บทที่218 ประธานซูจะง้อคุณนาย
5:30 น ช่วงเย็นตอนถึงเลิกงาน โล่เฟยเอ๋อเก็บของแล้วออกจากบริษัท
เพิ่งเดินออกจากลิฟต์ ยังไม่ถึงหน้าประตูบริษัท โล่เฟยเอ๋อมองทะลุหน้าต่างกระจก ก็เห็นซูซีมู่กำลังยืนรอเธออยู่ตรงตำแหน่งที่เขาจอดรถไว้ตอนเช้า
อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะมีคนจำเขาได้ ซูซีมู่จึงใส่แว่นกันแดดอันใหญ่
ถึงแม้วันกันแดดจะบังหน้าตาอันหล่อเหลาไปกว่าครึ่งหน้า แต่ก็ยังดูหล่อเป็นพิเศษเหมือนเดิม
โล่เฟยเอ๋อใจสั่นอย่างแรง เร่งฝีเท้าตามจิตใต้สำนึกของเธอแล้วเดินไปยังด้านนอกบริษัท
เป็นเพราะความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ซูซีมู่คนเดียว ทำให้เธอไม่รับรู้เลยว่าข้างๆก็มีคนมา แล้วเธอก็ชนอีกฝ่ายเข้าอย่างจริงจัง
แผลที่ขายังไม่หายดี ยังถูกชนอีก ร่างกายของโล่เฟยเอ๋อยืนไม่คงที่แล้ว ล้มลงกับพื้นทันที
ขาซ้ายรู้สึกเจ็บปวดอย่างแรง ทำให้โล่เฟยเอ๋อน้ำตาแทบไหลออกมา
และตอนนี้ ก็มีน้ำเสียงตกใจส่งมาว่า”โล่เฟยเอ๋อ?”
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นเห็นเย่รู่ไป๋กำลังมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ที่แท้ คนที่เธอชนโดนเมื่อกี้ ก็คือเขานี่เอง
“หัวหน้าเย่ ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
เย่รู่ไป๋จ้องมองโล่เฟยเอ๋อที่กำลังนั่งบนพื้น กล่าว:”คุณเป็นคนเข้ามาชนโดนเอง”
“ฉันทราบค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…..”โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบ เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น จากนั้นโล่เฟยเอ๋อก็ได้ยินเสียงส่งมายังข้างหูว่า”ทำไมล้มอีกแล้วล่ะ? แผลตรงขายังเจ็บไหม?”
โล่เฟยเอ๋อหันหน้าไปกล่าวกับซูซีมู่ว่า:”เจ็บหน่อยค่ะ”
“ไหนให้ผมดูซิ” ซูซีมู่กล่าวพร้อมกับก้มตัวนั่งลง ดึงปลายขากางเกงข้างซ้ายของโล่เฟยเอ๋อขึ้น
พ่อเห็นว่าถ้าพันแผลบนน่องไม่มีเลือดซึมออกมา เขาจึงโล่งใจ “ไม่เป็นไรนะครับ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า’ค่ะ’ แล้วจับไหล่ของซูซีมู่ เตรียมตัวจะลุกขึ้น
ซูซีมู่ยื่นมือไป อุ้มเธอขึ้นจากพื้น แล้วเดินพุ่งออกไปข้างนอก
เย่รู่ไป๋เห็นน่องโล่เฟยเอ๋อมีผ้าพันแผลพันไว้ ก็ตะลึงทันที จนเมื่อซูซีมู่อุ้มโล่เฟยเอ๋อเดินไปข้างนอก เขาถึงคิดขึ้นได้ได้ เรียกพวกเขาให้หยุด
“รอเดี๋ยว”
สายตาเย็นชาของซูซีมู่กวาดมาที่เย่รู่ไป๋โดยมองทะลุผ่านแว่นกันแดด “มีเรื่องอะไร?”
