บทที่ 235 การข่มขู่ของถังหซิวฉี
เพราะเรื่องที่ซูซีมู่ทำลายห้องจึงทำให้เสียเวลา วันนี้โล่เฟยเอ๋อจึงมาทำงานสายไปครึ่งชั่วโมง
มาทำงานสายแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมาเจอกับเย่รู่ไป๋อีก
“ผู้จัดการฝ่ายเย่” โล่เฟยเอ๋อเดินเข้าไปทักทายเย่รู่ไป๋อย่างกังวลใจ
เย่รู่ไป๋ไม่ชายตามองเธอสักนิด เดินเข้าไปพูดกับคาริน่าอย่างเรียบ ๆ ว่า : “ไปเถอะ”
คาริน่าพยักหน้า จากนั้นก็ตบมือแล้วเอ่ยพูด : “คนที่ฉันเรียกชื่อเมื่อกี้นี้ ให้ตามฉันมา”
เมื่อได้ยินที่คาริน่าพูด นักเรียนจากคลาสฝึกอบรมพิเศษสี่คนก็ลุกขึ้น จากนั้นก็ไปยืนเข้าแถวอยู่ด้านหลังคาริน่า
โล่เฟยเอ๋อที่ถูกเมินเฉย เห็นคนอื่นกำลังยุ่งอยู่ ก็ลูบจมูกแล้วเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง
แต่คิดไม่ถึงว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว เสียงคาริน่าก็ลอยเข้ามา “โล่เฟยเอ๋อ เธอจะไปไหน”
โล่เฟยเอ๋อหยุดเดิน หันกลับไปมองคาริน่า จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังที่นั่งของตัวเอง : “หืม…อาจารย์คาริน่า ฉันกลับไปที่นั่งของตัวเอง…”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ คาริน่าก็พูดแทรกเธอขึ้นมา “รีบมาอยู่ในทีมเร็วเข้า ทุกคนรอเธอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอจะให้ทุกคนรอเธอต่อไปงั้นเหรอ”
ทุกคนกำลังรอเธอเหรอ รอเธอทำไมล่ะ ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้ให้ทุกคนรอเธอต่อไป รีบวางกระเป๋าในมือตัวเองลงบนที่นั่ง จากนั้นก็รีบไปรวมทีมของเย่รู่ไป๋
เมื่อรวมทีมแล้ว โล่เฟยเอ๋อถึงได้รู้จากปากของเพื่อนร่วมงานว่าพวกเขาต้องไปทำอะไรกัน
คนของสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ยวันนี้จะมาประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันในการประกวดเครื่องประดับระดับโลก เย่รู่ไป๋จึงเลือกนักเรียนในคลาสฝึกอบรมพิเศษจำนวนหนึ่งไปต้อนรับฝ่ายนู้น
เย่รู่ไป๋เลือกโล่เฟยเอ๋อพอดี แต่เป็นเพราะโล่เฟยเอ๋อยังมาไม่ถึงบริษัท จึงได้รอเธออยู่ที่นี่ รอนานถึงครึ่งชั่วโมง
เมื่อได้รู้ว่าผู้จัดการฝ่ายกำลังรอตัวเองอยู่นั้น โล่เฟยเอ๋อก็ตกใจเล็กน้อย
จากที่เธอรู้จักผู้จัดการฝ่ายมานั้น ผู้จัดการฝ่ายน่าจะไม่ชอบขี้หน้าเธอสักเท่าไหร่ ทำไมอยู่ ๆ ก็ใจดีขึ้นมา เหมือนอย่างคราวก่อนที่เธอขอลางานหนึ่งสัปดาห์ ผู้จัดการฝ่ายก็ใจดีตอบตกลงยอมให้ลางานได้
ในขณะที่โล่เฟยเอ๋อกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนั้น พวกเขาก็เดินตามผู้จัดการฝ่ายมายังห้องรับแขกที่อยู่ชั้นสามของบริษัท
เลขาของเย่รู่ไป๋ที่รออยู่นอกห้องรับแขกเห็นพวกเขามาถึง ก็รีบเข้ามาต้อนรับ “ผู้จัดการฝ่าย คนของสมาคมมาถึงกันแล้ว”
“ฉันรู้แล้ว” เย่รู่ไป๋พยักหน้า จากนั้นก็นำทุกคนเข้าไปในห้องรับแขก
ในห้องรับแขกมีกันอยู่ห้าคน หนึ่งในนั้นคือ ถังหซิวฉี เป็นคนที่โล่เฟยเอ๋อคุ้นเคยดี
เมื่อเห็นถังหซิวฉี โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกตกใจมาก
ในทางกลับกัน ถังหซิวฉีรู้นานแล้วว่าจะได้พบกับโล่เฟยเอ๋อ เธอมองไปยังโล่เฟยเอ๋อแล้วยิ้ม จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างสง่างาม มองไปทางเย่รู่ไป๋แล้วยื่นมือขวาออกไป “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการฝ่ายเย่ ฉันคือถังหซิวฉี เป็นสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ย”
เย่รู่ไป๋เห็นถังหซิวฉีก็ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับมือกับเธอโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณถังได้เข้าสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ยตั้งแต่อายุยังน้อย”
จริง ๆ แล้วหลังจากที่ถังหซิวฉีได้เงินก้อนหนึ่งจากเถ้าแก่อัญมณีถ่านหิน ทำไปทำมาเธอก็ได้รู้จักกับรองประธานของสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ย
เธอใช้วิธีไต่เต้าโดยร่วมหลับนอนกับรองประธาน ถึงได้เข้ามาทำงานในสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ย
ครั้งนี้สมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ยมาบริษัทดี้ก้วนก็เพื่อจะประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันในการประกวดเครื่องประดับระดับโลก ที่จริงไม่ใช่ถังหซิวฉีเป็นคนนำทีมมาหรอก
แต่เมื่อถังหซิวฉีรู้เรื่องนี้ ก็อาสาจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง
“เป็นความโชคดีเท่านั้นเองค่ะ” ถังหซิวฉีเอ่ยพูดอย่างถ่อมตน แต่สายตานั้นกลับเต็มเปี่ยมด้วยความจองหองทะนงตน
เย่รู่ไป๋แววตาเป็นประกาย เอ่ยพูด : “คุณถังถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
ถังหซิวฉียิ้มออกมาด้วยความจองหอง จากนั้นก็หันไปหยิบเอกสารจากมือลูกน้องที่อยู่ด้านหลังมาหนึ่งแผ่น ส่งให้เย่รู่ไป๋ “ผู้จัดการฝ่ายเย่ นี่คือรายชื่อผู้เข้าแข่งขันในการประกวดระดับโลกของบริษัทดี้ก้วนของพวกคุณ คุณเช็คดูเถอะค่ะ”
เย่รู่ไป๋พยักหน้า รับเอกสารจากมือของถังหซิวฉีมาดู หลังจากอ่านดูอย่างผ่าน ๆ ก็ขมวดคิ้วทันที : “คุณถัง ทำรายชื่อผิดหรือเปล่า”
“ทำผิดเหรอ ไม่ผิดนะคะ” ถังหซิวฉีแสดงท่าทีแปลกใจ จากนั้นก็ตอบกลับอย่างไร้เดียงสา
เย่รู่ไป๋รู้สึกโมโหเล็กน้อย เขาเอารายชื่อที่ถังหซิวฉียื่นให้เขาวางลงบนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา : “คุณถัง ในกระดาษนี้มีรายชื่อเพียงห้าคน บริษัทดี้ก้วนของผมไม่ยอมรับแบบนี้แน่นอน”
ถังหซิวฉีทำเหมือนไม่รู้ว่าเย่รู่ไป๋กำลังโกรธ เธอยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็ดื่มน้ำ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า : “ห้ารายชื่อเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่อย่างดี้ก้วนนั้น ก็ถือว่าน้อยไปจริง ๆ แต่ผู้จัดการฝ่ายเย่น่าจะรู้ดีว่า รายชื่อผู้เข้าแข่งขันในการประกวดเครื่องประดับระดับโลกนั้นขอยากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี แน่นอนว่ามีวิธีอื่น”
เย่รู่ไป๋นัยน์ตาเป็นประกาย เอ่ยพูด “คุณถังมีวิธีเหรอ ช่วยอธิบายหน่อย บริษัทดี้ก้วนของผมจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง”
ถังหซิวฉีวางแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือลง “ผู้จัดการฝ่ายเย่เกรงใจมากเกินไปแล้ว ในมือฉันตอนนี้มีว่างอีกสองรายชื่อ สามารถยกให้บริษัทดี้ก้วนได้ เพราะยังไงซะฉันก็เคยเป็นคนของบริษัทดี้ก้วนมาก่อน เพียงแต่…”
เย่รู่ไป๋ไม่ใช่คนโง่ ได้ยินที่ถังหซิวฉีพูดว่า เพียงแต่ สองคำนี้ ก็เข้าใจความหมายที่ถังหซิวฉีต้องการจะสื่อได้ทันที “คุณถังพูดเงื่อนไขได้เลยครับ”
แววตาถังหซิวฉีมีรอยยิ้มชั่วร้ายเผยออกมา จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่โล่เฟยเอ๋อแล้วเอ่ยพูด : “เพียงแค่บริษัทดี้ก้วนไล่เธอออก ฉันก็จะเพิ่มรายชื่ออีกสองรายชื่อให้บริษัทดี้ก้วน”
ที่จริงแล้วถังหซิวฉีไม่ได้มีที่ว่างเพิ่มอีกสองรายชื่อ เดิมทีสมาคมอัญมณีแห่งหัวเซี่ยก็ให้บริษัทดี้ก้วนอยู่แล้วเจ็ดรายชื่อ แต่ถังหซิวฉีใช้วิธีสกปรก เอารายชื่อออกสองที่ เพื่อบีบให้บริษัทดี้ก้วนไล่โล่เฟยเอ๋อออกจากบริษัท
ถ้าหากเป็นบริษัทอื่น ก็คงจะรับข้อเสนอที่ถังหซิวฉียื่นให้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เสียดายที่ถังหซิวฉีมาเจอกับบริษัทดี้ก้วน
บริษัทดี้ก้วนเป็นของซูซีมู่ เขาจะไล่โล่เฟยเอ๋อออกเพื่อแลกกับรายชื่ออีกสองที่ในการเข้าร่วมแข่งขันการประกวดเครื่องประดับระดับโลกน่ะเหรอ ดังนั้นจึงแน่ใจได้ว่าถังหซิวฉีจะต้องรู้เห็นเกี่ยวกับแผนร้ายเรื่องแท้งลูก
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่านี่คือเงื่อนไขของถังหซิวฉี ถึงขนาดให้บริษัทดี้ก้วนไล่เธอออกจากงาน
เธอรู้สึกตกใจ จากนั้นก็เริ่มคิดว่าควรจะลาออกเองดีไหม
ยังไงซะรายชื่อในการเข้าแข่งขันการประกวดเครื่องประดับระดับโลกนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าหากการที่เธอต้องออกจากบริษัทดี้ก้วนจะทำให้ได้ที่ว่างเพิ่มมาอีกสองรายชื่อ เธอก็รู้สึกว่าคุ้มค่า
โล่เฟยเอ๋อตัดสินใจยอมรับข้อเสนอในการถูกไล่ออก แต่กลับทำให้เย่รู่ไป๋ลำบากใจ เขารู้ดีว่าโล่เฟยเอ๋อมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทซูซื่อ แต่รายชื่อในการเข้าแข่งขันการประกวดเครื่องประดับระดับโลกนั้นก็สำคัญกับบริษัทดี้ก้วนมากเช่นกัน
คิดไปคิดมา สุดท้ายเย่รู่ไป๋ก็ตัดสินใจ เอาเรื่องนี้รายงานให้เบื้องบนทราบ รอเบื้องบนเป็นฝ่ายตัดสินใจ
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เย่รู่ไป๋ก็พูดกับถังหซิวฉีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “คุณถัง เรื่องนี้ ผมจำเป็นต้องรายงานให้เบื้องบนทราบก่อน”
ถังหซิวฉีคิดไม่ถึงว่าเย่รู่ไป๋จะรายงานเรื่องนี้ให้เบื้องบนทราบ เธออึ้งไปทันที
หรือว่าเย่รู่ไป๋จะรู้ทันแผนร้ายของเธอ
คิดไปคิดมา ถังหซิวฉีรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เรื่องนี้นอกจากประธานและรองประธานของสมาคม ก็มีเพียงเธอที่รู้
เธอเก็บอาการไว้ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ผู้จัดการฝ่ายเย่ เชิญตามสบายค่ะ”
เย่รู่ไป๋มองไปที่โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมไปโทรศัพท์หาโจวเฉิง