บทที่ 299 โล่เฟยเอ๋อเข้าร่วมงานเลี้ยงแทนคุณครูไค่ตี้
เพราะงานเลี้ยงเริ่มตอนสองทุ่ม ดังนั้นคุณครูไค่ตี้จึงแนะนำให้โล่เฟยเอ๋ออยู่รับประทานอาหารกลางวันกับเธอที่นี่ จากนั้นรอให้ถึงตอนกลางคืนค่อยไปร่วมงานเลี้ยงกับคุณไล๋เหมิง
โล่เฟยเอ๋อคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่เลว ดังนั้นจึงตกลง
ตอนห้าโมงเย็น โล่เฟยเอ๋อกับคุณไล๋เหมิงก็ออกมาจากที่พักของไค่ตี้ เฟยลี่ผู่
นั่งรถมากว่าหนึ่งชั่วโมง ก็ถึงโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ปารีส ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง
เพราะยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะเริ่มงานเลี้ยง ดังนั้นไล๋เหมิงจึงจ้องห้องพักให้โล่เฟยเอ๋อ เพื่อให้โล่เฟยเอ๋อได้พักผ่อน รอเวลาเริ่มงานเลี้ยง โล่เฟยเอ๋อค่อยเข้าไป
โล่เฟยเอ๋อเดินทางจากสวิตเซอร์แลนด์มาถึงปารีสตั้งแต่เช้า แล้วยังนั่งรถจากปารีสไปหาคุณครูไค่ตี้ที่นั้นอีก
ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมากแน่นอน จึงตอบตกลง
หลังจากตั้งเวลาในนาฬิกาปลุกแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็เอนตัวลงนอนหลับบนเตียง
มาถึงหนึ่งทุ่มสามสิบนาที โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้น ทำความสะอาดเล็กน้อย จึงออกจากห้องแล้วไปงานเลี้ยงที่ชั้นสาม
เพราะงานเลี้ยงนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นการเข้าออกงานเลี้ยงจึงเข้มงวดมาก
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อจะเข้าไป ก็ถูกขวางไว้
“คุณผู้หญิง ตรงนี้มีงานเลี้ยงสำคัญ คุณเข้าไปไม่ได้”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นเอ่ย: “ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ฉันมาร่วมงานเลี้ยง”
“คุณผู้หญิง คุณล้อเล่นแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ” พนักงานยังคงปฏิเสธโล่เฟยเอ๋อ
ล้อเล่นน่า คนที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ ล้วนเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการการออกแบบเครื่องประดับ
แถมหญิงสาวเอเชียคนนี้ ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่ปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการการออกแบบเครื่องประดับ
โล่เฟยเอ๋อมาร่วมงานแทนคุณครูไค่ตี้ แน่นอนว่าไม่สามารถจากไปแบบนี้ได้ จึงบอกกับพนักงานว่า: “อย่างนั้นรบกวนคุณช่วยตามคุณไล๋เหมิง แล้วบอกว่าโล่ตามหาเขา”
พอพนักงานได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกให้ตามคุณไล๋เหมิง ก็เริ่มกังวลใจแล้ว
ที่แท้คุณผู้หญิงท่านนี้ก็รู้จักคุณไล๋เหมิง? หรือว่าจะเป็นแขกที่มาร่วมงานจริงๆ ?
หลังจากที่สงสัยได้สักพัก พนักงานก็บอก: “คุณรอสักครู่ ผมจะเข้าไปถามให้คุณ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าขอบคุณ
พนักงานมองโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยง
โล่เฟยเอ๋อยืนรออย่างสงบอยู่ที่เดิม ผ่านไปประมาณสองนาที คุณไล๋เหมิงก็รีบเดินตามพนักงานมา
“เฟยเอ๋อ ขอโทษด้วยนะ ฉันยุ่งเกินไปแล้ว ลืมไปเรียกเธอที่ห้องเสียได้” คุณไล๋เหมิงเอ่ยด้วยสีหน้าแสดงความขอโทษ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไล๋เหมิง” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“อืม” คุณไล๋เหมิงพยักหน้า หลังจากนั้นดึงแขนโล่เฟยเอ๋อ แล้วพาเข้าไปข้างในงานเลี้ยง
พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังเหงื่อตก หญิงสาวชาวเอเชียคนนี้เป็นใครกันแน่ คุณไล๋เหมิงถึงได้ให้ความสำคัญขนาดนี้ แล้วออกมารับเธอด้วยตนเอง
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ถึงความคิดของพนักงาน หลังจากที่ตามคุณไล๋เหมิงเข้ามาในงานเลี้ยง คุณไล๋เหมิงก็จนปัญญา ทำได้เพียงให้พนักงานพาโล่เฟยเอ๋อไปหาที่นั่งสักพัก
พนักงานพาโล่เฟยเอ๋อมานั่งที่ว่างข้หน้า “คุณผู้หญิง เชิญคุณนั่งรอตรงนี้ก่อน”
“ได้ค่ะ ขอบคุณ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าขอบคุณ
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมจะอยู่ตรงนี้ ถ้าหาคุณมีเรื่องอะไร ก็สามารถเรียกผมได้” บริกรโค้งตัวแสดงความเคารพหนึ่งที แล้วจากไป
หลังจากที่บริกรจากไป โล่เฟยเอ๋อก็นั่งลง สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ก็ดังขึ้น “มาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ครั้งแรกเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อหันหน้าไป ก็เห็นผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่อายุมากกว่าเธอไม่กี่ปี เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “อืม นี่เป็นครั้งแรกที่มาเข้าร่วม”
อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก แล้วนำแก้วทรงสูงในมือจรดที่ริมฝีปากและจิบไวน์แดงในแก้วเบาๆ หนึ่งคำแล้วพูดว่า: “ตอนที่ฉันมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้กับอาจารย์ครั้งแรกก็ไม่คุ้นเคยเหมือนกัน แต่พอเข้าร่วมสองสามครั้งก็ดีขึ้น”
“อ้อ ขอบคุณ” โล่เฟยเอ๋อยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขอบคุณ
โม่น่าจ้องหน้าโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นวางแก้วทรงสูงในมือ แล้วยื่นมือขวาไปที่โล่เฟยเอ๋อ “ไม่ต้องเกรงใจ ฉันชื่อโม่น่า”
โล่เฟยเอ๋อจับมืออีกฝ่ายตามมารยาทหลังจากนั้นแนะนำตัวเอง “ฉันชื่อโล่เฟยเอ๋อ”
“คุณโล่มาร่วมงานเลี้ยงกับปรมาจารย์ท่านไหนเหรอ?” โม่น่ายิ้มเล็กน้อยแล้วถาม
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “ไม่ใช่”
แน่นอนว่าเธอไม่ได้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงกับคุณครูไค่ตี้ แต่มาร่วมงานแทนคุณครูไค่ตี้
แต่โม่น่ากลับเข้าใจผิดแล้ว คิดว่าโล่เฟยเอ๋อคงจะเป็นญาติพี่น้องที่ตามมากับปรมาจารย์ออกแบบท่านใดสักคน คงไม่มีสถานะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับ
เดิมทีเธอเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อสวยมาก อายุก็พอๆ กับเธอ จึงอยากคบค้าสมาคมด้วย
เดิมทีนักออกแบบก็มักจะหยิ่งผยอง ปรากฏว่าตอนนี้โล่เฟยเอ๋อไม่ใช่นักออกแบบ เพียงแค่ตามปรมาจารย์ออกแบบท่านใดสักคนมาดูโลกของวงการนี้ ความคิดที่จะคบหาเป็นเพื่อนกันก็หายไป
จึงหันไปแล้วคุยกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงแล้วโม่น่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
แต่ถึงโล่เฟยเอ๋อจะไม่คิดอะไร แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกัน
โม่น่ามองข้าวโล่เฟยเอ๋อ เห็นชัดๆ ว่าไม่มีอะไร แต่ยังวางท่าทางสูงส่งเย็นชา
เธอลากชายหนุ่มที่สนิทสนมแล้วชี้ไปที่โล่เฟยเอ๋อและบอกว่า: “ไต้เหวย คนนี้คือโล่เฟยเอ๋อ ตามญาติพี่น้องมาเปิดโลก ”
“ที่แท้คุณโล่ก็ไม่ใช่นักออกแบบจริงๆ สินะ ฉันยังคิดว่าฉันมองผิดไปเสียอีก?” มีแววตาดูถูกเหยียดหยามในสายตาของไต้เหวยคนนั้น
เสียงของไต้เหวยไม่เบา ทำให้คนรอบข้างได้ยินกันหมด แล้วจับจ้องโล่เฟยเอ๋ออย่างพิจารณา
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว เตรียมที่จะพูดอะไร แต่มือข้างหนึ่งก็มาแตะไหล่โล่เฟยเอ๋อ
“เอ๋ ไต้เหวย โล่ พวกเธอรู้จักกันแล้ว?”
ไต้เหวยมองไล๋เหมิง แล้วเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ: “คุณครู”
พอโล่เฟยเอ๋อหันกลับไปมอง พอเห็นคุณไล๋เหมิงยืนอยู่ข้างหลังก็รีบลุกขึ้น “คุณไล๋เหมิง!”
คิดไม่ถึงว่าคุณครูจะรู้จักผู้หญิงชาวเอเชียที่แซ่โล่คนนี้ มีความประหลาดใจอยู่ในสายตาของไต้เหวย
“เฟยเอ๋อ มานี่ ฉันจะแนะนำเธอให้เพื่อนของอาจารย์เธอ” ไล๋เหมิงโบกมือให้โล่เฟยเอ๋อ
“รบกวนคุณไล๋เหมิงแล้ว” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วยืนขึ้น
“เฟยเอ๋อ เธอเกรงใจเกินไปแล้ว ฉันคงต้องฟ้องคุณครูของเธอแล้ว” ไล๋เหมิงกระพริบตาไปทางโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็พูดกับไต้เหวย: “ไต้เหวย นายก็ตามมาด้วย”
ไต้เหวยมองโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง หลังจากนั้นตามพวกเขาไป
ยิ้มอย่างขอโทษคนที่โต๊ะ จากนั้นตามคุณไล๋เหมิงออกไป
ไล๋เหมิงพาโล่เฟยเอ๋อมาที่โต๊ะหลักที่อยู่หน้าสุดของงานเลี้ยง “นี่คือลูกศิษย์ของไค่ตี้ มาร่วมงานแทนไค่ตี้…”
คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลักล้วนเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไค่ตี้ เฟยลี่ผู่เมื่อได้ยินไล๋เหมิงบอกว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นลูกศิษย์ของไค่ตี้ ทุกคนก็ตกใจและนิ่งไป
ไค่ตี้รับลูกศิษย์แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมยังเป็นผู้หญิงชาวเอเชียที่อายุน้อยขนาดนี้
ทุกๆ สายตาจ้องมองมาที่โล่เฟยเอ๋อ
ทุกๆ คนต่างก็เป็นปรมาจารย์นักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียง
โล่เฟยเอ๋อตื่นเต้นมากเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของพวกเขา ยังโชคดีที่ไล๋เหมิงคาดการณ์ฉากนี้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงเอ่ยปากช่วยเธอ
“พวกคุณแต่ละคนทำอะไรกัน? คิดจะรังแกลูกศิษย์ของไค่ตี้เหรอ?”