ที่โล่เฟยเอ๋อล้มนั่นเพราะไปชนกับเย่รู่ไป๋ก็จริงอยู่ แต่เย่รู่ไป๋พูดกับโล่เฟยเอ๋อแบบนั้น ทำให้ซูซีมู่ไม่พอใจอย่างมาก ซูซีมู่จึงแสดงสีหน้าที่ไม่ดีกับเย่รู่ไป๋
ถึงแม้อีกฝ่ายจะใส่แว่นกันแดดอันใหญ่ไว้แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชา และมันกำลังจู่โจมเขา
โอเค เขาเป็นคนชนโล่เฟยเอ๋อล้มเอง อีกฝ่ายจะโกรธก็ไม่ผิดอะไร
โล่เฟยเอ๋อได้ยินเสียงเย่รู่ไป๋ ถึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนรู้จักอยู่อีกคน
พอคนรู้จักเห็นตนกำลังถูกซูซีมู่อุ้ม โล่เฟยเอ๋อก็หน้าแดง “หัวหน้าเย่ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ตอนแรกซูซีมู่ยังไม่พอใจที่เย่รู่ไป๋เรียกพวกเขาหยุด เพราะตอนนี้ได้เห็นโล่เฟยเอ๋อหน้าแดง อารมณ์ก็เริ่มดีขึ้นในพริบตา
ถือว่าคุณยังมีประโยชน์อยู่บ้าง ซูซีมู่กวาดตามอง
เย่รู่ไป๋รับสายตาของซูซีมู่ พยักหน้าตอบรับ แล้วหันไปกล่าวกับโล่เฟยเอ๋อว่า:”ขอโทษด้วยนะผมไม่รู้ว่าขาคุณบาดเจ็บอยู่”
“ไม่เป็นไรค่ะใกล้จะหายแล้ว” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
เย่รู่ไป๋หยุ่ดชะงักแป๊บนึง ถาม”เมื่อวันศุกร์ของอาทิตย์ก่อนคุณลางานเพราะขาคุณบาดเจ็บนั้นเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อเงิบ แล้วจึงพยักหน้า”ค่ะ”
ถึงแม้ยู่รู่ไป๋จะคาดเดาแบบนั้น แต่เมื่อได้ยินจากปากของโล่เฟยเอ๋อ เย่รู่ไป๋ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
เป็นเพราะขาเธอบาดเจ็บ เธอจึงลางานแต่เขากลับด่าเธอเป็นชุด และยังตัดสิทธิ์รายชื่อผู้ร่วมการประกวดเธอออก อีกอย่างเมื่อกี้เขาทำให้เธอล้มอีก
ถึงแม้เขาจะดูถูกโล่เฟยเอ๋อที่เข้ามาโดยใช้เส้น แต่เย่รู่ไป๋ก็รู้สึกว่าตนเองทำเกินไป
“วันนั้นที่คุยโทรศัพท์ผมพูดแบบนั้นไปขอโทษด้วยนะครับ”
โล่เฟยเอ๋อเงิบอยู่แป๊บนึง ถึงนึกขึ้นได้ว่าเย่รู่ไป๋ขอโทษเธอที่วันนั้นเธอลางานแล้วเขาพูดแบบนั้นกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านไปแล้ว”
“ครับ” เย่รู่ไป๋ค่อยโล่งอกหน่อย แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วกล่าวว่า:”ของที่คุณออกจากตัวแทนการแข่งขันของบริษัทพรุ่งนี้ผมจะบอกคนข้างบนยื่นเรื่องให้ คืนสิทธิ์นี้ให้กับคุณ”
โล่เฟยเอ๋อเงิบแป๊บ แล้วส่ายหน้า:”ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องแล้ว”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกไม่ต้องแล้ว ปฏิกิริยาแรกของเย่รู่ไป๋ก็คือผู้ช่วยโจวได้ช่วยเธอคว้าสิทธิ์ในการประกวดแล้วล่ะ
เขาจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ตอบ’ครับ’ ไปหนึ่งคำ
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าให้เย่รู่ไป๋ แล้วหันหน้าไปมองซูซีมู่พร้อมกล่าวว่า:”เราไปกันเถอะ”
“อืม”ซูซีมู่พยักหน้า แล้วมองเย่รู่ไป๋อย่างแรง แล้วจึงอุ้มโล่เฟยเอ๋อตรงไปยังรถที่จอดอยู่ตรงข้ามถนนใหญ่
หลังจากขึ้นรถ ซูซีมู่ถึงเอ่ยปากถาม”การประกวดอะไรที่คัดรายชื่อคุณออก?”
