บทที่ 266 ไปอ่าวโป๋ไห่ด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็พูดกับซูซีมู่เรื่องที่จะพาหซิวหชูเฉียวไปอ่าวโป๋ไห่
“เมื่อคืนฉันโทรหาเฉียวเฉียวแล้ว เธอยินดีที่จะไปอ่าวโป๋ไห่”
ซูซีมู่พยักหน้าแล้ว อืม มาคำหนึ่ง จากนั้นก็ถามว่า “ตอนนี้เพื่อนเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ?”
“ใช่สิ ทำไมเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อถาม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” ซูซีมู่เงียบไป จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ฉันให้โจวเฉิงจัดการเรื่องเครื่องบินที่จะไปอ่าวโป๋ไห่ตอนบ่ายสาม ถ้าเพื่อนเธอยังอยู่โรงพยาบาล ตอนบ่ายพวกเราก็ตรงไปรับเธอที่โรงพยาบาลเลย”
โล่เฟยเอ๋อ อ๋อ ออกมา จากนั้นก็พูดว่า : “ฉันโทรถามเธอก่อนละกัน”
“ได้” ซูซีมู่พยักหน้า
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อโทรคุยกับหซิวหชูเฉียวแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าหซิวหชูเฉียวจะออกจากโรงพยาบาลก่อน แล้วกลับไปเก็บของที่คอนโด จากนั้นตอนบ่ายโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ค่อยไปรับเธอที่อพาร์ทเม้นแล้วไปสนามบินกัน
บ่ายโมง โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่นั่งรถของโจวเฉิงไปที่หซิวหชูเฉียว
ขณะที่ไปถึง หซิวหชูเฉียวก็ถือกระเป๋าเดินทาง รอพวกเขาอยู่ที่ห้องของรปภ. ตรงปากทางเข้าคอนโด
“เฉียวเฉียว ทำไมเธอไม่รอให้พวกเรามาถึงก่อนล่ะ ลงจากตึกมาเองทำไม?”
หซิวหชูเฉียวตอบกลับอย่างสบาย ๆ ว่า “ยังไงก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว เลยลงมารอพวกเธอ”
เมื่อได้ยินหซิวหชูเฉียวพูดแบบนั้น โล่เฟยเอ๋อก็ทำตาโต “เฉียวเฉียว ตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่นะ ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว เธอระมัดระวังหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“ฉันรู้แล้ว คราวหน้าฉันรับปากว่าจะระวังให้มากขึ้น” หซิวหชูเฉียวกลอกตาไปมา จากนั้นก็ทักทายซูซีมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของโล่เฟยเอ๋อ “คุณซู”
“คุณหซิว” ซูซีมู่พยักหน้าอย่างมีมารยาท
เดิมที่โล่เฟยเอ๋อตั้งใจจะแนะนำซูซีมู่กับหซิวหชูเฉียวให้รู้จักกัน แต่เมื่อเห็นพวกเขาทักทายกันอย่างคุ้นเคยแบบนี้ ก็รู้สึกแปลกใจ
“พวกเธอรู้จักกันเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้บังเอิญเจอหซิวหชูเฉียว เธอรู้จักฉัน” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ซูซีมู่ก็รู้สึกสงสัย
เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอกับหซิวหชูเฉียวมาก่อน หซิวหชูเฉียวทำไมถึงรู้ว่าเขารู้จักกับโล่เฟยเอ๋อ?
