บทที่ 298 อีกฝ่ายคือซูซีมู่แน่นอน
ตามหาซูซีมู่มานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดตอนนี้โล่เฟยเอ๋อก็เห็นความหวังเล็กน้อยแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย
วันรุ่งขึ้นเธอตื่นตั้งแต่เช้า แล้วเช็คเอ้าท์ หลังจากนั้นนั่งรถไปยังที่พักของคุณท่าน
การมาถึงของโล่เฟยเอ๋อ ทำให้คุณท่านแปลกใจและดีใจ
“เฟยเอ๋อ มานี่สิ ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอกก่อนล่วงหน้า จะได้ให้อาผินไปรับเธอ?”
โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยรอยยิ้ม “พอดีตอนลงจากเครื่องบินเมื่อคืนก็ดึกมากแล้ว เลยไม่อยากโทรศัพท์รบกวนคุณปู่ค่ะ”
นายท่านจ้องโล่เฟยเอ๋ออย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน รบกวนอะไรกัน ถึงจะกลางดึก ปู่ก็ยินดี ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
พอโล่เฟยเอ๋อได้ยินคำว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในใจก็รู้สึกเศร้า
แน่นอนว่าเธอไม่แสดงออกมาต่อหน้าคุณปู่ เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “ครั้งต่อไปฉันจะต้องโทรหาคุณปู่แน่นอน”
“อืม ต้องอย่างนี้สิ” คุณท่านพยักหน้าอย่างพอใจ หลังจากนั้นถามต่อ “ทำไมเธอมาคนเดียว? ซูซีมู่ล่ะ?”
โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างอิดออด “เขา…เขายุ่งค่ะ พอดีหนูจะไปแข่งที่ฝรั่งเศสพอดี เลยแวะมาเยี่ยมคุณปู่ก่อน”
“ซูซีมู่เด็กคนนั้นรู้จักแต่ทำงานๆ ทั้งวัน แม้แต่ภรรยาก็ไม่ดูแล” คุณปู่พูดถึงซูซีมู่สองประโยค จากนั้นก็หันมาสนใจการแข่งขันที่โล่เฟยเอ๋อพูดถึง “เฟยเอ๋อ เธอบอกว่าจะไปแข่งขันอะไรที่ฝรั่งเศสนะ?”
เมื่อเห็นว่าคุณปู่เบนความสนใจแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกค่ะ”
“การแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลก?” คุณท่านไม่ใช่คนในวงการเครื่องประดับ จึงไม่เข้าใจว่าการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกคืออะไร
อาผินที่อยู่ข้างๆ จึงรีบอธิบาย: “การแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลก เป็นการแข่งขันอันดับต้นๆ ของวงการเครื่องประดับครับ”
“สมกับเป็นเฟยเอ๋อของพวกเรา เก่งจริงๆ” นายท่านพูดด้วยความดีใจ การแสดงออกนั้นราวกับโล่เฟยเอ๋อได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกแล้ว
โล่เฟยเอ๋อหน้าแดง แล้วพูดเสียงเบา: “คุณปู่ ฉันเป็นเพียงหนึ่งในนักออกแบบหลายพันคนที่เข้าร่วมการแข่งขันค่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เก่งมาก” อย่างไรเสียในสายตาของคุณท่าน ภรรยาของหลานชายเขาก็เก่งมาก
นี่ทำให้โล่เฟยเอ๋ออยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้
เดิมทีหลังจากที่โล่เฟยเอ๋อเยี่ยมคุณปู่เสร็จ ก็จะไปฝรั่งเศสเลย
แต่คุณปู่อยากให้เธออยู่ต่ออีกหนึ่งคืน โล่เฟยเอ๋อไม่สามารถขัดความอารมณ์ดีของนายท่านได้ จึงอยู่ต่อแล้วค่อยเตรียมบินไปฝรั่งเศสในวันรุ่งขึ้น
ในช่วงบ่ายวันนั้น โล่เฟยเอ๋อได้รับโทรศัพท์จากโจวเฉิง
ไม่ต้องรอให้โจวเฉิงเอ่ยปาก โล่เฟยเอ๋อก็ถามอย่างตื่นเต้น “คุณโจว คุณได้ผลการตรวจสอบแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ครับ คุณนาย”
“อย่างนั้นผลตรวจเป็นอย่างไร?” หลังจากถามประโยคนี้ออกไป หัวใจของโล่เฟยเอ๋อก็เต้นตุบๆ
ถึงแม้ในใจของเธอจะแน่ใจว่าคนๆ นั้นคือซูซีมู่ แต่เธอก็ยังคงตื่นเต้นมาก
“ประธานซูใช้บัตรประชาชนซื้อตั๋วไปสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานครับ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่คุณเจอจะใช่ประธานซูไหม” พูดตามตรง ตอนที่โจวเฉิงตรวจพบข้อมูลว่าประธานซูไปสวิตเซอร์แลนด์ก็รู้สึกแปลกใจมาก
แต่เขายืนยันไม่ได้ว่าคนที่โล่เฟยเอ๋อเจอ ท้ายที่สุดแล้วคือซูซีมู่หรือไม่
“เป็นเขา เมื่อวานเขาช่วยฉันไว้…” ใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกันน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตา
พอโจวเฉิงได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ จึงถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย “คุณนายบอกว่าใครช่วยคุณนะ?”
