บทที่ 203 ภรรยาของซูซีมู่คุมเข้มหรือ
ซูซีมู่ที่เพิ่งรู้จากปากโล่เฟยเอ๋อว่าที่เธอไม่อยากไปบ้านโล่ไม่ใช่เพราะเหซิงโม่ แต่เพราะไม่อยากไปบ้านโล่
ผลสุดท้ายคือเมื่อครู่โล่เฟยเอ๋อยังบอกเขาอีกครั้งว่า เธอไม่อยากไป ถ้าเขาอยากไปก็ให้ไปเอง
เธอไม่ไป แล้วเขาจะไปทำอะไรคนเดียว?
สาเหตุที่เขาอยากไปบ้านโล่ ทั้งหมดเป็นเพราะไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจ
ครั้งก่อนตอนที่เขาเห็นโล่ชิงไป๋ตบเธอ เขาโกรธจนอยากจะตีโล่ชิงไป๋สักที
เมื่อครู่เขาอยากจะบอกโล่เฟยเอ๋อว่า ถ้าเธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป
ผลสุดท้ายคือโล่เฟยเอ๋อหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
“เฟยเอ๋อ…” ซูซีมู่รู้สึกตัวจึงได้ตามไป
ผลคือ ‘ตุบ’ เขาถูกโล่เฟยเอ๋อทิ้งไว้นอกห้อง
“เฟยเอ๋อ? เฟยเอ๋อ?” ซูซีมู่ตะโกนอยู่หน้าประตู แต่ในห้องกลับไม่มีเสียงตอบรับ
เฟยเอ๋อโกรธแล้ว! สีหน้าของซูซีมู่มีความอมทุกข์ปรากฏ
ใครใช้ให้เขาอยากให้เธอกับเขาไปบ้านโล่ด้วยกัน…
ซูซีมู่ไม่ได้เคาะประตูต่อ ยืนอยู่หน้าห้องสักพักค่อยจากไป
พอได้ยินว่าด้านนอกมีเสียงก้าวเดินจากไป มุมปากของโล่เฟยเอ๋อก็โค้งเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดรวดร้าว เขาคงไปบ้านโล่แล้วสินะ…
ซูซีมู่จากไปไม่นาน คุณท่านก็มา
พอคุณท่านเข้าประตูมาก็ถามอย่างรีบร้อนว่า “เฟยเอ๋อ ได้ยินว่าเธอบาดเจ็บเหรอ เจ็บหนักไหม?”
เดิมทีตอนแรกซูซีมู่เรียกหมอเฉิงมาดูอาการโล่เฟยเอ๋อ เลยทำให้คุณท่านรู้เรื่องแล้ว
พอได้ยินคุณท่านถาม โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกอายอย่างมาก
รอยแดงเล็กนิดหน่อยที่ข้อมือของตนนั่นนับว่าบาดเจ็บไม่ได้มั้ง?
“คือว่า…คุณปู่ ฉันไม่ได้บาดเจ็บ”
“ไม่ได้บาดเจ็บได้อย่างไร? หมอเฉิงก็มาแล้ว” คุณท่านทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
สุดท้ายโล่เฟยเอ๋อก็ได้ยืนยันอีกครั้งว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร คุณท่านถึงจะวางใจแล้วยอมจากไป
ซูซีมู่เดินจากบ้านเข้ามา แล้วยังโทรหาเหซิงโม่ให้เขาเอาของของโล่เฟยเอ๋อมาส่ง
เหซิงโม่รู้จักกับซูซีมู่มาหลายปี ปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องใหญ่ซูซีมู่ก็จะไม่โทรหาเขา และทุกครั้งที่โทรก็จะพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็จบ แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ซูซีมู่จะโทรหาเขาติดกันสองครั้ง
เหซิงโม่คิดอย่างเชื่อมั่นว่า ระหว่างซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
อย่าโทษที่เขาคิดเยอะไปเลย เพราะเมื่อเช้าซูซีมู่พาโล่เฟยเอ๋อไปโดยมีสีหน้าที่ดูไม่ได้
เหซิงโม่พุ่งฝ่าไฟแดงแล้วหลายครั้ง รีบไปที่คฤหาสน์บ้านซู
“ซูซีมู่ นายกับเฟยเอ๋อคงไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?”
