บทที่211บอสของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ให้การสนับสนุนเธอ
ดูโล่เฟยเอ๋อมีเชื่อฟังดีแบบนี้ ซูซีมู่ยกฝ่ามือขึ้นแล้วถูแก้มนุ่มของโล่เฟยเอ๋อเบา ๆ จากนั้นค่อยๆหันมาทางโจวหยุน
“คุณขโมยภาพออกแบบของเฟยเอ๋อเหรอ?” ดวงตาของซูซีมู่เย็นชา และน้ำเสียงดูมีความดุร้าย
โจวหยุนไม่คิดเลยว่าซูซีมู่จะประณามเธอโดยตรง เธอผงะก่อน แล้วตอบว่า “คุณคนนี้คะ คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เป็นโล่เฟยเอ๋อที่อยากขโมยภาพออกแบบของฉันค่ะ”
ท่าทีซูซีมู่ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก “ระดับธรรมดาอย่างคุณ เฟยเอ๋อคุ้มค่าจะขโมยหรอ?”
โจวหยุนโกรธเพราะคำพูดของซูซีมู่ถึงกับหน้าซีด แต่ไม่นานเธอก็สงบปกติลง “ไม่ว่าคุณจะปากดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเธอก็เป็นคนที่อยากขโมยภาพออกแบบ”
ซูซีมู่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่โจวหยุน เขาพูดอย่างเบาๆว่า “อันที่จริงใครขโมยภาพออกแบบของใครนั้น มีวิธีทดสอบที่ง่ายที่สุดอยู่วิธีนึง ”
ซูซีมู่ดูเหมือนจงใจดึงดูดความสนใจคำพูดคน พูดถึงตรงนี้ก็หยุด
และทุกคนถูกกระตุ้นโดยคำพูดของเขา สนใจมองเขาพร้อมกัน รวมถึงโล่เฟยเอ๋อและโจวหยุนทั้งสองคนนี้ด้วย
ซูซีมู่ยกมุมริมฝีปากเย็นๆของเขาขึ้น พูดต่อว่า “คุณสองคนวาดภาพออกแบบในเวลาเดียวกัน”
จริงๆแล้วซูซีมู่ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ เพียงแค่เขาเปิดเผยตัวตน ไล่ผู้จัดการของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ออก และไล่โจวหยุนที่ขโมยภาพออกแบบของโล่เฟยเอ๋อออกไปจากวงการการออกแบบเครื่องประดับนั้นเป็นอะไรที่ง่ายมาก
แต่ซูซิมู่กังวลว่าถ้าโล่เฟยเอ๋อรู้ว่าเขาซื้อร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋แล้ว จะไม่มีความสุข เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีที่ยุ่งยากเช่นนี้
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ความคิดของซูซีมู่เลย เธอเลยสนใจและทำตามทั้งหมดตามที่วิธีการที่ซูซีมู่กล่าว
ภาพออกแบบเหล่านี้เธอเป็นคนวาดแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าให้วาดภาพออกแบบอีกครั้งเธอก็ยอมที่จะวาดเพื่อเป็นหลักฐาน
แต่เธอเต็มใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าโจวหยุนจะเต็มใจ
โจวหยุนรู้ตัวว่าเธอเป็นคนขโมยภาพออกแบบของโล่เฟยเอ๋อ ซึ่งภาพออกแบบที่เธอวาดขึ้นใหม่อีกครั้งก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับโล่เฟยเอ๋อได้ เพราะฉะนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ทำตามวิธีของซูซีมู่
แต่หากโจวหยุนปฏิเสธซูซีมู่โดยตรง จะทำให้คนอื่นสงสัย
มีวิธีเดียวคือ ให้ผู้จัดการออกหน้า
และเธอทักทายผู้จัดการแล้วไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลแต่อย่างใด “ผู้จัดการคะ คุณดูสิคะ คนอื่นแค่คนนอกคนหนึ่ง ยังมายุ่งเรื่องภายในของบริษัทเราเลย ”
ความตั้งใจของโจวหยุนคือให้ผู้จัดการสนับสนุนเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้จัดการจะดุเธอโดยตรง “โจวหยุน คุณหุบปาก ประธานซูคือเจ้านายของบริษัทจะเป็นคนนอกได้ไง”
คำพูดของผู้จัดการน่าตกใจเกินไป ทำเอาทุกคนในนั้นตะลึง
คนๆนี้มาเพื่อสนับสนุนโล่เฟยเอ๋อไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นเจ้านายของบริษัทพวกเขา?
ซูซีมู่คิดไม่ออกเลยว่าเจ้านายของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋จะรู้จักตัวตนของเขา เขาผงะสักพัก จากนั้นก็หันศีรษะไปมองโล่เฟยเอ๋อโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อมีความตกใจและเหลือเชื่อ ไม่มีปฏิกิริยาอื่นๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
แล้วหันไปมองผู้จัดการ สายตาดูคมขึ้นมาก “คุณรู้ได้ไง?”
