บทที่268 ดูทะเลอย่างโรแมนตกและเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ หซิวหชูเฉียวก็กลับไปนอนต่อที่ห้อง
โล่เฟยเอ๋อนั่งพิงอยู่ที่โซฟา เล่นโทรศัพท์
ไม่นาน ซูซีมู่กับโจวเฉิงก็เดินลงมาจากชั้นบนด้วยกัน เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา ซูซีมู่ก็พูดกับโจวเฉิงหนึ่งประโยค จากนั้นก็เดินเข้าไปหาโล่เฟยเอ๋อ
“ทำไมนั่งอยู่ที่นี่คนเดียว? คุณหซิวล่ะ?”
“เฉียวเฉียวกลับไปนอนต่อที่ห้องแล้ว” โล่เฟยเอ๋อเม้มปาก แล้วเอ่ยถาม “นายเสร็จธุระแล้วเหรอ?”
“อืม เสร็จแล้ว” ซูซีมู่พยักหน้า แล้วเอ่ยถาม “จะออกไปข้างนอกไหม”
“ไปไหน? ทะเลเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อแววตาเป็นประกาย
ที่จริงซูซีมู่จะพาโล่เฟยเอ๋อไปซื้อชุดนอนใหม่ที่รับปากเธอเอาไว้เมื่อคืน แต่โล่เฟยเอ๋อตอนนี้อยากจะไปทะเล เขาเลยเปลี่ยนแผนไปทะเลแทน “อืม ไปทะเล”
ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของอ่าวโป๋ไห่พอดี ที่ทะเลคนจึงเยอะมาก
โล่เฟยเอ๋อโตขนาดนี้ แต่เพิ่งเคยเห็นทะเลเป็นครั้งแรก เธอชอบมาก แต่ก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง
เธอจับมือซูซีมู่ไว้แน่น เดินไปที่ทะเลอย่างระมัดระวัง
ลมทะเลพัดโชยมา มีกลิ่นคาวเล็กน้อยลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ โล่เฟยเอ๋อเริ่มกล้ามากยิ่งขึ้น ปล่อยมือซูซีมู่แล้วเดินเข้าไปใกล้ทะเล
ซูซีมู่กลัวเธอมีอันตราย เลยเดินอยู่ข้างเธอตลอด
ทันใดนั้นก็มีคลื่นซัดสาดเข้ามา พวกเขาหลับไม่ทัน ถูกคลื่นซัดจนเท้าเปียกไปหมด
“รองเท้าเปียกหมดแล้ว” โล่เฟยเอ๋อพึมพำออกมา
สีหน้าซูซีมู่ไม่แสดงอาการอะไร “กลับไปเปลี่ยน?”
“ไม่กลับ ถอดรองเท้าก็ได้แล้ว”
เพราะโล่เฟยเอ๋อถอดรองเท้าแล้ว ประธานซูเลยเดินเท้าเปล่าเป็นเพื่อนเธอ อีกทั้งยังถือรองเท้าไว้ในมือ
ไม่พูดไม่ได้ ว่าโล่เฟยเอ๋อนั้นมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ
เม็ดกรวดถูกแช่อยู่ในน้ำทะเลเป็นเวลาหลายปี จึงมีความเรียบเนียน นุ่มและละเอียดมาก เหยียบไปแล้วรู้สึกนิ่ม ๆ รู้สึกสบายมาก โล่เฟยเอ๋อเหยียบไปพลางตะโกนเรียกซูซีมู่ไปพลาง “ซูซีมู่ นายรีบมานี่ ทรายพวกนี้เหยียบแล้วสบายจังเลย”
ถึงแม้ว่าการเหยียบทรายจะดูหน่อมแน้มไปหน่อย แต่ซูซีมู่ก็ยังคงไปเป็นเพื่อนเธอ
หลังจากเหยียบทรายเล่นแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ลากซูซีมู่เดินไปแช่เท้าในน้ำทะเลอยู่สิบกว่านาที ถึงได้จูงมือซูซีมู่ขึ้นฝั่ง