พอได้ยินเหซิงโม่พูด ก็นึกถึงท่าทีที่เหซิงโม่มีต่อโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่เลยมีสีหน้าที่มืดครึ้มขึ้นมา “นายหวังจะให้พวกเราทะเลาะกัน?”
เหซิงโม่รู้สึกว่าคำพูดของซูซีมู่ช่างแปลกกระหลาด เขาจะหวังให้ซูซีมู่กับเฟยเอ๋อทะเลาะกันได้อย่างไร?
“แน่นอนว่าต้องไม่สิ”
คำตอบของเหซิงโม่ ทำให้ซูซีมู่พอใจ สีหน้าจึงดูดีขึ้นไม่น้อย
“อืม นายไม่หวังก็ดีแล้ว”
เขาไม่หวังอะไร? เหซิงโม่เงียบไปสักพัก หลังจากนั้นนึกอะไรขึ้นได้แล้วถาม: “ใช่แล้วซูซีมู่ เครื่องบินของลู่ยู่จะมาถึงพรุ่งนี้เช้า เลยอย่างถามว่านายกับเฟยเอ๋อมีเวลาไปทานข้าวด้วยกันไหม”
“อืม…” เดิมทีซูซีมู่เตรียมที่จะตอบ ‘อืม ได้’ แต่เขาเพิ่งตอบ ‘อืม’ เพราะเหซิงโม่ถามคือเขากับเฟยเอ๋อมีเวลาหรือไม่
“ต้องถามเธอ” ความหมายของซูซีมู่คือโล่เฟยเอ๋อจะไปหรือไม่ไป ต้องถามความคิดเห็นของเธอ
แต่พอฟังจากหูของเหซิงโม่ กลับเป็นซูซีมู่จะไปหรือไม่ ต้องถามความคิดเห็นของโล่เฟยเอ๋อก่อน
ตอนแรกเหซิงโม่ยังกังวลว่าซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ความกังวลสักนิดก็ไม่มีแล้ว กลับรู้สึกว่าซูซีมู่โดนภรรยาคุมเข้มเสียแล้ว
เขาส่งสายตาให้ซูซีมู่แล้วเอ่ย: “ได้แน่นอน นายถามเถอะ แล้วฉันจะรอคำตอบจากนาย”
ซูซีมู่รู้สึกว่าการแสดงออกทางสีหน้าของเหซิงโม่ดูแปลกไปเล็กน้อย แต่คำพูดของเขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงตอบ: “ถึงเวลาแล้วจะโทรหานายอีกครั้ง”
“ได้สิ ฮ่าฮ่า…” เหซิงโม่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว “นายหัวเราะอะไร”
ก็หัวเราะซูซีมู่ที่คิดไม่ถึงว่าภรรยาจะคุ้มเข้มน่ะสิ! แน่นอนว่าเหซิงโม่ไม่มีความกล้าที่จะพูดออกมาขนาดนั้น จึงทำได้เพียงตอบ “ไม่มีอะไร”
แต่ปากที่ยิ้มแบบนั้นของเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดความจริง
“หืม?” ดวงตาของซูซีมู่หรี่ลงอย่างอันตราย
พอรู้ว่าตอนเองเริ่มเข้าใกล้ไฟแล้ว เหซิงโม่ก็ตัดสินใจออกไปอย่างรวดเร็ว
“คือว่า…ฉันยังมีธุระ ของเฟยเอ๋อฉันเอามาให้นายแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
เหซิงโม่พูดประโยคนี้จบ ก็วางกระเป๋ากับถุงช้อปปิ้งแล้วจากไป
ซูซีมู่รู้สึกว่าเหซิงโม่มีบางอย่างแปลก ๆ แต่เขา ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบกระเป๋าและถุงช้อปปิ้งแล้วกลับบ้านไป
พอโล่เฟยเอ๋อเห็นซู่ซีมู่เข้ามา ก็รู้สึกเกินความคาดหมาย
เขาไปบ้านโล่แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้?
