บทที่ 202 ฉันไม่อยากไปบ้านโล่
ความจริงแล้วโล่เฟยเอ๋อคิดว่าการที่ตนเองให้คนรับใช้ไปเรียกซูซีมู่มาค่อนข้างหุนหันพลันแล่นไปหน่อย
เมื่อรู้ว่าซูซีมู่ไม่โกรธ แถมยังห่วงใยเธอ เธอก็หวั่นไหวแล้ว
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าตนเองที่เป็นแบบนี้ทำให้จิตใจไม่แข็งแรง แต่เธอจะล้มเลิกความตั้งใจไม่ได้
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แม้แต่ตัวเธอเองก็จำไม่ได้แล้ว…
พอซูซีมู่เดินเข้าประตูมา ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อกำลังจ้องอาหารเช้าบนโต๊ะอาหารอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
แสงแดดจากนอกหน้าต่างตกกระทบทำให้ใบหน้าเธอดูบริสุทธิ์งดงามละเอียดลออ กระจายส่งกลิ่นลอยในอากาศอย่างเลือนลาง ทำให้ซูซีมู่มองอย่างเหม่อลอยในชั่วพริบตา
หลังจากโล่เฟยเอ๋อได้สติกลับคืนมา ก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่ง เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็เห็นซูซีมู่ยืนอยู่ตรงประตู
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอถึงไม่รู้?
โล่เฟยเอ๋อตะลึงไปสักพัก หลังจากนั้นเอ่ย “นายมาแล้ว?”
ซูซีมู่พยักหน้าตอบ ‘อืม’ แล้วก้าวเดินเข้ามานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโล่เฟยเอ๋อ
เพราะรู้ว่าซูซีมู่ไม่ชอบพูดมาก แต่ทั้งสองก็ไม่สามารถนั่งเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรได้ โล่เฟยเอ๋อก็คิดหาหัวข้อจนสมองแทบแตกแล้วเอ่ย “คุณทานข้าวเช้าหรือยัง?”
ซูซีมู่อึ้งไปสักพักแล้วส่ายหัว “ยัง”
ไปบ้านเหซิงเช้าขนาดนั้น สุดท้ายยังไม่ได้ทานข้าวเช้า? โล่เฟยเอ๋อมองซูซีมู่แวบหนึ่ง หลังจากนั้นลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป
ซูซีมู่มองตามเงาเบื้องหลังที่จากไปของโล่เฟยเอ๋อ แล้วกระพริบตาอย่างประหลาดใจ
เธอให้คนรับใช้เรียกเขามา แล้วยังถามว่าเขาทานข้าวเช้าหรือยัง…ตอนนี้ยังจากไปโดยไม่พูดอะไร เธอต้องการจะทำอะไร?
ในตอนที่ซูซีมู่กำลังแปลกใจอยู่นั้น โล่เฟยเอ๋อก็กลับมา ในมือถือชามเปล่าหนึ่งชามกับตะเกียบหนึ่งคู่
เธอวางชามกับตะเกียบตรงหน้าซูซีมู่ “ทานด้วยกันเถอะ”
ที่แท้เธอไปช่วยเขาหยิบชาม นั่นหมายความว่าเธอไม่โกรธที่เขาทำร้ายเธอใช่ไหม?
