บทที่ 282 โล่เฟยเอ๋อตื่นแล้ว
สุดท้ายแล้วซูซีมู่ก็ยังคงรอ เขารอที่วิลล่าหลันถิงสองวันหนึ่งคืนเต็มๆ
คืนที่สองของอีกวัน ซูซีมู่โทรศัพท์เรียกให้โจวเฉิงมาหา หลังจากพูดคุยกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาและโจวเฉิงออกไปจาก
วิลล่าหลันถิงพร้อมกัน
วันนั้นที่โล่เฟยเอ๋อถูกบอดี้การ์ดของเห้อจิ้นเหยาตีสลบไป ก็ถูกหมอฉีดยานอนหลับให้
หลังจากนั้นเป็นเพราะว่าเห้อจิ้นเหยาถูกข่าวที่โจวเฉิงปล่อยออกมาดึงดูดไป เมื่อบอดี้การ์ดไม่ได้ข่าวคราวจากเห้อจิ้นเหยาเลย ดังนั้นจึงได้แต่ทำตามคำสั่งที่เห้อจิ้นเหยาสั่งไว้ก่อนหน้านั้น ให้หมอฉีดยานอนหลับให้โล่เฟยเอ๋อทุกวัน
โล่เฟยเอ๋อที่ถูกฉีดยานอนหลับ นอกจากจะรู้สึกตัวอยู่บ้างแล้ว ที่เหลือคือตัวชาและไม่มีแรงไปทั้งตัว
ตอนแรกนั้น เธอยังคิดว่าเธอได้โรคร้ายอะไร จนกระทั่งได้ยินพยาบาลสองคนพูดคุยกัน เธอถึงรู้ว่า เธอไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไร แต่เป็นเพราะว่าถูกฉีดยานอนหลับนั้นเอง
“คุณโล่ไม่รู้ได้โรคอะไร?ทำไมต้องฉีดยานอนหลับทุกวัน?”
ฉีดยานอนหลับทุกวัน?โล่เฟยเอ๋อที่มีสติอยู่รู้สึกตกใจมาก
ถึงแม้เธอจะไม่ใช่หมอ แต่ก็รู้ผลข้างเคียงของยานอนหลับ ชาไปทั่วร่างกาย ไม่มีแรง ก็เหมือนสภาพเดียวกับร่างกายของเธอตอนนี้ ดังนั้นเธอไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่เป็นเพราะว่าถูกฉีดยานอนหลับนั่นเอง
ใครเป็นคนที่ฉีดยานอนหลับให้กับเธอ?
ความคิดนี้เพิ่งแวบเข้าไปในหัวสมองของโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็ได้ยินคำตอบจากพยาบาลอีกคน
“ก็คือคุณโล่ที่อยู่ห้องข้างๆ เธอรู้ใช่ไหม เขาคือพ่อของคุณโล่ คุณโล่เสียใจมาก ดังนั้นจึงเป็นลมหมดสติไป
เพราะว่าสภาพจิตใจของเธอไม่ดีนัก ดังนั้นคุณนายโล่จึงให้หมอฉีดยานอนหลับให้กับเธอ……”
คำพูดหลังจากนั้น โล่เฟยเอ๋อทนฟังมันไม่ได้อีกต่อไป
เพราะว่าความใส่ใจทั้งหมดของเธอไปอยู่ที่คำว่า คุณนายโล่สั่งให้หมอฉีดยานอนหลับให้เธอ
ทำไมคุณป้าเหยาต้องให้หมอฉีดยานอนหลับให้กับเธอด้วย?แล้วทำไมต้องพูดว่าที่เธอเป็นลมหมดสติไปเพราะเศร้าและเสียใจ?
เขาจำได้อย่างชัดเจนในเวลานั้น จู่ๆหลังต้นตอก็เจ็บปวดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้หน้ามืด และเป็นลมหมดสติไป
นี่มันเป็นเพราะอะไร?
โล่เฟยเอ๋อพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองเห็นพยาบาลเดินเข้ามาหาเธอ พร้อมเข็มฉีดยา
ไม่ จะให้พยาบาลฉีดยานอนหลับให้เธออีกไม่ได้แล้ว
โล่เฟยเอ๋อบอกกับตัวเองในใจ จากนั้นพยายามอย่างเต็มที่จะพูดสองคำนั้นออกมา“ไม่ เอา”
จู่ๆก็มีเสียงของโล่เฟยเอ๋อพูดออกมา ทำให้พยาบาล A ที่ถือเข็มอยู่ตกใจมาก
“ว้าย……”
“เป็นอะไร?”พยาบาล B รีบถามออกมา
พยาบาล B มองไปที่โล่เฟยเอ๋อ แล้วถามขึ้นว่า“คนไข้ตื่นแล้ว ต้องเรียกหมอให้มาดูอาการไหม?”