“ซูซีมู่ ช่วยฉันในสวนสาธารณะเมื่อคืน…” โล่เฟยเอ๋อเล่าเรื่องเมื่อคืนให้โจวเฉิงฟังหนึ่งรอบ หลังจากนั้นก็เริ่มพึมพำกับตัวเอง “ฉันกึกว่าเขาไม่สนใจฉันแล้ว ฉันก็นึกว่าเขาไม่ต้องการฉันแล้ว”
“เขาอยู่ข้างกายฉันนี่เอง เขาอยู่ข้างกายฉันตลอดมา…”
“แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมเจอฉัน? เมื่อคืนเขาช่วยฉัน ทำไมถึงยังจากไปอีก?” พอพูดถึงตรงนี้ อารมณ์ของโล่เฟยเอ๋อก็ดำดิ่งลงไปแล้ว
พอโจวเฉิงได้ยินก็รู้สึกแย่ เขาจึงพูดให้กำลังใจ: “คุณนาย ถ้าเป็นประธานซูล่ะก็ อย่างนั้นก็คิดวิธีให้เขาปรากฏตัวออกมาสิ”
พอได้ยินคำพูดของโจวเฉิง โล่เฟยเอ๋อก็ได้สติกลับมา “ใช่แล้ว ต้องทำให้เขาปรากฏตัวออกมา ฉันคิดวิธีที่จะตามหาเขาแล้ว”
“จริงเหรอ?” โจวเฉิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“จริง เพียงแต่ คุณจำเป็นต้องมาช่วยฉันที่ฝรั่งเศสตอนนี้” ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าแค่เธอคนเดียวก็พอ เห็นชัดๆ ว่าคืนที่ซูซีมู่ช่วยเธอแล้ว จากนั้นก็ยังหลบเธออีก เธอคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าขอความช่วยเหลือจากโจวเฉิง
ทางด้านโจวเฉิงก็ไม่ได้ถามโล่เฟยเอ๋อว่าจะให้ช่วยอะไร เพียงแค่บอก: “อืม ผมจะไปฝรั่งเศสอย่างช้าที่สุดคือวันมะรืน”
ความปรารถนาของโจวเฉิงนั้นง่ายมาก ถ้าหากโล่เฟยเอ๋อตามซูซีมู่กลับมาได้แล้ว ผู้ช่วยส่วนตัวอย่างเขา ก็สามารถปลดเปลื้องได้แล้วเช่นกัน
เขากลับลืมไปแล้วว่าเขาได้ฝ่าฝืนคำสัญญาของซูซีมู่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อช่วยเหลือโล่เฟยเอ๋อ
ซูซีมู่ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับโล่เฟยเอ๋อได้ แต่สามารถสร้างปัญหาให้เขาได้
หลังจากที่ตกลงกับโจวเฉิงแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกว่าหัวใจที่ถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับได้หายไปในทันทีและหายใจคล่องมากขึ้น
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เธอบอกลาคุณปู่ ก็นั่งเครื่องบินไปฝรั่งเศส
หลังจากออกมาจากเครื่องบิน โล่เฟยเอ๋อก็ส่งกระเป๋าเดินทางไปยังโรงแรมที่จองไว้เรียบร้อยและไม่รอช้านั่งรถไปหาคุณครูไค่ตี้
ยังคงเป็นเมืองเล็กๆ แห่งนั้นและยังคงเป็นวิลล่านั้น เพียงแค่ครั้งก่อนที่มา เธอมากับซูซีมู่สองคน แต่ครั้งนี้มีเพียงแค่ตัวเธอคนเดียว
โล่เฟยเอ๋อระงับอารมณ์หดหู่ในใจ โล่เฟยเอ๋อไปตามทางและเดินไปยังบ้านสไตล์ยุโรปที่อยู่ตรงหน้า
ยังคงเป็นคนรับใช้คนเดิมที่มาเปิดประตูเมื่อครั้ง แต่คราวนี้คนรับใช้ไม่ได้สอบถามเธอและตรงไปเปิดประตูเพื่อให้เธอเข้าไป
“คุณโล่ คุณครูไค่ตี้รอคุณนานแล้ว”
“ทราบแล้ว ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อใช้ภาษาฝรั่งเศสเอ่ยขอบคุณคนรับใช้อย่างคล่องแคล่ว
คนรับใช้พาโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในห้องรับแขก ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่กำลังพูดคุยกับชายหัวโล้นอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นคนรับใช้พาโล่เฟยเอ๋อเข้ามา ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ก็ดีใจไม่หยุด
“เฟยเอ๋อ คุณมาแล้ว!”
