซีมู่ก็ถามขึ้นว่า “ไปไหน?”
“ไปแถวสี่แยกตึกอวิ๋นเหซียง”โล่เฟยเอ๋อพูดจบ ก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “ฉันอยากไปกินทิรามิสุที่นั่น ได้ไหม?”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ แล้วไม่พูดอะไรอีก
โล่เฟยเอ๋อนั่งไปครู่หนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาดู
จู่ๆก็มีเสียงอุทานออกมา “คืนนี้ที่เขตตะวันออกเขาจุดดอกไม้ไฟกัน………”
“เสียดายที่พลาดโอกาส เฮ้อ…..น่าเสียดายจริงๆ………”
ซูซีมู่หันไปมองเธอครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งใจขับรถและมองไปทางถนนข้างหน้าอย่างจริงจัง
ตลอดจนถึงตอนติดไฟแดง ซูซีมู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า รีบแก้ไขข้อความอย่างรวดเร็วแล้วส่งออกไป
ตาโล่เฟยเอ๋อจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ตลอด จึงไม่ได้สังเกตเห็นถึงการกระทำของเขา
ตอนที่ไฟเขียว ซูซีมู่ก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็ขับรถออกไปตามท้องถนน
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาซื้อทิรามิสุที่ร้านเค้กแถวสี่แยกตึกอวิ๋นเหซียง
ขากลับบนรถ ซูซีมู่ก็ถามขึ้นว่า “ยังอยากจะไปที่ไหนอีกไหม?”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัว “ไม่มีแล้ว”
“งั้นผมจะพาคุณไปที่ๆหนึ่ง?”ซูซีมู่เลิกหางคิ้วแล้วพูดขึ้น
โล่เฟยเอ๋อถามขึ้นว่า “ที่ไหน?”
ซูซีมู่ไม่ได้บอกเธอว่าจะพาไปไหน เขาพูดเพียงว่า “ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง”
หลังจากที่ถึงจุดหมายปลายทาง บนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยความไม่กล้าที่จะเชื่อ
ซูซีมู่พาเธอมาที่คฤหาสน์ เป็นสถานที่ๆพวกเขาสองคนแต่งงานกัน
เดิมว่ากันว่าที่นี่เป็นเรือนหอที่คุณท่านเตรียมไว้ให้กับเธอและซูซีมู่ แต่ว่าในวันแต่งงานนั้นเขาพาเธอจากไป แล้วไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีก
ตอนนี้เขาพาเธอมาที่นี่ทำไม? โล่เฟยเอ๋อมองออกไปนอกรถดูคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีไฟสว่างไสวประดับอยู่
ตอนที่เธอกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง ซูซีมู่ก็ดับเครื่องยนต์แล้วลงไปจากรถ จากนั้นอ้อมมายังประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ มาเปิดประตูให้โล่เฟยเอ๋อ
“ลงมาสิ”
โล่เฟยเอ๋อละสายตาจากคฤหาสน์ แล้วหันมามองซูซีมู่ จากนั้นก็ถือทิรามิสุแล้วลงมาจากรถ
ซูซีมู่ปิดประตูรถแล้วล็อกรถ จากนั้นก็จูงมือของเธอ “ไปกันเถอะ”
โล่เฟยเอ๋อจ้องไปยังซูซีมู่ มองดูเขาที่ไม่บอกเธอว่ามาที่นี่ทำไม ทำได้เพียงเดินตามเขาไป
เขาปลดรหัสประตูใหญ่ จากนั้นก็พาโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในคฤหาสน์
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่า ไฟในวิลล่าเปิดหมดเลย ต้องมีคนอยู่แน่ๆ
หลังจากที่เข้าไปข้างในถึงรู้ว่าไม่มีใครอยู่สักคน
หรือว่าซูซีมู่พาเธอมาเดินเล่นในคฤหาสน์ตอนกลางคืน? ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าคฤหาสน์ที่สวยงามนี้ควรค่าแก่การเยี่ยมชม แต่ว่ามาเดินเล่นตอนกลางคืน มันรู้สึกแปลกเล็กน้อย
ทว่าซูซีมู่ไม่ได้พาเธอเยี่ยมชมคฤหาสน์ แต่พาเธอเข้าไปในห้องอาหาร บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอาหารมากมาย มันเยอะจนทำให้โล่เฟยเอ๋อพูดไม่ออก
โล่เฟยเอ๋อทำหน้ามุ่ยแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเตรียมอาหารค่ำไว้แล้ว? ฉันจะได้ไม่ต้องซื้อเค้ก”
“เอาเค้กไปแช่ไว้ในตู้เย็น พรุ่งนี้ค่อยกิน”ซูซีมู่ตอบ
เค้กไม่สามารถเทียบกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี้ได้ โล่เฟยเอ๋อก็เลยเห็นด้วยกับเขา “โอเค”