พยาบาล A ขานรับ อืม แล้วพูดขึ้นว่า“เธอไปเรียก ฉันเฝ้าดูเธออยู่ที่นี่เอง”
พยาบาล B พยักหน้า แล้วออกไปตามหมออย่างรวดเร็ว
โล่เฟยเอ๋อพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเธอชาไปทั้งตัว ลุกไม่ไหวเลย พยายามทำได้แค่เพียงหันไปที่พยาบาลแล้วพูดออกมาว่า“คุณ สามารถ…… ช่วย พยุง ฉัน ลุก ขึ้น ได้ไหม?”
พยาบาล A พยักหน้า เดินมาพยุงเธอให้ลุกขึ้น “คุณโล่ คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ เป็นไร”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวอย่างอ่อนแรง จากนั้นถามออกมาเรื่อยๆว่า“ขอถามหน่อย……ฉันนอนที่นี่……กี่วันแล้ว?”
“คุณโล่ คุณเป็นลมหมดสติไปสองวันสองคืนแล้ว。”พยาบาล A ตอบออกมา
ผ่านไปสองวันสองคืนแล้วเหรอ?หัวใจของโล่เฟยเอ๋อตกไปอยู่บนพื้น กำลังเตรียมจะถามอะไรต่ออีก
เวลานั้น ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกมา
พยาบาล B เมื่อกี้ได้พาคุณหมอเข้ามา และคนที่เข้ามาพร้อมกับพวกเขา ยังรวมไปถึงบอดี้การ์ดอีกคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของคุณพ่อเธอด้วย
เมื่อบอดี้การ์ดเข้ามาในห้องผู้ป่วยแล้ว หันไปมองโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็พูดกับคุณหมอว่า:“คุณหมอ อาการของคุณหนู ยังต้องฉีดยาต่ออีกใช่ไหม
บอดี้การ์ดต้องการให้คุณหมอฉีดยานอนหลับให้เธอต่อ?โล่เฟยเอ๋อนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลก่อนหน้านั้น จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
คุณมองจ้องมองไปที่บอดี้การ์ด แล้วตอบกลับออกมาว่า“จำเป็นต้องฉีดนอนหลับอีกหรือไม่ ต้องให้ผมตรวจอาการของคุณหนูพวกคุณก่อน”
เมื่อคุณหมอพูดแบบนี้ออกมา บอดี้การ์ดก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก จึงยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ ใช้สายตามองสำรวจไปที่ตัวของโล่เฟยเอ๋อ
หลังจากที่คุณหมอตรวจอาการของโล่เฟยเอ๋อเสร็จ จึงสอบถามโล่เฟยเอ๋อ
“คุณโล่ มีอาการเวียนหัวไหม?”
“ไม่”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
คุณหมอถามขึ้นอีก“ตอนนี้ร่างกายของคุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ชา……ไม่มีแรง……”
คุณหมอพยักหน้า แล้วถามขึ้นว่า:“ร่างกายชา ไม่มีแรง มันคืออาการข้างเคียงหลังฉีดยานอนหลับ ถ้าหยุดยา อาการข้างเคียงเหล่านี้ก็จะหายไปเอง”
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ยินคุณหมอพูดว่าจะให้หยุดยา เป็นกังวลขึ้นมาทันที“คุณหมอ คุณนายบ้านผมได้สั่งกำชับไว้แล้ว อาการของคุณหนูถ้าจะให้คงที่ต้องฉีดยานอนหลับให้……”
คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ก็ถูกคุณหมอพูดแทรกเขาขึ้นมาก่อน
“ผมเป็นหมอ หรือคุณนายบ้านคุณเป็นหมอกันแน่?”
