บทที่ 143 พยายามเข้า จะได้อุ้มหลานเร็วหน่อย
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ขณะที่โล่เฟยเอ๋อและเหซิงถิง พวกเขาออกมาจากห้องอาหารด้วยกัน อาผินกำลังรออยู่ข้างนอก
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อออกมา อาผินรีบเข้ามาเชิญทันที “คุณผู้หญิงครับ คุณท่านเรียกพบครับ”
โล่เฟยเอ๋อมองอาผินด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ได้ตอบสนอง อาผินเรียกตัวเองว่าคุณผู้หญิง
จนเหซิงถิงต้องเตือนเธอ “เฟยเอ๋อ คุณปู่ซูต้องการพบเธอน่ะ”
“อ้อ….คะ” โล่เฟยเอ๋อตอบรับอืมก่อน พอรู้สึกตัว จึงรีบพูดคำว่าคะต่อ
เหซิงถิงเห็นเฟยเอ๋อเป็นแบบนี้ อดแซวไม่ได้ : “เฟยเอ๋อ คุณปู่ซูอยากพบเธอ มีเรื่องเซอร์ไพร์สอะไรน้า?”
ไม่ใช่เซอร์ไพร์สหรอก แต่เป็นน่ากลัวมากกว่า?
ก่อนหน้านี้คุณท่านเคยเขียนเช็คให้เธอเพื่อให้เธอออกไป และเธอได้รับปากกับคุณท่านเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่มาเจอซูซีมู่อีก แต่ว่าตอนนี้เธอกลับกลายเป็นภรรยาของซูซีมู่เสีย หลานสะใภ้ของคุณท่าน ไม่ต้องเอาเท้าก่ายหน้าผาก ก็พอรู้ได้ว่าคุณท่านรังเกียจเธอมากแค่ไหน
แต่ว่าเธอจะไม่ไปพบคุณท่านก็ไม่ได้……
“เปล่าคะ” โล่เฟยเอ๋อเผยยิ้มให้ จากนั้นหันไปพูดกับอาผินอย่างสุภาพว่า : “รบกวนด้วยค่ะ”
“นี่เป็นหน้าที่ของกระผมครับ คุณผู้หญิง เชิญตามผมมาทางนี้” อาผินเดินนำทางไป
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเดินตามหลังอาผินอย่างใจจดใจจ่อ มาที่ระเบียง
คุณท่านกำลังตัดแต่งดอกกล้วยไม้อยู่ เขาบรรจงใช้กรรไกรค่อยๆตัดใบสีเหลืองข้างๆออก ลักษณะของเขาไม่เข้มงวดและดุดันเหมือนครั้งก่อนเลยสักนิด แต่ดูสงบนิ่งมากขึ้น ทำให้โล่เฟยเอ๋อแปลกใจนิดหน่อย
อาผินมองไปที่โล่เฟยเอ๋อทีหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นด้วยความเคารพว่า : “คุณท่านครับ คุณผู้หญิงมาแล้วครับ”
ได้ยินอาผินบอกว่าโล่เฟยเอ๋อมาแล้ว แววตาของคุณท่านเป็นประกาย จากนั้นรีบเอากรรไกรในมือวางลง
หันหลังมามองโล่เฟยเอ๋อที่ยืนอยู่ตรงนั้น คุณท่านยิ้มให้พร้อมเอ่ยบอกเธอให้นั่ง “เฟยเอ๋อมาแล้ว รีบนั่งลงสิ”
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะมีท่าทีแบบนี้ อึ้งไปสักพัก
อาผินเห็นโล่เฟยเอ๋อยืนนิ่ง รีบเอ่ยเตือนว่า “คุณผู้หญิงครับ คุณท่านบอกให้นั่งลง”
โล่เฟยเอ๋อได้สติ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณค่ะ” จากนั้นจึงนั่งลงต่อหน้าคุณท่านด้วยความตื่นเต้น
เห็นท่าทางโล่เฟยเอ๋อนั่งอย่างตัวเกร็ง คุณท่านก็รู้ได้ทันทีว่าคราวก่อนตัวเองทำให้โล่เฟยเอ๋อตกใจกลัว
เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน และแสดงท่าทางมีเมตตากับโล่เฟยเอ๋อกล่าวว่า : “ทานอาหารกลางวันหรือยัง?”
โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างยำเกรง “ทานแล้วค่ะ”
“อืม ดี” คุณท่านพยักหน้า แล้วกวักมือเรียกอาผินมา
อาผินหยิบกล่องผ้าหนึ่งใบมาส่งให้คุณท่าน คุณท่านเปิดกล่องผ้าออก แล้วหยิบกำไลหยกคู่หนึ่งออกมา
โล่เฟยเอ๋อเป็นนักออกแบบเครื่องประดับ เห็นแว่บแรกก็รู้ได้ทันทีว่ากำไลหยกคู่นี้เป็นของล้ำค่า และเป็นเครื่องประดับกำไลหยกที่มีค่ามาก เนื้อหยกมีสีเขียวเข้ม มีความโปร่งใสสูง บนนั้นยังมีลวดลายแกะสลักของมังกรและนกฟีนิกซ์ มูลค่าเกินจะคาดเดา
“นี่ให้เธอ” คุณท่านเอากำไลส่งให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อรีบส่ายหน้าทันที “นี่…..ฉัน…..ไม่สามารถรับ”
“นี่คือสิ่งที่ลูกสะใภ้ของบ้านซูตกทอดกันมา จากบรรพบุรุษของบ้านซูจากรุ่นสู่รุ่น หลายชั่วอายุคน คุณย่าของซีมู่ก็เคยใส่ ตอนนี้เธอคือภรรยาของซีมู่ กำไลหยกคู่นี้ เป็นของเธอแล้ว”
“แต่ว่าหนู…..” โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ คุณท่านก็ตัดบทเธอ
“เธอรังเกียจที่กำไลคู่นี้ไม่ใช่ของใหม่หรือ?”
โล่เฟยเอ๋อเกรงว่าคุณท่านจะเข้าใจผิด รีบปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่”
คุณท่านจ้องมองเขม็งแล้วกล่าวว่า : “ถ้างั้นเธอก็สวมมันเสียสิ”
คุณท่านพูดขนาดนี้แล้ว โล่เฟยเอ๋อจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร?
“คะ ฉันจะสวมมัน ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อคิดดีแล้ว จึงเอากำไลสวมข้อมือไว้ เดี๋ยวค่อยคืนให้ซูซีมู่ทีหลัง
เห็นโล่เฟยเอ๋อสวมกำไลแล้ว คุณท่านพอใจอย่างมาก “ต่อไปเธอกับซีมู่ก็อยู่ที่นี่แล้ว ถ้ามีอะไรไม่คุ้นเคย ก็บอกได้นะ”
ได้ยินคุณท่านบอกว่าต่อไปให้อยู่ที่นี่ โล่เฟยเอ๋อตื่นเต้นจนลืมไปว่า “ต่อไปให้อยู่ที่นี่?”
“นี่คือเรือนหอของเธอกับซีมู่ ก็ต้องอยู่ที่นี่สิ….” คุณท่านยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆก็มีเสียงแทรกขึ้นมา
“ไม่อยู่ที่นี่”
โล่เฟยเอ๋อหันหลังไป ก็พลันเห็นซูซีมู่ยืนอยู่ข้างหลัง สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่พอเห็นกำไลหยกบนข้อมือของโล่เฟยเอ๋อที่สวมอยู่ สายตาก็เป็นประกายทันที
คุณท่านพอได้ยินที่ซูซีมู่พูด ก็ขยับหนวดแล้วจ้องมอง “เรือนหอแห่งนี้ปู่เตรียมไว้ให้พวกหลานเป็นพิเศษ พวกหลานจะไม่อยู่ที่นี่?”