พอได้ยินคำพูดของไล๋เหมิง แต่ละคนก็ยิ้มแห้งแล้วเอ่ย: “ที่ไหนกันล่ะ? ก็แค่ตกใจที่ไค่ตี้รับลูกศิษย์แล้ว แถมยังเป็นคนเอเชียอีกด้วย”
“มีอะไรน่าแปลกใจกัน ก็เพราะโล่มีพรสวรรค์ที่ดีในด้านการออกแบบอย่างไรล่ะ” ไล๋เหมิงหยักคิ้วแล้วตอบคำถาม
“พรสวรรค์?” พอได้ยินไล๋เหมิงบอกว่าโล่เฟยเอ๋อมีพรสวรรค์ที่ดี คนพวกนั้นก็มองโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาที่ตื่นตะลึง
“อืม คงเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกศิษย์ของไค่ตี้แล้วล่ะก็ ฉันคงอยากรับเธอไว้”
ไล๋เหมิงพูดจริงครึ่งหนึ่งเท็จครึ่งหนึ่ง
ทุกคนมองไปที่โล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาที่กระตือรือร้น จนเกือบจะทำให้โล่เฟยเอ๋อทนไม่ได้
“รุ่นพี่ทุกท่าน คุณไล๋เหมิงล้อเล่นแล้ว อย่างมากฉันก็แค่อยู่ภายใต้การสอนของคุณครูไค่ตี้เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง”
คำตอบที่ดูไม่ต่ำต้อยหรือสูงส่งจนเกินไปของโล่เฟยเอ๋อ กลับทำให้ทุกคนมีความประทับใจเธอยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ละคนลากโล่เฟยเอ๋อไปแนะนำตัว แล้วยังแนะนำนักเรียนของตัวเองให้โล่เฟยเอ๋อได้รู้จักด้วย
ดังนั้น โล่เฟยเอ๋อจึงใช้เวลาครึ่งหนึ่งในงานเลี้ยงไปกับการแนะนำซึ่งกันและกัน
ในที่สุดเมื่องานเลี้ยงจบลง โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกหมดแรงแล้ว
“คุณไล๋เหมิง ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“โล่ ดึกมากแล้ว เธอพักที่นี่สักคืนเถอะ” คุณไล๋เหมิงไม่วางใจให้โล่เฟยเอ๋อกลับไปคนเดียว
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าปฏิเสธ “คุณไล๋เหมิง ฉันจองโรงแรมไว้แล้ว แถมกระเป๋าเดินทางก็ยังอยู่ที่นั่น เลยอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ”
พอได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดแบบนี้คุณไล๋เหมิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วบอก: “อย่างนั้นก็ได้ พวกเราเจอกันที่งานแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกนะ”
“ค่ะ” หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อทำความเคารพคุณไล๋เหมิงเสร็จแล้ว จึงจากไป
พอส่งโล่เฟยเอ๋อจนลับสายตาไล๋เหมิงก็หันมามองไต้เหวยลูกศิษย์ของตัวเอง “นายต้องขยันให้มาก อย่าแพ้ให้โล่เฟยเอ๋อในการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับครั้งนี้โดยเด็ดขาด”
พอได้ยินคำพูดของไล๋เหมิงแล้ว ไต้เหวยก็ไม่พอใจ “ทำไมคุณครูถึงไม่มั่นใจในตัวผมขนาดนี้?”
ไล๋เหมิงเหลือบมองไต้เหวยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยทิ้งท้ายหนึ่งประโยค “นายแข่งกับโล่ แน่นอนว่าฉันไม่มั่นใจในตัวนาย” หลังจากนั้นจึงจากไป
ไต้เหวยทำสีหน้าแปลกประหลาดใจมาก ไม่เข้าใจว่าในการจัดแสดงผลงานวันวาเลนไทน์นั้น ผลงานของนักออกแบบโล่ที่คุณครูให้ความสนใจอย่างมากเกี่ยวข้องอะไรกับเฟยเอ๋อคนนี้?