“เฉียวเฉียว?” โล่เฟยเอ๋อหันไปมองหซิวหชูเฉียว
หซิวหชูเฉียวมองไปทางซูซีมู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปพูดที่ข้างหูของโล่เฟยเอ๋อ : “เธอลืมแล้วเหรอ ฉันเคยเห็นภาพสเก็ตของเขาที่เธอเป็นคนวาด”
เมื่อหซิวหชูเฉียวพูดเรื่องนี้ขึ้นมา โล่เฟยเอ๋อถึงนึกขึ้นมาได้ว่าครั้งนั้นเธอไปสถานีตำรวจเพื่อรับกระเป๋าที่โดยขโมยไปคืนมา หซิวหชูเฉียวจึงได้เห็นภาพสเก็ตของซูซีมู่ที่เธอแอบวาดเอาไว้
เมื่อคิดถึงตอนที่เธอแอบรักซูซีมู่แล้ววาดภาพสเก็ตของเขา โล่เฟยเอ๋อก็มีท่าทีเขินอาย จากนั้นก็ถามอย่างกังวลว่า “เธอไม่ได้บอกเขาใช่ไหม ว่าเธอรู้จักเขาเพราะเคยเห็นภาพสเก็ตของเขา”
“ไม่ได้บอก” หซิวหชูเฉียวส่ายหัว หลังจากนั้นก็ถามกลับด้วยความสงสัย “นี่เขาไม่รู้ว่าเธอเคยวาดภาพสเก็ตเขาเหรอ?”
“เขาไม่รู้ เธอห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจไหม?” ภาพสเก็ตพวกนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อไม่อยากให้ซูซีมู่รู้
หซิวหชูเฉียวกรอกตาไปมา “รู้แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อตอบ อืม จากนั้นก็หันไป เห็นว่าซูซีมู่กำลังมองมายังพวกเขา แล้วส่งเสียงขึ้นมาเบา ๆ “อะแฮ่ม…สายมากแล้ว พวกเราไปสนามบินกันก่อนเถอะ”
ซูซีมู่ไม่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อกับหซิวหชูเฉียวนั้นกำลังพูดเรื่องเขาอยู่ เพียงแต่คิดว่าพวกเขากำลังกระซิบกระซาบตามประสาผู้หญิง
โล่เฟยเอ๋อพูดว่าไปสนามบิน เขาก็รีบสั่งให้โจวเฉิงเอากระเป๋าเดินทางของหซิวหชูเฉียววางไว้หลังรถ จากนั้นก็ขึ้นรถ ออกเดินทางไปยังสนามบิน
จากเขตตะวันตกไปสนามบินระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก เมื่อถึงสนามบินเพิ่งจะบ่ายสองโมงยี่สิบนาที
โจวเฉิงไปจัดการเรื่องการเช็คอิน โล่เฟยเอ๋อและคนอื่นไปรออยู่ที่ห้องรับรองผู้โดยสารขาออก
บ่ายสามโมงตรง ขึ้นเครื่องตรงเวลาพอดี
ตอนแรกโจวเฉิงจัดการที่นั่งไว้ให้โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่นั่งแถวหนึ่ง เขากับหซิวหชูเฉียวนั่งอีกแถวหนึ่ง
แต่เมื่อขึ้นเครื่องบิน โล่เฟยเอ๋อก็ลากหซิวหชูเฉียวมานั่งด้วยกัน
ซูซีมู่เลยจำเป็นต้องนั่งกับโจวเฉิง
“ประธานซูครับ คุณควรจะแย่งที่นั่งคุณกลับคืนมาสิ ทำไมยอมให้คุณหซิวไปนั่งได้ล่ะ?” โจวเฉิงบ่นพึมพำ ส่ายหน้า ถอนหายใจ แล้วมองไปยังประธานของตัวเอง
“ฉันรู้สึกว่านายควรจะลงจากเครื่องบินได้แล้ว” ซูซีมู่ที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปยังโจวเฉิง
เมื่อได้ยินที่ซูซีมู่พูด โจวเฉิงแทบจะร้อง “ประธานซูครับ เครื่องขึ้นบินแล้วนะ”
“นายขอยืมร่มชูชีพจากแอร์โฮสเตสได้นะ” ซูซีมู่พูดอย่างเรียบ ๆ
“ประธานซู…”
อุณหภูมิของเมือง B สูงกว่าเมือง A เล็กน้อย อุณหภูมิเหมือนช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนของเมือง A ไม่ได้ร้อนมากมาย แต่โล่เฟยเอ๋อและพวกเขาสวมเสื้อคลุมหนาเอาไว้ ต้องรู้สึกร้อนแน่นอน
เมื่อลงจากเครื่องบิน โล่เฟยเอ๋อและพวกเขาก็รู้สึกได้ทันที