“คุณครูไค่ตี้” โล่เฟยเอ๋อทักทายไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ หลังจากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าให้อีกคน
ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ลุกขึ้นไม่ได้ จึงตบโซฟาข้างๆ แล้วเอ่ย: “รีบมานั่ง”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วนั่งลงข้างๆ ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่
เมื่อรอให้โล่เฟยเอ๋อนั่งลงแล้วไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ก็รีบแนะนำผู้ชายหัวโล้นคนนั้นให้เธอ “เฟยเอ๋อ ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก ท่านนี้คือคุณไล๋เหมิง เป็นหัวหน้านักออกแบบของ AL”
AL เธอรู้จักดี ผลงานออกแบบที่เธอส่งให้คุณครูไค่ตี้เมื่อวันวาเลนไทน์ครั้งที่แล้ว ก็ถูกส่งไปจัดแสดงที่ร้านเครื่องประดับภายใต้ชื่อของ AL
แต่ไม่คาดคิดว่าที่แท้คนๆ นี้จะเป็นหัวหน้านักออกแบบของ AL จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
“คุณไล๋เหมิง…สวัสดีค่ะ”
ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ไม่ได้สนใจที่โล่เฟยเอ๋อตื่นเต้นไปเล็กน้อย เพียงแค่พูดกับชายหัวโล้น: “ไล๋เหมิง เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน”
ชายหัวโล้นคนนั้นมองโล่เฟยเอ๋ออย่างพิจารณาแวบหนึ่ง หลังจากนั้นหันมาพูดกับไค่ตี้ เฟยลี่ผู่: “ลูกศิษย์ของเธอเป็นคนญี่ปุ่น?”
ไม่รอให้ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ตอบ โล่เฟยเอ๋อก็ใช้ภาษาฝรั่งเศสตอบกลับ “คุณไล๋เหมิง ฉันเป็นคนจีน”
“คนจีน?” ไล๋เหมิงรู้สึกประหลาดใจจนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้ไม่เลว”
“ขอบคุณคำชมของคุณไล๋เหมิง ฉันพูดได้แค่บทสนทนาง่ายๆ เท่านั้นและก็พูดได้ไม่ค่อยดี” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย
ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ได้ยินก็ยิ้มแล้วพูด “เฟยเอ๋อ เธอถ่อมตัวเกินไปแล้ว! ต้องรู้นะว่าสองเดือนก่อน เธอยังพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เลย ตอนนี้สามารถพูดได้ดีขนาดนี้ เก่งมากจริงๆ”
ครั้งนี้ ไล๋เหมิงอดมองโล่เฟยเอ๋อสูงขึ้นอีกระดับแวบหนึ่งไม่ได้ “ไค่ตี้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพรสวรรค์การออกแบบของลูกศิษย์เธอคนนี้เป็นอย่างไร แต่ดูจากความสามารถให้การเรียนรู้ของเธอแล้วฉันพอใจมาก”
“คุณพอใจก็ไม่มีประโยชน์ เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน” ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่พูดอย่างภูมิใจ
ไล๋เหมิงกรอกตาเมื่อได้ยินคำพูดของไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ “ไค่ตี้ เธอคิดว่าฉันจะแย่งลูกศิษย์เธอเหรอ?”
ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ส่งเสียงจุ๊ๆ ออกมาแล้วเอ่ย: “ไม่รู้ว่าวันวาเลนไทน์นั้นใครกันที่หยิบผลงานของลูกศิษย์ฉันไปแล้วไม่ปล่อยมือกันนะ”
ครั้งนี้ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่อึ้งไปแล้ว “คุณบอกว่า ผลงานชิ้นนั้นเป็นของเธอ? เธอคือโล่? คุณไม่ได้เรียกเธอว่าเฟยเอ๋อเหรอ? เธอจะเป็นโล่ได้อย่างไร?”
“ชื่อภาษาจีนของเธอก็คือโล่เฟยเอ๋อไง!” ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่หยักคิ้ว
ไล๋เหมิงมองเฟยเอ๋อด้วยตาเป็นระกายแล้ว ราวกับโล่เฟยเอ๋อเป็นสมบัติล้ำค่า แล้วเริ่มร้องว้าวขึ้นมาดังๆ “ว้าว…ที่แท้เธอก็คือโล่…ไค่ตี้! โล่เลยนะ! เธอช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ที่ได้เธอมาเป็นลูกศิษย์ของคุณ…”
โล่เฟยเอ๋อเบิกตากว้างและมองไปที่ไล๋เหมิง อย่างมึนงง รู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับ ไล๋เหมิง
ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ยิ้มปริ่มและปลอบโยนโล่เฟยเอ๋อ “เธอไม่ต้องไปสนใจเขา เขากำลังชักทางอ้อม”
เอ่อ…คุณครูไค่ตี้ คุณบอกว่าหัวหน้านักออกแบบของ AL มีอาการชักทางอ้อมใช่หรือเปล่า?
โล่เฟยเอ๋อยิ้มมุมปากและไม่พูดอะไร
หลังจากที่ไล๋เหมิงอุทานด้วยความประหลาดใจมาพอแล้ว ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ก็พูดถึงวัตถุประสงค์ที่เธอเรียกให้หล่อนมาหา
“เฟยเอ๋อ ที่ฉันเรียกให้เธอมาในวันนี้ เพราะอยากให้เธอไปทำเรื่องหนึ่งแทนฉัน”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องอะไรคะ คุณลองบอกมา”
“ทุกครั้งก่อนการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลก พวกเรารุ่นก่อนๆ จะมารวมตัวกัน ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของฉันไม่สะดวกที่จะออกไป ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องให้เธอร่วมงานเลี้ยงนี้แทนฉัน”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกลังเลเมื่อได้ยินคำพูดของไค่ตี้ เฟยลี่ผู่ “เอ่อ…คุณครูไค่ตี้งานเลี้ยงของพวกรุ่นพี่ ให้ฉันไปแทนคุณจะดีเหรอ?”
“ไม่เป็นไร ด้วยสถานการณ์ของฉันจึงไม่ได้รับอนุญาต ถ้าไม่อย่างนั้นฉันคงพาเธอไปด้วยตัวเองแล้ว แต่คราวนี้เจ้าภาพงานเลี้ยงคือไล๋เหมิงพอดี ฉันถึงโล่งใจที่ปล่อยให้เธอไปคนเดียว” ไค่ตี้ เฟยลี่ผู่พิจารณาถึงด้านนี้ จึงตัดสินใจให้โล่เฟยเอ๋อไปร่วมงานเลี้ยงแทนเธอ
ไล๋เหมิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดอย่างคล้อยตามว่า: “ ไม่ต้องห่วง คุณเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของไค่ตี้ คุณสามารถเข้าร่วมได้ไม่มีปัญหา ด้วยพรสวรรค์ด้านการออกแบบของคุณ คุณก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้”
โล่เฟยเอ๋อไม่คิดว่าพรสวรรค์ในการออกแบบของตนเองจะสูงขนาดนั้น แต่คุณครูไค่ตี้และคุณไล๋เหมิงต่างบอกว่าเธอสามารถเข้าร่วมได้ ดังนั้นเธอจึงตกลง “อย่างนั้นก็รบกวนคุณไล๋เหมิงแล้วค่ะ”
“ไม่รบกวน ไม่รบกวน…”