ซูซีมู่กระพริบตาอย่างยินดี แล้วพยักหน้า ‘อืม’
ทั้งสองคนเริ่มทานอาหารเช้ากันอย่างเงียบ ๆ นอกจากจะมีเสียงตะเกียบดังกระทบชามกระเบื้องแล้วในห้องก็มีแต่ความเงียบ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คนรับใช้ก็เก็บของออกไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงซูซีมู่คนเดียว
เงียบไปสักพัก ซูซีมู่ก็เอ่ยปาก “ฉันบีบมือเธอจนเป็นแบบนี้…ขอโทษ…”
พอได้ยินคำขอโทษจากซูซีมู่อย่างกะทันหัน โล่เฟยเอ๋อก็อึ้งไปสักพักแล้ว ตอบกลับ “ไม่เป็นไรเป็นแค่รอยแดงเท่านั้น”
ซูซีมู่เม้มมุมปากเบา ๆ หลังจากนั้นถาม “มือดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
โล่เฟยเอ๋อชูมือขึ้นมองแวบหนึ่งแล้วตอบ: “หมอเฉิงเอายาให้ฉันแล้ว อีกสักพักฉันจะไปทา”
พอได้ยินว่าโล่เฟยเอ๋อยังไม่ได้ทายา หน้าของซูซีมู่ก็เริ่มมืดครึ้มขึ้นมาอีกแล้ว “ยาอยู่ไหน?”
ทันทีที่สีหน้าของซูซีมู่ ทำให้โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปสักพัก หลังจากที่รู้สึกตัวก็ถาม “โต๊ะน้ำชาในห้องรับแขก…”
โล่เฟยเอ๋อพูดยังไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ลุกขึ้นไปห้องรับแขกแล้ว
ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็เอายาจากห้องรับแขกเข้ามา
หลังจากนั้นนั่งข้างโล่เฟยเอ๋อ จัดการเปิดฝาแล้วบีบยาลงบนสำลี หลังจากนั้นวางหลอดยาไว้ข้าง ๆ แล้วกุมมือขวาของโล่เฟยเอ๋ออย่างระมัดระวัง
“อาจจะมีเจ็บบ้าง เธอทนหน่อยนะ” พูดจบ ซูซีมู่ก็พยายามใช้สำลีป้ายยาแล้วค่อย ๆ ทาลงบนรอยนิ้วมือบนข้อมือขวาของโล่เฟยเอ๋ออย่างอ่อนโยน
ในตอนที่ยาเพิ่งจะทาลงบนข้อมือ โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเย็นสบายมาก ดังนั้นในขณะที่ซูซีมู่กำลังทายา เธอจึงไม่ขยับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
พอทายาเสร็จ ซูซีมู่ก็ไปล้างมือในห้องน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาหยิบยาที่วางบนโต๊ะเตรียมที่จะเก็บขึ้นมา
โล่เฟยเอ๋อยิ้มแล้วบอกซูซีมู่: “ให้ฉันทำเถอะ”
ซูซีมู่ก้มหน้ามองยาในมือแวบหนึ่ง หลังจากนั้นค่อย ๆ วางลงในมือของโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อเก็บยาใส่กระเป๋าลวก ๆ แล้วบอกซูซีมู่: “นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ จากนั้นรู้สึกว่าตอบแบบนี้ง่ายเกินไป เลยเพิ่มอีกประโยค “เธอพูดสิ”
“คือว่า…ฉันทำของหล่นไว้ที่บ้านเหซิง นายช่วยโทรหาซูยุ่นหน่อยได้ไหม ให้เธอช่วยเอาของกลับมาให้ฉัน?” โล่เฟยเอ๋อพูด
พอฟังโล่เฟยเอ๋อพูด ซูซีมู่เพิ่งจะนึกได้ ตอนนั้นเขารีบพาโล่เฟยเอ๋อออกมาจากบ้านเหซิง เลยลืมว่าโล่เฟยเอ๋อยังมีของอยู่ที่บ้านเหซิง
แต่เรื่องที่เฟยเอ๋อให้เขาโทรหาซูยุ่นนี่…
“ฉันโทรหาซูยุ่นไม่ได้”
พอได้ยินว่าซูซีมู่บอกว่าโทรหาซูยุ่นไม่ได้ แวบแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าซูซีมู่ไม่อยากให้ซูยุ่นช่วยเธอ