ร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ถูกโจวเฉิงซื้อในนามส่วนตัวของเขา หลังจากซื้อโจวเฉินก็มาจัดการบริหารในฐานะผู้ช่วยของบอสใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าซูซีมู่เป็นเจ้านาย นอกจากโจวเฉิงที่รู้
และผู้จัดการคนนี้ก็รู้จักตัวตนของเขา สิ่งนี้ทำให้ซูซีมู่สงสัย
ได้รับสายตาของซูซีมู่ ผู้จัดการตัวสั่น แล้วตอบว่า “ลูกน้องบังเอิญรู้ว่าผู้ช่วยโจวเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานซู ก็เลยรู้ครับ”
ผู้จัดการตอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ จุดประสงค์คือ เพื่อให้ซูซีมู่ชื่นชมในสายตาของเขา
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะชื่นชมเขาแน่นอน น่าเสียดายที่เขากำลังเผชิญหน้ากับซูซีมู่
ซึ่งเป็นประธานของบริษัทซูซื่อมายาวนาน คนแบบไหนบ้างซูซีมู่ยังไม่เคยเห็น?
และอีกอย่าง ระหว่างโล่เฟยเอ๋อกับโจวหยุน อีกฝ่ายลำเอียงให้โจวหยุนเพียงฝ่ายเดียว ยังวางแผนที่จะโทรเรียกตำรวจมาจับโล่เฟยเอ๋ออีก ซูซีมู่ยังจะไว้คนแบบนี้อยู่ต่ออีกหรอ? ในที่สุดผู้จัดการก็ถูกไล่ออกจากร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋
เขายังดี แค่ถูกไล่ออก แต่โจวหยุนหนักกว่าเขาเยอะ
โจวหยุนไม่เพียงถูกไล่ออกจากร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋แล้ว เธอยังสูญเสียใบรับรองสิทธิ์ในการเป็นนักออกแบบจิวเวลรี่อีกด้วย ถูกถีบออกจากวงการการออกแบบเครื่องประดับโดยสิ้นเชิง
หลังออกจากร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋แล้ว ในที่สุดโล่เฟยเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะถามซูซีมู่ “ซูซีมู่ คุณกลายเป็นเจ้านายของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซูซีมู่ตอบอย่างสบาย ๆ “ปีที่แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อตกใจและถาม “ซื้อพร้อมกับบริษัทดี้ก้วนหรอ?”
อย่าโทษโล่เฟยเอ๋อที่คิดอย่างนั้น เพราะการซื้อบริษัทจิวเวลรี่ พร้อมกับซื้อร้านขายเครื่องประดับด้วยก็เป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอนซูซีมู่จะไม่ยอมบอกให้โล่เฟยเอ๋อ เพราะเธอทำงานที่ร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋
เพียงแค่คลุมเครือแล้วพูด ‘อืม’คำนึง ถือว่าเป็นการตอบกลับให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจพูดว่า “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
เป็นเรื่องบังเอิญ……มันเป็นเรื่องบังเอิญตั้งแต่พวกเขาพบกันแล้ว
ซูซีมู่มองดูโล่เฟยเอ๋ออย่างลึกซึ้ง แล้วถามว่า “จะกลับไปทำงานที่บริษัทดี้ก้วนอีกครั้งไหม?”
โล่เฟยเอ๋อคิดว่าเธอได้ฟังผิด ขยิบตาอย่างแรง จากนั้นก็พูดคำพูดของซูซีมู่ในสมองซ้ำสองรอบ แล้วถามว่า “ฉันกลับไปทำงานที่นั่นได้หรอ?”
“แน่นอน ”แค่ให้โล่เฟยเอ๋อทำงานในบริษัทดี้ก้วนรีบไม่ต้องพูดถึงเลย แม้แต่จะให้เขามอบบริษัทดี้ก้วนให้เธอเขาก็ยอม……
มอบบริษัทดี้ก้วนให้เฟยเอ๋อ อาจจะ……ดวงตาของซูซีมู่เป็นประกาย ไม่รู้คิดอะไรอยู่
โล่เฟยเอ๋อต้องการไปทำงานในบริษัทดี้ก้วน เพราะการได้เข้าบริษัทดี้ก้วนเป็นความฝันเธอในสมัยเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ครั้งก่อนที่เธอต้องลาออกจากบริษัทดี้ก้วนก็เพราะไม่มีทางเลือกจึงยอม และผู้คนที่ร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูซีมู่ เธอไม่อยากทำงานที่นี่ต่ออีกแล้ว
แต่บริษัทดี้ก้วนก็เป็นของซูซีมู่เช่นกัน หากความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกเปิดเผยในบริษัทดี้ก้วนละก็……
นึกถึงผลที่ตามมา โล่เฟยเอ๋อลังเล “คุณมักจะไปที่บริษัทดี้ก้วน…..ฉันก็ไม่ไปทำงานที่บริษัทดี้ก้วนแล้ว ”
ซูซีมู่ผงะเมื่อรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะถูกเปิดเผยในบริษัทดี้ก้วน
แววตามืดลง ซูซีม่พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “วางใจได้เลย มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่”
ได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็สว่างขึ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส“นั้นก็ได้ ฉันไปทำงานที่บริษัทดี้ก้วน”
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อ ความเศร้าโศกในใจของซูซีมู่ละลายหายไปในชั่วพริบตา….