“อุณหภูมิของเมือง B สูงกว่าที่เมือง A เหรอเนี่ย!” โล่เฟยเอ๋อกับหซิวหชูเฉียวพูดพลางถอดเสื้อคลุมออก
ซูซีมู่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตหนึ่งตัวกับเสื้อสูท เลยไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่ “อืม ที่นี่อุณหภูมิสูงกว่าราว 7-8 องศา”
เมื่อออกจากสนามบิน พวกเขาก็ขึ้นรถที่โจวเฉิงเตรียมไว้ให้มารับพวกเขา
รถพาพวกเขาไปที่ร้านอาหารเพื่อทานอาหารค่ำกันก่อน จากนั้นก็ไปส่งพวกเขาที่คฤหาสน์อ่าวโป๋ไห่ของซูซีมู่
นั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมง แล้วนั่งรถต่ออีกสักพักใหญ่ ถึงแม้จะไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามาก โดยเฉพาะหซิวหชูเฉียวที่กำลังท้อง
แพลนที่เตรียมไว้จะไปดูทะเลก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกไป โล่เฟยเอ๋อพาหซิวหชูเฉียวไปส่งที่ห้อง แล้วก็กลับมายังห้องของเธอกับซูซีมู่
“โอ้ย…เหนื่อยจัง!” โล่เฟยเอ๋อนอนปวกเปียกอยู่บนโซฟา
ซูซีมู่กำลังจัดของอยู่ เขาเพิ่งจะจัดของโล่เฟยเอ๋อเสร็จ เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อกำลังง่วงนอนเอนพิงโซฟาอยู่
เขาก็รีบวางของในมือลงทันที แล้วเดินไปที่โล่เฟยเอ๋อ
“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอนนะ อย่าดื้อ”
โล่เฟยเอ๋อลืมตาขึ้นมา ทำเสียงครวญครางเพราะไม่อยากขยับตัว
ซูซีมู่ยิ้มออกมา จากนั้นก็โน้มตัวลง อุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้นมาจากโซฟา
โล่เฟยเอ๋อตกใจ จนแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอหน้าแดง ขัดขืนไปพลางพูดไปพลางว่า : “ฉันเดินไปเองได้”
ซูซีมู่หันหน้าไปมองเธอ จากนั้นก็วางเธอลง
เมื่อขาถึงพื้น โล่เฟยเอ๋อก็รีบหนีเข้าไปในห้องน้ำ
นัยน์ตาดำขลับสะท้อนให้เห็นภาพผู้หญิงที่กำลังหนีอย่างลุกลี้ลุกลน ราวกับเป็นสัตว์ประหลาด ซูซีมู่ก็ฉีกยิ้มออกมา จากนั้นก็กลับไปจัดของของตัวเองต่อ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็ตาสว่างขึ้นมาไม่น้อย เพราะไม่ได้เป่าผม ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อจึงได้หยิบผ้าขนหนูเช็ดผมเดินออกมาจากห้องน้ำ
ซูซีมู่วางของที่อยู่ในมือลง แล้วเดินไปจับผ้าขนหนูที่อยู่ในมือของเธอ เช็ดผมให้เธอ
โล่เฟยเอ๋อเล่นหวีไปพลางเอ่ยถามพลาง “ทำไมนายถึงได้มาซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อ่าวโป๋ไห่?”
ซูซีมู่ตอบ “มีลูกค้าคนหนึ่งยกให้”
“ลูกค้ายกให้เหรอ?” โล่เฟยเอ๋อตกตะลึงมาก
“ถ้าไม่อย่างนั้น เธอคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ?” ซูซีมู่เลิกคิ้วมองไปยังโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันคิดว่านายซื้อไว้เอาใจแฟน…” โล่เฟยเอ๋อตอบออกไปโดยไม่ได้คิด
แฟนหรือภรรยาในใจของเขา ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้น!
“ไม่ใช่” ซูซีมู่หลุบตาลง แล้วเช็ดผมให้โล่เฟยเอ๋อต่อ
เมื่อเช็ดผมจนแห้งแล้ว ซูซีมู่ก็หยิบเสื้อผ้าของตัวเองเข้าห้องน้ำไป
โล่เฟยเอ๋อมองไปยังห้องน้ำครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปที่ระเบียง