บทที่ 265 ความสุขที่เปี่ยมล้น
ไม่นานนักซูซีมู่ก็ยกน้ำกลับมาที่ห้องหนังสือ แต่ทว่าหลังจากโล่เฟยเอ๋อดื่มน้ำเสร็จ กลับไม่ได้ออกไป เพียงแค่ลุกจากเก้าอี้ทำงาน ย้ายไปนั่งที่โซฟา
ตอนแรก ซูซีมู่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อจะนั่งสักพักแล้วกลับห้องไปนอน เขาเลยไม่ได้สนใจเธอ หยิบเอาเอกสารฉบับนั้นที่เขาอ่านได้เพียงครึ่งหนึ่งมาอ่านต่อ
แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาอ่านเอกสารในมือจนจบ เงยหน้าขึ้นมา กลับพบว่าโล่เฟยเอ๋อยังคงนั่งพิงโซฟาอ่านนิตยสารอยู่ ท่าทีไม่ได้คิดจะกลับห้องไปนอนเลย เขาจึงได้เอ่ยเตือน
“เฟยเอ๋อ ดึกแล้ว รีบกลับห้องไปนอนเถอะ”
“ตอนนี้ฉันยังไม่ง่วง นายทำงานไปเถอะ ไม่ต้องสนฉัน” โล่เฟยเอ๋อเปิดนิตยสารไปพลางตอบเขาไปพลาง
ถ้าหากซูซีมู่ยังไม่เข้าใจว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังทำอะไร งั้นเขาก็เป็นไอโง่แล้ว
เขาดีใจมากที่ในใจของโล่เฟยเอ๋อมีเขาอยู่ แต่ซูซีมู่ก็ทนไม่ได้ที่จะให้โล่เฟยเอ๋ออยู่เป็นเพื่อนเขาอ่านเอกสารจนดึกป่านนี้
เขาจัดเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างลวก ๆ แล้วก็ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าของโล่เฟยเอ๋อ หยิบเอานิตยสารในมือของโล่เฟยเอ๋อออกไป “ไม่ต้องดูแล้ว กลับห้องไปนอนเถอะ”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถาม “กลับห้องไปนอนเหรอ? นายมีเอกสารอีกสิบกว่าฉบับไม่ใช่เหรอ? ทำไมอ่านเสร็จเร็วขนาดนี้?”
“เอกสารพวกนั้นไม่รีบอ่าน” ซูซีมู่เอ่ยขึ้นอย่างเรียบ ๆ
โล่เฟยเอ๋อได้ยินซูซีมู่พูดว่าไม่รีบอ่าน ก็พยักหน้าแล้วตอบกลับว่า อ๋อ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินตามซูซีมู่ออกไปจากห้องหนังสือ
ห้องนอนของโล่เฟยเอ๋ออยู่ตรงข้ามกับห้องหนังสือ ไม่ต้องให้ซูซีมู่ไปส่งเธอกลับห้อง เดินออกจากห้องหนังสือก็ถึงแล้ว
ซูซีมู่หยุดเดิน ยกมือขึ้นลูบหัวโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็พูดว่า : “ดึกแล้ว รีบกลับไปนอน”
“อืม นายก็รีบนอนนะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า หมุนตัวกลับเข้าห้องไป
ซูซีมู่ยิ้มออกมา แล้วหมุนตัวเพื่อจะกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็ดังมาจากด้านหลัง “ซูซีมู่”
“หืม?” ซูซีมู่หันกลับมา
“เสื้อของนาย เกือบลืมแล้ว” โล่เฟยเอ๋อเอาเสื้อคลุมจากตัวเธอ ยื่นให้ซูซีมู่
ใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อมีรอยยิ้ม ดวงตาดำขลับเป็นประกายระยิบระยับ ประกายนั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งสว่างขึ้น ทำให้ใจเขาสั่นไหว เต้นรัวตึกตักตึกตัก จนทำให้ร่างกายเขาร้อนวูบวาบ ทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมา
ทันใดนั้น ซูซีมู่ก็กดโล่เฟยเอ๋อจนติดกับประตูห้องนอน จากนั้นก็ก้มหน้า จูบลงไปบนปากของเธอ
โล่เฟยเอ๋อตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือคล้องคอของเขาเอาไว้ จูบกลับอย่างไม่คล่องแคล่วเท่าไหร่
ซูซีมู่เมื่อเห็นว่าเธอตอบรับ ก็ใช้ปลายลิ้นดุนเปิดปากเธอให้อ้าออกทันที แล้วจูบแลกลิ้นกับเธออย่างดูดดื่ม
โล่เฟยเอ๋อที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน ไม่ทันไรก็ถูกเขาจูบจนเข่าอ่อน อ่อนแรงแทบจะล้มลง
ซูซีมู่เลยถือโอกาสโอบเอวเธออุ้มเธอขึ้นมา จากนั้นก็ยกเท้าถีบประตูห้องนอนให้เปิดออก
อุ้มโล่เฟยเอ๋อไปวางลงบนเตียง แล้วซูซีมู่ก็ทับลงบนตัวโล่เฟยเอ๋อ
เขาไม่ได้จูบโล่เฟยเอ๋อต่อ เพราะตอนนี้เขามีสติขึ้นมาแล้ว
ถึงแม้ร่างกายของเขากำลังเรียกร้อง กดทับโล่เฟยเอ๋อไว้
แต่ในใจเขากลับฝืนบอกกับตัวเองว่า อย่ารีบร้อน ห้ามรีบร้อน
ฝืนใจเก็บความต้องการเอาไว้ แล้วเอ่ยถามแบบกดเสียงว่า “เฟยเอ๋อ ได้ไหม?”
ซูซีมู่ถามอย่างระมัดระวัง แต่น้ำเสียงเต็มไปความหื่นกระหาย โล่เฟยเอ๋อได้ยินก็รู้สึกตัวสั่นไปทั้งตัว ใจเต้นรัวขึ้น ขนตาของเธอสั่นไหวมาก ในใจนั้นตอบตกลงแล้ว แต่ธรรมชาติของผู้หญิงนั้นทำให้เธอไม่กล้าที่จะพูดคำว่า ได้ นั้นออกมา
แรงกระตุ้นภายในร่างกายของเขา ทำให้ความอดทนของเขาหมดไป ซูซีมู่ที่ไม่อยากฝืนตัวเอง ได้ลองหยั่งเชิงโดยยื่นมือเข้าไปในเสื้อของโล่เฟยเอ๋อ
ปลายนิ้วที่ร้อนผ่าวของซูซีมู่สัมผัสเข้ากับผิวหนังของโล่เฟยเอ๋อ ทำให้ทั้งตัวของเธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และสั่นเทาไปทั้งตัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับไหล่ของซูซีมู่เอาไว้
ปฏิกิริยาตอบรับของโล่เฟยเอ๋อเช่นนี้ ถือเป็นการเชื้อเชิญซูซีมู่อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าจะตื่นเต้นมาก แต่ยังคงค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของเธอออกไป…
เป็นเพราะเหนื่อยมาก เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของซูซีมู่
ซูซีมู่ถึงแม้ว่ายังไม่ง่วง แต่ในอ้อมอกกอดคนที่รักอยู่นั้น อีกทั้งเมื่อกี้ได้ทำเรื่องที่ลึกซึ้งกับคนที่ตัวเองรัก เขาที่สุขสมทั้งกายและใจ ได้จูบลงบนปากของโล่เฟยเอ๋อเบา ๆ จากนั้นก็หลับตาลง
วันถัดมาฟ้าเพิ่งจะสว่างซูซีมู่ก็ตื่นแล้ว เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือหันไปมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดเขา สีหน้าของเขาก็ดูอบอุ่นขึ้นมาทันที
จะว่าไปแล้ว เขาก็กลัวว่าเรื่องเมื่อคืนจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อยังอยู่ในอ้อมกอดเขา เขาถึงได้รู้ว่ามันคือความจริง
ยื่นมือไปลูบแก้มนุ่ม ๆ ของเธอ ค่อย ๆ บรรจบจูบลงที่ริมฝีปากเธอ
เหมือนจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ใกล้ชิดของเขา เธอที่กำลังหลับอยู่นั้น ยังรู้สึกตัวแล้วแนบตัวเข้าในอ้อมกอดของเขา
ซูซีมู่กระชับแขนโอบเอวเธอให้แน่นขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
เขาที่เคยจินตนาการภาพฉากแบบนี้หลายครั้ง
คิดมาตลอดว่าฉากแบบนี้ คงเป็นได้เพียงเรื่องเพ้อฝันในชีวิตเขา
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้มันกลายเป็นจริงแล้ว
หลังจากที่ซูซีมู่ตื่นขึ้นมา ก็ไม่ได้หลับต่ออีก เขาเหมือนกับมองไม่พอยังไงยังงั้น มองไปยังโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างไม่ละสายตา
จนถึงตอนที่โทรศัพท์เขาดังขึ้นมา เขากลัวจะทำให้เธอตื่น จึงได้ค่อย ๆ ผละตัวออกจากเธอ จากนั้นก็ลุกจากเตียงไปรับโทรศัพท์
เป็นโจวเฉิงที่โทรศัพท์เข้ามา เพื่อรายงานเขา เรื่องที่ให้จัดการเห้อจิ้นเหยานั้นได้เริ่มลงมือเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ซูซีมู่สั่งการโจวเฉิงไปหลายเรื่อง ก็วางสายไป
เขาไม่ได้กลับไปที่ห้องของโล่เฟยเอ๋อ แต่กลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากเขาล้างหน้าแปรงฟันแล้ว จึงกลับเข้าไปในห้องของโล่เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อกำลังงัวเงียนั่งอยู่ที่หัวเตียง แสดงให้เห็นว่าเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน
“เฟยเอ๋อ เธอตื่นแล้วเหรอ?” ซูซีมู่เดินเข้ามา ก้มตัวลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาทีละชิ้น
“อืม…” โล่เฟยเอ๋อเห็นท่าทางของซูซีมู่ ก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเมื่อคืนเธอกับซูซีมู่ได้เกิดเรื่องลึกซึ้งกันขึ้น จากนั้นเธอก็หน้าแดงขึ้นมา
“ยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกสักหน่อยดีไหม?” ซูซีมู่เก็บเสื้อผ้าวางไว้ที่โซฟา แล้วเดินเข้ามาถาม
โล่เฟยเอ๋อหน้าแดงส่ายหัวไปมา “ไม่นอนแล้ว”
ซูซีมู่ตอบ อืม จากนั้นก็เอ่ยถาม “ฉันจะไปหยิบเสื้อผ้าให้ เธอจะใส่ชุดไหน?”
เสื้อผ้าที่วางอยู่บนโซฟาสกปรกแล้ว แน่นอนว่าต้องหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเขินอาย จึงตอบไปว่า : “เดี๋ยวฉันหยิบเองดีกว่า”
ซูซีมู่ไม่ได้บังคับอะไร ตอบเพียง อืม ออกมา จากนั้นก็ออกจากห้องไป
หลังจากที่รอให้ซูซีมู่ออกไป โล่เฟยเอ๋อก็เอาหน้าซุกหมอนอยู่สักพัก จากนั้นก็พันตัวด้วยผ้าปูที่นอนเดินไปหยิบเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอถึงจะเดินออกจากห้องไปอย่างเชื่องช้า
ซูซีมู่กำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอก เมื่อได้ยินเสียง ก็หันกลับไปมองเธอที่กำลังเดินมา จากนั้นก็ยื่นมือไปหาเธอ
โล่เฟยเอ๋อลังเลเล็กน้อย แล้วก็เอามือวางลงบนฝ่ามือของเขา ทั้งคู่จูงมือกันเดินลงไปชั้นล่าง