“อันนั้น…..ฉันก็ไม่รู้ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อยักไหล่ ทำสีหน้าแบบ’ไม่แน่ชัดเลยจริงๆ’
ซูซีมู่นิ่งแป๊บนึง แล้วกล่าว”รอเดี๋ยว ผมโทรถามโจวเฉิงดู”
“ไม่ต้องโทร”โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
ซูซีมู่นึกได้ว่าก่อนหน้านี้โล่เฟยเอ๋อก็ปฏิเสธเย่รู่ไป๋ ก็เลยถามไปตรงๆว่า “ทำไมถึงไม่อยากเข้าร่วมการประกวดล่ะ?”
“ฉันคิดว่าฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ” โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
ซูซีมู่หันไปจ้องโล่เฟยเอ๋อแว็บนึง แล้วดึงสายตากลับไปมองหน้าถนนต่อ “อืม ไม่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว”
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะบอกไม่เข้าร่วมการประกวดแล้ว แต่พอซูซีมู่กลับไป ก็ยังโทรถามโจวเฉิง เรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันนี้มันเป็นยังไงกันแน่
“ประธานซูครับ นักออกแบบที่ทำคะแนนสูงในการแข่งขันนี้ ถึงจะได้รับบัตรเข้าร่วมการประกวดเครื่องประดับระดับโลกครับ”
เมื่อได้ยินโจวเฉิงกล่าว ซูซีมู่ถึงกับขมวดคิ้วขึ้น “นายหมายถึงว่า ถ้าไม่เข้าร่วมการประกวดรอบนี้ ก็จะไม่ได้เข้าร่วมการประกวดเครื่องประดับระดับโลกงั้นเหรอ?”
“พูดตามเหตุผลแล้วก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละครับ” โจวเฉิงหยุดสักพัก แล้วพูดต่อ” แต่ก็ยังมีวิธีอื่นอยู่”
มีวิธีก็พอแล้ว ซูซีมู่แววตาเป็นประกาย:”วิธีอะไร ว่ามา”
“ถ้าได้รับจดหมายแนะนำจากกรรมการการประกวดเครื่องประดับระดับโลก นักออกแบบก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประกวดรอบคัดเลือกนี้”
จดหมายแนะนำจากกรรมการการประกวดเครื่องประดับระดับโลก?ซูซีมู่หรี่ตามองพร้อมกล่าว:”พรุ่งนี้ผมต้องได้จดหมายแนะนำ”
พรุ่งนี้? โจวเฉิงเงิบงงในพริบตา
ประธานของพวกเขานึกว่าจดหมายแนะนำของกรรมการการประกวดเครื่องประดับระดับโลกมันง่ายขนาดนั้นเลยหรอ? อยากได้ก็เอางั้นเหรอ?
“ประธานซูครับ……จดหมายแนะนำอันนั้น มันไม่ได้เอาได้ง่ายขนาดนั้น…..ท่านยืดให้เวลาให้หลายวันหน่อยได้ไหมครับ?”
“หยุดเวลาให้หลายวัน? งั้นให้เวลาคนสักเดือนนึงดีไหม? หึ๊ม? ” เสียงของซูซีมู่เย็นชาเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงต่ำลงดูอันตรายมากกว่าเดิม
โจวเฉิงรีบกล่าวทันทีว่า:”ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้วครับ ผมรับรองว่าพรุ่งนี้ต้องเอาจดหมายแนะนำมาให้ได้”
โจวเฉิงได้แต่บ่นลำบากในใจ!
ประธานซูอยากจะเอาใจคุณนาย คนที่เหนื่อยและลำบาก ก็คือเขาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชานี่แหละ