หยุดไปสักพัก คุณหมอพูดต่ออีกว่า:“อาการของคุณโล่ดีมาก ยานอนหลับหยุดได้แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อขอบคุณคุณหมอจากใจ“คุณหมอขอบคุณมาก”
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว คุณโล่พักฟื้นสองวัน ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
เมื่อคุณหมอเดินออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็หันไปมองบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดถูกเธอมองจนตัวสั่นระริก แล้วถามออกมาว่า“คุณหนู มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
โล่เฟยเอ๋อดึงสายตากลับ แล้วถามออกอย่างแผ่วเบาว่า“พ่อฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณท่านอาการก็ยังเหมือนเดิม”สายตาของบอดี้การ์ดกะพริบเล็กน้อยแล้วตอบออกมา
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับ ออ แล้วถามขึ้นว่า“คุณป้าเหยาหล่ะ?ทำไม่ไม่เห็นคุณป้าเลย?”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อยังเป็นห่วงเห้อจิ้นเหยาเหมือนเดิม ทำให้บอดี้การ์ดวางใจลงทันที
“สถานการณ์ของบริษัทไม่ดี คุณนายไปจัดการด้วยตัวเองแล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ!”โล่เฟยเอ๋อมองไปที่บอดี้การ์ดด้วยสายตาที่ลุ่มลึก แล้วพูดขึ้นมาว่า “นายพาฉันไปที่ห้องพ่อหน่อย”
“ไม่……”ตอนแรกบอดี้การ์ดคิดจะปฏิเสธโล่เฟยเอ๋อ แต่คิดออกไม่ได้ว่า ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อยังไม่สงสัยคุณนาย และก่อนที่คุณนายยังไม่มีข่าวคราวอะไรออกมา พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อฟังคุณหนู ทางที่ดีที่สุดคืออย่าฝ่าฝืนคำสั่งเธอจะดีกว่า ฉะนั้นจึงเปลี่ยนเป็น
“ได้ คุณหนู”
โล่เฟยเอ๋อตอบรับ อืม แล้วไม่พูดอะไรอีก
บอดี้การ์ดยืมรถเข็นมาตัวหนึ่ง แล้วพยุงโล่เฟยเอ๋อขึ้นไปนั่งที่รถเข็น จากนั้นเข็นโล่เฟยเอ๋อไปยังห้องของโล่ชิงไป๋
โล่ชิงไป๋นอนอยู่ที่เตียงผู้ป่วย ลืมตามองไปบนเพดาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา ดวงตาของเขาสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โล๋เฟยเอ๋อพูดกับโล่ชิงไป๋ด้วยสีหน้าที่ขอโทษ:“คุณพ่อ หนูต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเยี่ยม เพราะสองวันมานี้หนูไม่สบาย”
เมื่อโล่ชิงไป๋ได้ยินที่โล่เฟ่ยเอ๋อพูดว่า ไม่สบาย พูด อาอา ออกมาสองคำอย่างตื่นตระหนก
โล่เฟยเอ๋อพูดออกมาเหมือนเข้าใจความหมายที่โล่ชิงไป๋จะสื่อ“พ่อ พ่อเป็นห่วงสุขภาพของหนูใช่ไหม?พ่อวางใจได้ หนูไม่เป็นไร คุณป้าเหยาดูแลหนูเป็นอย่างดี”
โล่เฟยเอ๋อจงใจเน้นน้ำเสียงของคำว่าดี ให้เสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดถึงคุณป้าเหยา โล่ชิงไป๋ยิ่งตื่นตระหนกขึ้นไปอีก ไม่เพียงแต่พูด อาอา ออกมา แถมยังส่ายหัวไปมาไม่หยุดด้วย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนโล่เฟยเอ๋ออาจจะไม่เข้าใจความหมายที่โล่ชิงไป๋จะสื่อ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว โล่ชิงไป๋ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
ในใจตื่นตระหนกเล็กน้อย โล่เฟยเอ๋อแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วถามออกมาว่า“พ่อ พ่ออยากเจอคุณป้าเหยาเหรอ?รอให้คุณป้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ก็จะมาหาคุณพ่อเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของโล่เฟยเอ๋อแล้ว โล่ชิงไป๋ยิ่งตื่นตระหนกขึ้นไปอีก มือคู่นั้นส่ายไปมา ดวงตายิ่งเบิกกว้างขึ้น
เห็นอาการของโล่ชิงไป๋ยังคงเป็นแบบนี้ สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อรู้สึกผิดหวังมาก“อาการยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย……”
“สามารถควบคุมอาการได้เท่านี้ ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดขึ้นมา