ห่างจากชายฝั่งไม่ไกลนัก มีร้านอาหารเครื่องดื่มและร้านขนมหวาน
โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่เข้าไปในร้านซื้อเครื่องดื่มและขนม จากนั้นก็นั่งลงตรงที่นั่งใต้ร่มที่กางอยู่ด้านนอกร้าน
“ที่นี่สนุกจังเลย” โล่เฟยเอ๋อใช้ช้อนตักผลไม้ที่อยู่ในเครื่องดื่มขึ้นมา แต่ผลไม้นั้นก็ตกลงไปอยู่ด้านล่างไม่หยุด
ซูซีมู่เอาช้อนจากมือของโล่เฟยเอ๋อมา จากนั้นก็ใช้ช้อนตักผลไม้ขึ้นมายื่นเข้าปากโล่เฟยเอ๋อ “มีเวลาหนึ่งสัปดาห์ มากพอให้เธอเที่ยวเล่น”
โล่เฟยเอ๋อไม่ลังเลสักนิด อ้าปากทานผลไม้ “หนึ่งสัปดาห์เหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อที่ปากเต็มไปด้วยผลไม้ เอ่ยพูดออกมาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
ซูซีมู่พยักหน้า “อืม ทำไมเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อกลืนผลไม้ที่อยู่ในปากลงไป แล้วรีบถาม “เที่ยวที่นี่หนึ่งสัปดาห์ งานของนายจะทำยังไงล่ะ?”
ซูซีมู่ตอบแบบสบาย ๆ “ในบริษัทก็มีคนอื่นนี่”
“เอ๊ะ…แต่นายไม่อยู่ ไม่ค่อยดีมั้ง?” โล่เฟยเอ๋อรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ เธอจ้องไปที่ซูซีมู่ จากนั้นก็พูดเสียงเบา : “พวกเรากลับกันคืนนี้เลยดีไหม?”
“ไม่ต้องกลับไป” น้ำเสียงของซูซีมู่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นชัดเจน
ซูซีมู่มาเที่ยวเป็นเพื่อนเธอ ยอมทิ้งงานของตัวเอง
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมเขายังไงดี เลยได้แต่ก้มหน้ามองเท้าเปล่าของตัวเอง ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ซูซีมู่ดูออกว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังคิดอะไร ยื่นมือข้ามโต๊ะไปลูบหัวเธอแล้วพูดว่า : “ตอนบ่ายเดี๋ยวโจวเฉิงก็กลับเมือง A แล้ว”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งเล็กน้อย แล้วถาม “เขาคนเดียวไหวเหรอ?”
“ถ้าหากโจวเฉิงจัดการเรื่องงานแค่นี้ไม่ได้ งั้นตำแหน่งผู้ช่วยก็คงไม่เหมาะกับเขา” ซูซีมู่พูดอย่างมีเหตุผล
โล่เฟยเอ๋อพึมพำออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสาร “คุณโจวผู้น่าสงสาร”
“เธอว่าโจวเฉิงน่าสงสารเหรอ?” ซูซีมู่ยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก “งั้นฉันกลับไปทำงาน ให้เขาลางานแทน?”
