บทที่ 234 ซูซีมู่โกรธจนทำลายข้าวของ
ไม่มีเสียงตอบรับของซูซีมู่ออกมาจากในห้องหนังสือ มีเพียงเสียงทุบทำลายของแตกเพล้งพล้าง โล่เฟยเอ๋อร้อนใจเป็นอย่างมาก อยากจะเปิดประตูห้องเข้าไปดู แต่พบว่าประตูห้องถูกซูซีมู่ล็อคไว้
เธอทำได้เพียงออกแรงตีประตู ตะโกนเรียกซูซีมู่ “ซูซีมู่ นายเป็นอะไร เปิดประตูหน่อยสิ…”
แต่ซูซีมู่ที่อยู่ด้านในไม่ตอบกลับเธอเลย และไม่เปิดประตูให้ด้วย
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงคนรับใช้ขึ้นมาชั้นบน เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อที่กำลังตีประตูห้องของซูซีมู่อยู่ และได้ยินเสียงเพล้งพล้างดังมาจากในห้องของซูซีมู่ ก็รีบถามทันที “คุณผู้หญิงคะ ในห้องคุณชายเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาล็อคประตูห้องไว้” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าพลาง ทุบตีประตูพลาง
คนรับใช้เห็นประตูห้องปิดสนิท ก็รีบพูด : “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันมีกุญแจสำรองอยู่ เดี๋ยวดิฉันจะไปหยิบมาให้”
“รบกวนเธอด้วยนะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
คนรับใช้ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า ไม่รบกวนเลยค่ะ จากนั้นก็รีบไปหยิบกุญแจ
โล่เฟยเอ๋อตีประตูไปพลาง ตะโกนเรียกชื่อซูซีมู่ไปพลาง ระหว่างรอคนรับใช้เอากุญแจมาให้
ผ่านไปห้านาที คนรับใช้กลับมาแล้ว “คุณผู้หญิงคะ ได้กุญแจมาแล้วค่ะ”
“ฉันเปิดประตูเอง” โล่เฟยเอ๋อหยิบกุญแจมาจากมือคนรับใช้อย่างรีบร้อน เสียบกุญแจไปที่ประตู แล้วรีบไขกุญแจเข้าไป
เมื่อประตูเปิดออก โล่เฟยเอ๋อก็ตกตะลึง
สภาพภายในห้องไม่มีเค้าโครงเดิมเหลืออยู่ ของประดับที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหราเหล่านั้น เละเทะกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เตียงนอนอันใหญ่ที่ยังคงสภาพดีหลงเหลืออยู่เพียงอย่างเดียวในห้อง กำลังถูกซูซีมู่ทำลาย
สายตาของซูซีมู่เต็มไปด้วยความอาฆาต ดุร้าย ราวกับเตียงอันนั้นเป็นศัตรูคู่แค้นของเขา
โล่เฟยเอ๋อนิ่งอึ้งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้สติขึ้นมา
“ซูซีมู่” โล่เฟยเอ๋อตะโกนเรียกชื่อซูซีมู่ กำลังคิดว่าจะวิ่งเข้าไปหาซูซีมู่ แต่กลับถูกคนรับใช้ดึงเอาไว้
“คุณผู้หญิงคะ คุณชายกำลังโมโห อย่าเข้าไปเลยค่ะ” คนรับใช้รีบเอ่ยปากบอก
“เธอไม่ต้องเป็นห่วง ขอฉันเข้าไปดูหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” โล่เฟยเอ๋อแกะมือคนรับใช้ออก แล้วเดินเข้าไปหาซูซีมู่
“ซูซีมู่ นายเป็นอะไรไป” โล่เฟยเอ๋อเดินเข้าไปใกล้ซูซีมู่ ยื่นมือไปเพื่อจะดึงมือเขาไว้ให้เขาหยุดทำลายข้าวของ
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอยื่นมือไปจับแขนซูซีมู่ ซูซีมู่ก็เหมือนโดนกระตุ้นทันทีทันใด เขาจึงยกมือขึ้นสะบัดมือเธอออก
โล่เฟยเอ๋อไม่ทันระวัง ไม่ได้ทรงตัวให้ดี จึงถูกซูซีมูสะบัดแขนใส่จนล้มลงไปบนพื้น
บนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระจกต่าง ๆ ที่ซูซีมู่ทุบตีจนแตกกระจาย โล่เฟยเอ๋อล้มใส่เศษกระจกพวกนั้นพอดี โชคดีที่เธอสวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ฝ่ามือที่ค้ำลงบนพื้นอย่างแรงนั้นถูกบาด
คนรับใช้เห็นโล่เฟยเอ๋อถูกซูซีมู่สะบัดจนล้มลงบนพื้น ก็รีบวิ่งเข้ามาพยุงเธอ “คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
โล่เฟยเอ๋อทนเจ็บไว้ แล้วส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร”
แต่ขณะที่คนรับใช้พยุงเธอขึ้นมา ก็เห็นบาดแผลที่มือของเธอ รีบร้องออกมาด้วยความตกอกตกใจ “โอ๊ย มือคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บแล้วค่ะ”
“ฉันไม่เป็นไร ฉันจะไปดูเขา” พูดจบ โล่เฟยเอ๋อก็เดินเข้าไปหาซูซีมู่อีกครั้ง แต่คนรับใช้กลัวว่าซูซีมู่จะคลุ้มคลั่งทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอีก จึงรีบไปดึงโล่เฟยเอ๋อเอาไว้
“คุณผู้หญิงคะ คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ คุณชายจะทำให้คุณบาดเจ็บอีก”
“แต่จะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ” โล่เฟยเอ๋อมองไปยังซูซีมู่ที่กำลังคลุ้มคลั่งทำลายเตียง รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างมาก
คนรับใช้มองมายังโล่เฟยเอ๋อที มองไปที่ซูซีมู่ที่กำลังคลุ้มคลั่งที ด้วยความร้อนใจจึงตะโกนออกไปเสียงดัง : “คุณผู้ชาย คุณทำให้คุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บแล้วนะคะ”
คำพูดของคนรับใช้ประโยคนี้ได้ผล ซูซีมู่หยุดทำลายเตียง ค่อย ๆ หันมามอง
เมื่อเห็นเลือดที่ไหลอยู่บนมือโล่เฟยเอ๋อ ดวงตาเขาก็หรี่ลง เริ่มมีสติขึ้นมา
และคิดได้ว่าเขาสะบัดโล่เฟยเอ๋อจนล้มลง ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ คิ้วขมวดเป็นปมทันที จากนั้นก็รีบพูดใส่คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างโล่เฟยเอ๋อว่า : “ไม่เห็นเหรอว่าคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ ยังไม่รีบไปโทรตามหมอเฉิงมาอีกหรือไง”
คนรับใช้ยังไม่ทันได้ตอบกลับ โล่เฟยเอ๋อก็เอ่ยพูดขึ้นมา “แผลเล็กนิดเดียว ไม่ต้องรบกวนให้หมอเฉิงมาหรอก”
“ให้หมอเฉิงตรวจสักหน่อยจะดีกว่า” ซูซีมู่ดึงดันที่จะเรียกหมอเฉิงให้มาตรวจ
แต่โล่เฟยเอ๋อก็ยืนยันที่จะไม่รบกวนหมอเฉิง “แผลเล็กแค่นี้เอง พรุ่งนี้ก็หายแล้ว ไม่ต้องรบกวนหมอเฉิงหรอก”
คนรับใช้เห็นคุณชายและคุณผู้หญิงเถียงกันไปมา จึงพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบา ๆ : “ครั้งก่อนคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ขา หมอเฉิงได้ให้ยาเอาไว้ ยังมียาเหลืออยู่ ยังเอามาใช้ได้นะคะ”
ซูซีมู่พยักหน้า “รีบไปเอามา”
“ค่ะ” คนรับใช้พยักหน้า รีบวิ่งออกจากห้อง เพื่อไปหยิบกล่องยา
เมื่อคนรับใช้ออกไปแล้ว ซูซีมู่ก็ได้พาโล่เฟยเอ๋อกลับไปที่ห้องนอนของเธอ ห้องนอนของเขาเละเทะขนาดนั้น เขาคงไม่ให้โล่เฟยเอ๋อทายาที่นั่นหรอก
หลังจากที่คนรับใช้เอากล่องยามาให้ ซูซีมู่ก็ให้เธอออกไปทันที
เห็นเพียงเขาเปิดกล่องยาออกมา หยิบของที่จำเป็นต้องใช้ออกมาจากกล่องยา
จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าโล่เฟยเอ๋อ แล้วจัดการทำแผลให้เธอ
กระจกถูกทุบจนละเอียดมาก บนมือของโล่เฟยเอ๋อถูกบาดหลายแผล แต่ไม่ได้เป็นแผลลึกมากนัก
ซูซีมู่ตั้งใจฆ่าเชื้อที่แผลให้โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็ทายาให้เธอ
ตอนแรกเป็นเพราะรู้ว่าเห้อจิ้นเหยาทำให้ลูกตัวเองต้องตาย จึงรู้สึกโกรธเกลียดเคียดแค้น แต่เป็นเพราะโล่เฟยเอ๋อได้รับบาดเจ็บที่มือ จึงทำให้เขาลืมมันไปชั่วขณะ
หลังจากทายาเสร็จแล้ว ในที่สุดโล่เฟยเอ๋อก็อดใจไม่ไหวที่จะถามออกมา “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้นายโมโหขนาดนี้ ทำห้องนอนเสียหายเละเทะไปหมด”
เมื่อได้ยินคำถามของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ รู้สึกทรมานใจอย่างมาก
นัยน์ตาเขาเป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบกลับอย่างเรียบ ๆ ว่า “เรื่องที่บริษัทน่ะ”
ถึงแม้ว่าซูซีมู่จะรู้ธาตุแท้ของเห้อจิ้นเหยาแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากบอกโล่เฟยเอ๋อ
ไม่เพียงเพราะซูซีมู่ไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อรู้เรื่องที่เธอแท้งลูก แต่ยังเป็นเพราะโล่เฟยเอ๋อเห็นเห้อจิ้นเหยาเป็นเหมือนแม่แท้ ๆ ของตัวเอง เขาไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อรู้ธาตุแท้ของเห้อจิ้นเหยาแล้วเสียใจ
และซูซีมู่ก็รู้ดีว่า ถ้าหากเขาทำอะไรเห้อจิ้นเหยา โล่เฟยเอ๋อไม่มีทางให้อภัยเขาแน่นอน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ เขาก็จำเป็นต้องแก้แค้นให้กับลูกของพวกเขา
โล่เฟยเอ๋อไม่เชื่อในคำพูดของซูซีมู่เลยสักนิด เพราะเมื่อกี้เธอมองเห็นรังสีอำมหิตจากในแววตาของซูซีมู่
เป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ซูซีมู่โกรธมากขนาดนี้ โล่เฟยเอ๋ออยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของซูซีมู่ แต่เห็นได้ชัดว่าซูซีมู่ไม่อยากให้เธอรับรู้
ไม่อยากให้รับรู้…โล่เฟยเอ๋อรู้สึกปวดใจมาก
รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบเธอ ก็ยังจะเข้าไปยุ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ต้องการความห่วงใยของเธอ แต่ก็ยังจะไปห่วงใยเขา อยากแบ่งเบาความทุกข์ของเขา
โล่เฟยเอ๋อกัดปาก แล้วเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “อย่าโกรธเลย เรื่องพวกนั้น โกรธไปก็ไม่คุ้มค่า”
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโมโหมากมายขนาดนี้ แต่ประโยคที่พูดเข้าข้างเขาประโยคนี้ กลับทำให้ซูซีมู่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
ตัวเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงโล่เฟยเอ๋อเข้ามากอดให้อ้อมอก
เขากอดเธอแน่นมาก ถึงขนาดตัวสั่นเล็กน้อย
นี่ทำให้ใจของโล่เฟยเอ๋อ อ่อนระทวยขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นมาโอบเอวเขาไว้ แล้วลูบหลังเขาเบา ๆ ทำเหมือนที่เขาเคยปลอบเธอเมื่อก่อน..