โล่เฟยเอ๋อลองถามหยั่งเชิง “คุณกลับมาแล้ว”
ซูซีมู่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังพูดว่าเขากลับมาจากบ้าน เขาจึงพยักหน้าพร้อมบอก ‘อืม’ หลังจากนั้นก็นำกระเป๋าและถุงช้อปปิ้งที่อยู่ในมือส่งให้เธอ “ของเธอ”
ไม่ใช่ว่าไปบ้านโล่เหรอ? ทำไมถึงถือของเธอได้?
มีความประหลาดใจวาบผ่านสายตาของโล่เฟยเอ๋อ หลังจากนั้นก็ตอบสนองกลับมา อาจจะเป็นเหซิงโม่เอาของมาไว้ให้ที่บ้าน ในตอนที่ซูซีมู่กลับมาพอดี เลยหยิบกลับมาให้เธอ
“อืม ขอบคุณ” โล่เฟยเอ๋อหยิงกระเป๋าและถุงช้อปปิ้งจากมือของซูซีมู่มา
ขอบคุณ? ขอบคุณที่เขาโทรหาเหซิงโม่? ซูซีมู่นิ่งอึ้งไปสักพักแล้วตอบ “ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ได้เหนื่อยอะไร”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ‘อืม’ เบา ๆ หลังจากนั้นเตรียมจะเอ่ยปาก “ใช่แล้ว…”
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น
“ฉันรับโทรศัพท์ก่อน” พอโล่เฟยเอ๋อพูดประโยคนี้กับซูซีมู่เสร็จ ก็หันกลับไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
บนมือถือแสดงให้เห็นว่าเป็นสายของเห่อจิ้นเหยาโทรมา
“สวัสดีค่ะ คุณป้าเหยา…” โล่เฟยเอ๋อใช้เวลาคุยกับสายนี้ไปแล้วครึ่งชั่วโมง
ถึงแม้จะได้ยินโล่เฟยเอ๋อคุยแค่นี้ แต่ซูซีมู่ก็มองออกถึงความสัมพันธ์ของโล่เฟยเอ๋อกับเห้อจิ้นเหยาว่าไม่เลวเลยทีเดียวผ่านน้ำเสียงและอารมณ์เวลาพูดของโล่เฟยเอ๋อ
ครั้งก่อนที่อยู่บ้านโล่ ก็เห็นว่าเห้อจิ้นเหยาปกป้องโล่เฟยเอ๋อมาก
ซูซีมู่นึกขึ้นได้ว่าโล่เฟยเอ๋อเคยบอกเขาว่า เห้อจิ้นเหยาดีกับเธอมาก ๆ เป็นแม่เลี้ยงที่ไม่เลว
แต่เขาลืมเรื่องอะไรไปหรือเปล่า?
ในตอนนี้ซูซีมู่ยังไม่รู้ว่าเขาลืมเรื่องใหญ่ที่สำคัญไปแล้ว ที่จะทำให้ชีวิตเขาเสียใจในภายหลัง
พอโล่เฟยเอ๋อวางสาย ก็พอว่าซูซีมู่ยังยืนอยู่ที่เดิม เลยถามอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย: “ขอโทษนะ ฉันโทรศัพท์นานเกินไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร” ซูซีมู่ส่ายหัวเบา ๆ
“อืม” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า หลังจากนั้นบอก “ฉันอยากคุยกับนายว่าเมื่อวานฉันใช้บัตรของนายรูดไปแปดหมื่นแปด”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าเมื่อวานเธอใช้บัตรของซูซีมู่รูดไปเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ อย่างไรก็ควรบอกเจ้าของสักหน่อย
ซูซีมู่ไม่คิดว่าโล่เฟยเอ๋ยจะคุยกับเขาเรื่องนี้ เลยบอก “บัตรนั่นเป็นของเธอแล้ว”
ความหมายคือ บัตรเป็นของเธอ เธอจะรูดอย่างไรก็รูดไป
“เอ่อ…เอาเถอะ” โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าเธอถามเยอะจริง ๆ