เมื่อได้ยินซูซีมู่บอกว่าตัวเองจะทำงานแทนโจวเฉิง โล่เฟยเอ๋อก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เธอส่ายหัว “ไม่ได้สิ ให้คุณโจวกลับไปทำงานแหละดีแล้ว คนเก่งย่อมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น”
ซูซีมู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูด ก็ยิ้มออกมา
“ยิ้มเล็กน้อยก็ดูดีจนเป็นที่ร่ำลือไปทั้งเมือง…”
เมื่อก่อนตอนที่โล่เฟยเอ๋อเห็นประโยคนี้ เธอไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คนอะไรจะยิ้มแล้วดูดีถึงขนาดเป็นที่ร่ำลือไปทั้งเมือง
แต่วันนี้เมื่อเห็นซูซีมู่ยิ้มออกมา โล่เฟยเอ๋อถึงได้รู้ว่า ประโยคนั้นไม่ได้เกินจริงเลย แต่มันเป็นเรื่องจริง
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ ยิ้มอย่างเรียบง่าย ก็ดูดีมากจนร่ำลือไปได้ทั้งเมืองจริง ๆ …
“หืม?” ซูซีมู่ขมวดคิ้วถาม สายตาจ้องมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ
ได้ยินซูซีมู่เอ่ย หืม โล่เฟยเอ๋อถึงได้รู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไป
“เอ่อ…คือ…มันคือ…” โล่เฟยเอ๋อพูดติด ๆ ขัด ๆ พูดไม่ออก เลยก้มหน้ากัดหลอดเครื่องดื่มในมือของตัวเอง แกล้งทำเป็นกำลังยุ่งอยู่
เห็นโล่เฟยเอ๋อน่ารักอย่างนี้ ซูซีมู่ก็ยิ้มออกมา พูดเสียงต่ำว่า : “ยิ้มเล็กน้อยก็ดูดีจนเป็นที่ร่ำลือไปทั้งเมือง…ฉันเพิ่งได้ยินคนพรรณนาแบบนี้เป็นครั้งแรก…”
นั่นเป็นเพราะว่าถึงจะมีคนที่คิดแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา
“เหอ เหอ…” โล่เฟยเอ๋อหัวเราะ แล้วแกว่งเท้าไปมา
ลมทะเลพัดโชยมา ทำให้ผมของโล่เฟยเอ๋อยุ่งเหยิง ซูซีมู่ใช้มือลูบผมเธอให้เรียบ “ผมปลิวยุ่งเหยิงหมดแล้ว”
“ฉันอยากเปลี่ยนทรงผม” โล่เฟยเอ๋อเอียงหัวมามองแล้วพูดออกมา
ซูซีมู่ “จะเปลี่ยนที่นี่เลยหรอกลับไปเปลี่ยนที่เมือง A?”
“กลับไปเมือง A” โล่เฟยเอ๋อยิ้มกว้าง
ซูซีมู่พยักหน้า จากนั้นก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “หลังจากกลับไป จะให้โจวเฉิงนัดช่างตัดผมฝีมือดีจากตงฟางหมิงเจี่ยนให้ไปตัดผมให้เธอที่คฤหาสน์”
“ดีจัง ฉันของช่างตัดผมของตงฟางหมิงเจี่ยนที่สุดเลย” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าด้วยความดีใจ จากนั้นก็ดื่มเครื่องดื่มจนหมด
ซูซีมู่ อืม ออกมาคำเดียว แล้วจูงมือโล่เฟยเอ๋อให้ลุกขึ้น “กลับกันเถอะ”
“เพิ่งออกมาได้ไม่นานเอง ก็จะกลับแล้วเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อยังไม่อยากกลับไป
“ควรจะกลับไปทานมื้อเที่ยงได้แล้ว” ซูซีมู่ส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้ จากนั้นก็ถามอย่างปรึกษาหารือ “ไว้รอทานมื้อเที่ยงเสร็จค่อยออกมาเที่ยวอีกดีไหม? หืม?”
“ฉันรับปากกับเฉียวเฉียวไว้แล้ว ตอนบ่ายจะอาบแดดเป็นเพื่อนเธอ พูดคุยกันตามประสา” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
“งั้นตอนค่ำค่อยพาเธอออกมาเที่ยว? ตอนค่ำที่ทะเลจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิว คึกคักมาก” เขาไม่เคยมาหรอก แต่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อน่าจะชอบ
“ดีจัง…” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ แต่ก็คิดเรื่องอื่นขึ้นมาได้ทันทีทันใด “ตอนบ่ายอยู่เป็นเพื่อนเฉียวเฉียว ตอนค่ำมาปาร์ตี้บาร์บีคิว แล้วคืนนี้ฉันก็ต้องใส่ชุดนอนหนา ๆ อีกเหรอ…”
“วันนี้ตอนค่ำไปซื้อชุดนอนที่ห้าง พรุ่งนี้ค่อยมาปาร์ตี้บาร์บีคิว…