บทที่260 ทั้งสองคนคืนดีกัน
เขาเป็นคนเซ็นชื่อ ยอมให้หมอเฉิงเอาลูกของพวกเขาออก……ซูซีมู่เม้มปากอย่างแรง แล้วกล่าวต่อ:”ผมผิดเอง ผมช่วยอะไรไม่ได้ ช่วยลูกของเราไว้ไม่ได้”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ยินคำพูดท่อนหลังของซูซีมู่ เพราะเธอถูกคำพูดโจมตีจิตใจหนักเกินไป
ทีแรกยังคิดว่าซูซีมู่เป็นคนเอาลูกออก แต่นึกไม่ถึงว่าลูกจะแท้งไปก่อนหน้านี้แล้ว เธออย่านึกว่าเธอแค่ปวดประจำเดือนอีก
เธอยังโทษซูซีมู่พ่อเป็นคนทำให้ลูกเธอต้องตาย แล้วยังด่าซูซีมู่ว่าเป็นฆาตกรอีกด้วย
เธอที่เป็นแม่คนแล้วยังไม่รู้ว่าลูกตนเองแท้งไปแล้วด้วย
โล่เฟยเอ๋อยกมือขึ้น ตบหน้าตนเองแรงๆทีนึง
ซูซีมู่ตกใจมาก และรีบจับมือโล่เฟยเอ๋อไว้ “เฟยเอ๋อ ทำไมคุณต้องตบตัวเองด้วย?”
โล่เฟยเอ๋อดิ้นรนและร้องไห้กล่าว:”ฉันสมควรตาย!ขนาดตนเองท้องยังไม่รู้ แล้วยังทำให้แท้งอีก ทุกอย่างล้วนเป็นความคิดของฉันทั้งนั้น……”
เห็นโล่เฟยเอ๋อสภาพแบบนื้ ซูซีมู่เป็นห่วงหนักมาก
เขายืมมือไปคว้าโล่เฟยเอ๋อมาอยู่ในอ้อมกอด ปลอบใจเบาๆว่า”เฟยเอ๋อ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณนะ คุณอย่าโทษตัวเองเลย”
ไม่ใช่ความผิดของคุณ ฆาตกรคือเห้อจิ้นเหยา เธอเป็นคนฆ่าลูกของเรา
แต่ความจริงของเรื่องนี้ซูซีมู่ไม่คิดจะบอกให้โล่เฟยเอ๋อ เพราะเขารู้ดีว่าโล่เฟยเอ๋อทั้งรักทั้งเคารพเห้อจิ้นเหยา ถึงขั้นเปรียบเธอเป็นแม่ของตนเอง
ถ้าโล่เฟยเอ๋อรู้ความจริงเข้า คงต้องเจ็บปวดมาก
และที่เขารู้มา หลายปีมานี้ เห้อจิ้นเหยาดีกับเฟยเอ๋อมากตลอดมา ที่เห้อจิ้นเหยาเปลี่ยนไป ก็คือหลังจากที่เฟยเอ๋อแต่งงานไป และเขาก็รู้อยู่บ้างว่าเป็นเพราะอะไร
เห้อจิ้นเหยาคงจะแค้นที่เขาจัดการกับโล่หยิวชิว เพราะฉะนั้นคนร้ายที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง ก็น่าจะเป็นเขาเอง….
คำปลอบใจของซูซีมู่ทำให้โล่เฟยเอ๋อไม่คิดจะดิ้นรนต่อ ราวกับว่าเธอค้นพบที่หนุนใจแล้ว ซบอยู่ในอกของเขา และร้องไห้โฮออกมาดังๆ
เขากอดเธอแน่นขึ้นอีก ทุบหลังเธอเบาๆปลอบใจเธอ
ทีแรกเขากลัวว่าโล่เฟยเอ๋อจะรับไม่ได้ จึงปิดบังเธอ แต่นึกไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะมารู้ความจริงเหมือนเดิม
และเวลานี้ซูซีมู่ไม่ว่างที่จะไปสืบว่าโล่เฟยเอ๋อรู้ความจริงได้ยังไง เขาแค่คิดอยากจะปลอบใจโล่เฟยเอ๋อให้ดีที่สุด
โล่เฟยเอ๋อค่อยๆสงบลง ภายใต้การปลอบใจของซูซีมู่
และเธอก็นึกถึงเรื่องที่ตนเองเข้าใจผิดว่าซูซีมู่เป็นคนเอาลูกของเธอออก
นึกถึงตอนที่ เธอจึงปฏิเสธกับการที่ซูซีมู่ทำดีกับเธอเพราะการเข้าใจผิดนี้ จนถึงขั้นนึกว่าที่ซูซีมู่ทำแบบนี้เป็นเพราะต้องการอย่างอื่น
นึกถึงว่า เพราะการเข้าใจผิดนี้เธอยังโวยวายที่จะหย่ากับซูซีมู่
นึกถึงว่าเพราะความเข้าใจผิดนี้เธอยังด่าซูซีมู่ และยังทุบตีเขา……
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกหงุดหงิดเสียใจ รู้สึกผิดมาก เม้มปาก โล่เฟยเอ๋อก้มหน้าออกมาจากอ้อมแขนของซูซีมู่
“ซูซีมู่ ฉันขอโทษ!”
ซูซีมู่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆโล่เฟยเอ๋อจะเอ่ยคำขอโทษกับเขา เขาถึงกับเงิบ สักพักจึงรู้ว่าทำไมโล่เฟยเอ๋อถึงกล่าวขอโทษเขา
เขายกมือขึ้น ลูบหัวโล่เฟยเอ๋อเบาๆ กล่าว:”เด็กโง่ คุณไม่ต้องพูดคำว่าขอโทษกับผมอีกตลอดไป”
คำว่า’เด็กโง่’เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักที่ซูซีมู่ใช้พูดก่อนที่จะไปสวิตเซอร์แลนด์ โล่เฟยเอ๋อตกใจเงยหน้าขึ้น “ซูซีมู่ คุณ…..”
โล่เฟยเอ๋อกะจะถามคำถามที่เธออยากจะถามเขาในช่วงก่อนหน้าที่ซูซีมู่จะไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่ดันเห็นผ้าก๊อซที่พันไว้ตรงคอของซูซีมู่มีเลือดออกมา จึงตกใจร้องออกมาทันที”แผลคุณมีเลือดออกอีกแล้ว!”
ซูซีมู่จ้องโล่เฟยเอ๋อตาไม่กะพริบ ราวกับว่ายังจ้องดูไม่พอสักที เลยตอบอย่างไม่ค่อยสนใจอะไร”แค่เลือดนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง? หมอเฉิงล่ะ? รีบเรียกหมอมาทำแผลให้สิ…..”โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วขึ้น แล้วมองรอบๆ หาหมอ
แต่เสียดายที่บนตึกหนี อย่าว่าแต่คุณหมอเลย นอกจากเธอกับซูซีมู่2 คน แล้วแม้แต่เงาคนยังไม่มีเลย
ที่แท้ตั้งแต่คำแรกที่โล่เฟยเอ๋อไถ่ถามซูซีมู่ เวลานั้นโจวเฉิงก็ได้พาคนอื่นออกไปโดยรู้งานทันที
ซูซีมู่จ้องตาใสๆของโล่เฟยเอ๋อ ตอบเบาๆ”โจวเฉิงพาพวกเขาออกไปแล้วล่ะ”
ออกไปแล้ว?โล่เฟยเอ๋อเงิบ สักพักถึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองทำแบบนั้นกับซูซีมู่….
แฮร่ๆ…..ยังดีที่คุณโจวพาคนอื่นออกไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเธอกับซูซีมู่จะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย
โล่เฟยเอ๋อจับจมูกอย่างเขินอาย กล่าว:”งั้น…..เราก็ลงไปกันเถอะ”
ถึงแม้ซูซีมู่จะอยากอยู่กับโล่เฟยเอ๋อสองต่อสองนานๆ แต่เมื่อนึกถึงว่าเขาต้องพาโล่เฟยเอ๋อไปตรวจเช็คทุกส่วนบนร่างกายของเธออีกรอบ แล้วตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วด้วย
ซูซีมู่พยักหน้ากล่าว:”โอเค ลงไปตรวจทุกส่วนบนร่างกายคุณ”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องตรวจแล้ว แต่คุณน่ะสิต้องไปเปลี่ยนผ้าก๊อตทำแผลใหม่”
อีกคนจะเอาแบบนี้ อีกคนจะเอาแบบนั้น เรากลับบ้านจะเกิดเรื่องที่ต้องเถียงกันขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ซูซีมู่เป็นฝ่ายยอม “งั้นไปพร้อมกัน”
“โอเคค่ะไปพร้อมกัน” โล่เฟยเอ๋อมองดูซูซีมู่ และปริรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในช่วงนี้
ซูซีมู่ก็ยิ้มมุมปาก แล้วยื่นมือไปจูงโล่เฟยเอ๋อ เธอไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้เขาจูงมือ เดินไปด้านล่าง
หลังจากที่โจวเฉิงลงมาจะตึกด้านบน ก็ก็ได้รออยู่ด้านล่างอย่างไม่สบายใจ
บอกตามตรง เมื่อกี้ตอนที่เขาออกมา สถานการณ์ระหว่างประธานซูกับคุณนาย เขาเป็นห่วงมากเกรงว่าประธานซูกับคุณนายจะแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางจริงๆแล้ว
กลับคิดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่จะจูงมือกันเดินลงมาจากตึกชั้นบน
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่โจวเฉิงกลับเข้าใจได้ ว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี ประธานซูกับคุณนายของพวกเขาได้คืนดีกันแล้ว
“ประธานซู คุณนาย เรื่องการตรวจร่างกายจัดเตรียมเสร็จแล้วครับ“
ซูซีมู่ตอบ’อืม’หนึ่งคำ และถามเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “อาหารกลางวันเลี้ยงเสร็จหรือยัง?”
โจวเฉิงตอบอย่างมีมารยาท “ยังเลยครับ อยากถามความคิดเห็นจากประธานซูและคุณนายครับ”
พวกคุณสองคนกำลังมีปัญหากัน ใครจะกล้าตัดสินไปเตรียมเรื่องอาหารกลางวันเองล่ะ?
ซูซีมู่มองโจวเฉิงทีนึง แล้วหันหน้าไปถามโล่เฟยเอ๋อ”อาหารกลางวันจะทานอะไรดีครับ?”
“ได้หมดค่ะ”โล่เฟยเอ๋อตอบแบบไม่อะไรมาก
แต่แน่นอนว่าซูซีมู่จะไม่บอกกับโจวเฉิงว่า’อะไรก็ได้’ เขาสั่งไปแต่เมนูอาหาร ล้วนเป็นเมนูที่โล่เฟยเอ๋อชอบกินทั้งนั้น
ผู้ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับตนเองมาโดยตลอด แต่ตนกลับเข้าใจผิดเขา
โล่เฟยเอ๋อตาเริ่มแดง และหันไปกล่าวกับโจวเฉิงว่า:”คุณโจวคะ ช่วยเพิ่มอีก 2 เมนูอาหารค่ะ”
แล้วโล่เฟยเอ๋อก็เพิ่มเมนูอาหารที่ซูซีมู่ชอบท่าน เพิ่มเสร็จ โล่เฟยเอ๋อยังกล่าวกับโจวเฉิงอย่างมีมารยาทว่า:”คุณโจวคะ รบกวนคุณแล้วนะคะ!”
“ไม่รบกวนครับ ไม่รบกวนแม้แต่นิดเดียวเลยครับ”ปากของโจวเฉิงพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับกำลังอยากอ้วกแตก
ประธานซูกับคุณนายพวกคุณอย่าทำแบบนี้สิ!
ตอนที่มีปัญหากันนั้น เกือบจะเอาชีวิตคนไปเลย
แต่เวลาดีกันแล้ว ก็โชว์ความหวานซะขนาดนั้น
หรือว่านี่ก็คือรักมากแค้นมากที่เขาว่าไว้ในตำนาน?