จึงเอ่ยเพียง: “โอเค ฉันจะไปหาคุณปู่…”
โล่เฟยเอ๋อยังไม่ทันพูดจบ เสียงของซูซีมู่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่มีเบอร์ของซูยุ่น”
โล่เฟยเอ๋อนึกไม่ถึงว่าที่ซูซีมู่โทรหาซูยุ่นไม่ได้ จะเป็นเพราะเขาไม่มีเบอร์ของซูยุ่นเลยอึ้งไปสักพัก “เอ่อ…”
“เหซิงโม่น่าจะยังอยู่บ้าน ให้เขาเอาของมาให้เธอ” ซูซีมู่พูดอย่างเรียบ ๆ
ของเล็กน้อยของเธอนั้น ยังต้องรบกวนเหซิงโม่เอามาให้ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าเป็นการใช้คนที่มีความสามารถมาทำเรื่องเล็กน้อยให้ “เจาะจงให้คนอื่นไปมาหนึ่งรอบ คงไม่ดีหรอกมั้ง”
ซูซีมู่เอียงหัวแล้วมองโล่เฟยเอ๋อ “ไม่เป็นไร”
ในเมื่อซูซีมู่ไม่พูดอะไร โล่เฟยเอ๋อก็ไม่มีอะไรจะพูด ฝ่ายตรงข้ามอย่างเหซิงโม่ยังเป็นพี่น้องกับซูซีมู่ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าแล้วตอบ ‘อืม’
แสงส่องผ่านดวงตาของซูซีมู่ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ
หลังจากโทรเสร็จ ซูซีมู่ก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?” โล่เฟยเอ๋อถามอย่างงง ๆ
“บ้านเธอ” ซูซีมู่พูดแล้วก้าวเดินออกไปข้างนอก
พอได้ยินซูซีมู่พูดว่า ‘บ้านเธอ’ โล่เฟยเอ๋อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุณท่านเคยพูดไว้ว่ารอให้ซูซีมู่กลับประเทศก่อนค่อยไปบ้านเธอ
พอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ซูซีมู่ไปบ้านของเธอ โล่เฟยเอ๋อก็หลุบตาลงอย่างเยือกเย็น หลังจากนั้นรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไป
“ซูซีมู่พวกเราไม่ไปได้หรือไม่?”
เพราะเหซิงโม่จะมา เธอเลยจะไม่ไปใช่ไหม?
ซูซีมู่หลุบสายตาเยือกเย็น
แต่เขาปฏิเสธเธอได้ที่ไหนกันเล่า!
เขาหลับตาแล้วบอก: “อืม พรุ่งนี้ไป”
“ไม่ไป” โล่เฟยเอ๋อพูดจบก็พูดเสริมอีกประโยค “ฉันไม่อยากไปบ้านโล่”
วันที่สถานการณ์เลวร้ายจนน่าตกใจอย่างนั้น โล่เฟยเอ๋อใช้น้ำเสียงพูดออกมาเบาขนาดนี้ แต่กลับทำให้ซูซีมู่หวั่นไหวอย่างมาก
ที่ไม่ไปบ้านโล่ก็เพราะเธอไม่อยากกลับไป…ไม่ใช่เพราะเหซิงโม่จะมา…
ซูซีมู่ลืมตาขึ้น หันกลับมาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “เธอพูดอะไร?”
“ฉันบอกว่า…ฉันไม่อยากกลับบ้านโล่…” โล่เฟยเอ๋อหยุดพูดที่ละคำแล้วทวนให้ซูซีมู่ฟัง หลังจากนั้นเธอก็นึกถึงความรู้สึกที่ซูซีมู่มีต่อโล่หยิวชิว ไม่ว่าจะทำเรื่องใดก็จะยอมไปบ้านโล่อย่างแน่นอน ต่อให้เธอมีปากมากก็เถอะ ก็เหมือนครั้งก่อนที่คุณพ่อขอให้ซูซีมู่ช่วยพัฒนาการตลาดต่างประเทศ
โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากของเธอแล้วบอกเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “ฉันจะไม่ไป ถ้าคุณอยากไป คุณก็ไปเถอะ”
หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ ก็หันไปแล้วรีบเดินออกจากห้องไป ราวกับกลัวคำตอบของซูซีมู่