“ครับ ไม่อยู่ที่นี่ มันห่างไกลจากตัวเมือง ไปทำงานไม่สะดวกครับ” ซูซีมู่ตอบอย่างเรียบง่าย
ได้ยินซูซีมู่พูดว่าจะไม่อยู่ที่นี่ โล่เฟยเอ๋อก็โล่งอกทันที
พูดจริงๆ ให้เธออยู่ที่คฤหาสน์ปราสาทที่อลังการราวกับพระราชวังหลังนี้ เธอคงรับไม่ได้หรอก
“หลานไปทำงานไม่สะดวก แต่เฟยเอ๋อไม่ต้องไปทำงานนี่ เธออยู่ที่นี่ได้!” คุณท่านพูดไปก็ส่งสายตาไปที่โล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อ หลานอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนปู่ได้ไหม?”
โล่เฟยเอ๋ออยากจะปฏิเสธเหลือเกิน แต่ว่าการปฏิเสธคุณท่าน เธอไม่กล้าถึงขนาดนั้น เธอบิดชายเสื้อไว้ ลำบากใจมาก
ซูซีมู่เหลือบไปเห็นมือของโล่เฟยเอ๋อที่บิดชายเสื้อ จึงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า : “คุณปู่อยากจะให้เราคู่แต่งงานใหม่แยกกันอยู่หรือครับ?”
คู่สามีภรรยาใหม่แยกกันอยู่? คงเป็นไปไม่ได้หรอก! คุณท่านรีบพูดว่า : “ไอ้หยา ปู่จะลืมได้ยังไง พวกหลานคู่สามีภรรยาแต่งงานใหม่ต้องเรียนรู้ “นิสัย” และปรับตัวเข้าหากันสิ ปู่จะได้อุ้มหลานไวๆหน่อย”
อุ้มหลาน…..
ความจริงโล่เฟยเอ๋อรู้ชัดเจนว่าที่ซูซีมู่พูดถึงไม่ได้หมายความอย่างที่คุณท่านคิด แต่สีหน้าของเธอก็ยังแดงขึ้นทันที
ซูซีมู่เหลือบมองโล่เฟยเอ๋อแก้มแดงระเรื่อ มุมปากของเขาก็ยกขึ้น
“คุณปู่เข้าใจก็ดีแล้วครับ”
“เข้าใจ หลานก็พยายามหน่อยนะ” พยายามเรื่องอะไร ไม่ต้องพูดออกมา ต่างก็เข้าใจได้
ซูซีมู่ไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่ยื่นมือออกมาจับมือของโล่เฟยเอ๋อเอาไว้ มือของโล่เฟยเอ๋อสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
สายตาของเขาส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วเอ่ยว่า : “ถ้างั้นพวกเรากลับไปยังที่พักในเมืองกันก่อนเถอะ”
“ไปเถอะไปเถอะ” คุณท่านโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์
ซูซีมู่ “อืม” เสียงหนึ่ง แล้วดึงโล่เฟยเอ๋อให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
โล่เฟยเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วโค้งตัวไปทางคุณท่านทำท่าคำนับ “และพบกันใหม่นะคะคุณปู่”
คุณท่านพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าว่างก็แวะมาเยี่ยมปู่ที่คฤหาสน์บ้านซูบ้างนะ”
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“อืม” คุณปู่หันหน้าไปทางซูซีมู่แล้วกล่าวว่า : “ดูแลเฟยเอ๋อให้ดีๆล่ะ”
ซูซีมู่มองค้อน เรื่องแบบนี้ยังต้องให้คุณปู่คอยสอนด้วยหรือ? เฟยเอ๋อเป็นภรรยาของเขา เขาต้องดูแลดีอย่างแน่นอนสิ!
“ผมทราบแล้วครับ” พูดประโยคนี้จบ ซูซีมู่ก็จูงโล่เฟยเอ๋อออกจากระเบียงไป
มองโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่จูงมือกันออกไป ใบหน้าของคุณท่านเผยรอยยิ้มที่ปลื้มใจ
“อาผิน เจ้าว่าคุณชายกับคุณผู้หญิงเหมาะสมกันไหม??”
“คุณชายกับคุณผู้หญิงเหมาะสมกันมากเลยครับ เป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาทีเดียว