บทที่ 312 ขอโทษนะ ที่ฉันยั่วยวนนาย
ในเวลานี้ เสียงกระดิ่งปิดโทรศัพท์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น เสียงนั้นชัดเจนมากในคืนที่เงียบสงัดแบบนี้
ซูซีมู่ตกตะลึงไปสักพัก แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ไม้แขวนเสื้อตรงหน้า แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเขา
มันเป็นโทรศัพท์มือถือที่เขาไม่ได้ใช้ เพราะอยากให้ตนเองได้รับรู้ความจริงอย่างชัดเจน จึงได้พกมันติดตัวตลอด
โทรศัพท์มือถือหน้าจอเป็นสีดำเพราะแบตเตอรี่หมด แต่ซูซีมู่กลับรู้แล้วว่าตนเองควรจะเลือกอย่างไร…
ในตอนที่โล่เฟยเอ๋อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างก็สว่างจ้าแล้วและแสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดผ้าม่าน
เธอขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งจากเตียง
ในขณะที่เธอลุกขึ้นนั่งผ้าห่มก็ได้หลุดออก
ผิวกายที่เปลือยเปล่าเปิดโล่งเย็นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับอากาศ
ทำให้เธอได้สติกลับมา ในขณะเดียวกันก็จำได้ว่าเมื่อคืนเธอฉวยโอกาสตอนที่ซูซีมู่กำลังนอนหลับ แล้วก็แอบทำเรื่องไม่ดีกับเขา หลังจากที่ซูซีมู่ตื่นขึ้นมา เธอก็กดตัวเขาไว้อย่างแข็งกร้าวและในที่สุดแผนการของเธอก็สำเร็จ
แต่ซูซีมู่ล่ะ? โล่เฟยเอ๋อมองห้องที่ว่างเปล่าแวบหนึ่ง
หลังจากนั้นกอดผ้าห่มแล้วลงจากเตียงและออกจากห้องนอนเพื่อไปตามหาซูซีมู่
ภายในห้องรับแขกเงียบสงบและว่างเปล่า เสื้อโค้ตที่เคยแขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อของซูซีมู่เดิมหายไปแล้ว
โล่เฟยเอ๋อเริ่มตื่นตระหนกแล้ว ซูซีมู่ไปไหน?
ในขณะที่เธอเตรียมจะออกจากห้องอย่างกระวนกระวาย ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองถูกห่อด้วยผ้าห่มและไม่ได้สวมเสื้อผ้า จึงรีบเดินกลับไปที่ห้องเพื่อหาเสื้อผ้า
เธอเพิ่งจะหันหลัง เสียงเปิดประตูแกร๊กจากด้านหลังก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อหันกลับไป จึงเห็นซูซีมู่ถือถุงสองสามใบเดินเข้ามา
ซูซีมู่มองเธอแล้วอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นถาม: “ตื่นแล้วเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อตอบอืมคำหนึ่ง จากนั้นโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “นายไปไหนมา?”
ซูซีมู่ตัวแข็งทื่ออย่างรุนแรงและไม่ได้กอดเธอกลับ เพียงแค่ชูถุงในมือขึ้นแล้วพูดเบาๆ ว่า: “ฉันไปซื้ออาหารเช้ามา”
โล่เฟยเอ๋อที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาจากไปแล้ว ก็หน้าแดงแล้วพยักหน้า “อ้อ”
ซูซีมู่จ้องมองผิวกายเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มของเธอแวบหนึ่ง แล้วรีบเบนสายตาหนีอย่างรวดเร็วและพูดเสียงแข็งว่า “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาทานอาหารเช้า”
ซูซีมู่พูดแบบนี้ โล่เฟยเอ๋อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอยังไม่ได้สวมเสื้อผ้า
ทันใดนั้นก็แก้มแดงระเรื่อ จากนั้นก็รีบกอดผ้าห่มแล้วหนีเข้าไปในห้องนอน
รูม่านตาสีดำสะท้อนให้เห็นท่าทางของผู้หญิงที่กำลังวิ่งหนีด้วยความเขินอาย ใบหน้าของซูซีมู่ก็เปล่งประกายซับซ้อนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก้าวเท้าแล้วรีบเดินไปที่ห้องอาหาร…
พอโล่เฟยเอ๋อที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยออกมา ซูซีมู่ก็จัดวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงก้าวเดิน เขาจึงหันมามองแวบหนึ่ง หลังจากนั้นพูดอย่างราบเรียบว่า: “มาทานอาหารเช้า”
ถึงแม้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะรู้สึกว่าการแสดงออกของซูซีมู่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เธอก็คิดแค่ว่าซูซีมู่คงโกรธเธอเรื่องเมื่อคืน จึงตัดสินใจที่จะขอโทษซูซีมู่หลังทานอาหารเช้าเสร็จ
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า เรื่องมันจะไม่เป็นอย่างอย่างที่เธอคิด
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก ซูซีมู่หยิบยากล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เธอ
“อะไรเหรอ…”พอโล่เฟยเอ๋อเงยหน้ามอง ก็เห็นตัวอักษรที่อยู่บนกล่อง ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อไปแล้ว
“กินยาเสร็จแล้วฉันจะไปส่งเธอที่สนามบิน” ซูซีมู่เอ่ยอย่างเรียบๆ
โล่เฟยเอ๋อกำมือแน่น หลังจากนั้นเงยหน้าขึ้นสบตาซูซีมู่ตรงๆ แล้วถาม “เพราะอะไร?”
ด้วยนิสัยของซูซีมู่ เธอหลับนอนกับเขาแล้ว เขาต้องรับผิดชอบเธอไม่ใช่เหรอ? แบบนั้นเธอถึงจะประสบความสำเร็จในการอยู่ร่วมกันกับเขา
ทำไมถึงยังให้เธอกินยาคุม? ทำไมถึงยังส่งเธอไปสนามบิน?
ซูซีมู่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ฉันไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกับเธอแล้วจริงๆ เธอปล่อยฉันไปได้ไหม?”
ไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกับเธอ…นับตั้งแต่วันที่เธอตามหาซูซีมู่จนเจอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โล่เฟยเอ๋อได้ยินซูซีมู่พูดแบบนี้กับเธอ
ก่อนหน้านี้เธอมักจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วสะกดรอยตามเขา ทำหน้าด้านตามเขาไปตลอดทางและแสร้งทำเป็นน่าสงสาร เพื่อทำให้เขาใจอ่อน แม้กระทั่งยั่วยวนเขาอย่างไร้ยางอาย
เพราะอยากได้รับการให้อภัยจากเขา อยากคืนดีกับเขา รักเขาให้ดีและทำความดีชดเชยให้เขา
แต่กลับไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดว่าปล่อยเขาไปได้ไหม?
เธอปล่อยเขาไปได้แน่นอน! ที่ผ่านมาคนที่ไม่ยอมปล่อยก็คือเธอ…
“ได้สิ…” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นหมุนตัวกลับไปเก็บของที่ห้อง
เดิมทีซูซีมู่คิดว่าการทำให้โล่เฟยเอ๋อจากไปจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก กลับคิดไม่ถึงว่าจะง่ายดายขนาดนี้ พอมองแผ่นหลังของที่หันจากไปของโล่เฟยเอ๋อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อเธอ “เฟยเอ๋อ”
พอได้ยินซูซีมู่เรียกตนเอง โล่เฟยเอ๋อก็คิดว่าซูซีมู่รู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว จึงหันไปมองอย่างตื่นเต้นและดีใจ “หืม?”
ความยินดีในแววตาของโล่เฟยเอ๋อทำให้ซูซีมู่ได้สติกลับมา เขาชูกล่องยาในมือขึ้น แล้วเอ่ย: “กินยาก่อน”
กินยาก่อน? เขากลัวว่าเธอจะใช้ลูกเพื่อมาเกี่ยวข้องกับเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?
“ได้ ฉันกิน…” โล่เฟยเอ๋อหัวเราะเยาะเหอะๆ แล้วหยิบกล่องยาจากมือของซูซีมู่ หลังจากนั้นเปิดกล่องยาต่อหน้าซูซีมู่ แกะยาออกมาหนึ่งเม็ด ยัดเข้าไปในปากและกลืนลงไป
“ฉันกินเสร็จแล้ว ตอนนี้ไปเก็บของได้แล้วใช่ไหม?” ดวงตาสีดำเข้มของโล่เฟยเอ๋อ ไม่มีประกายแวววาวเลยสักนิด น้ำเสียงก็ราบเรียบผิดปกติ
พอเห็นการแสดงออกแบบนี้ของเธอ ซูซีมู่ก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เขากำหมัดแน่นแล้วพูด‘อืม’คำหนึ่ง
พอได้ยินเขาบอกว่า‘อืม’ โล่เฟยเอ๋อก็หมุนตัวอย่างไม่รับรู้อะไรราวกับหุ่นยนต์และเดินเข้าห้องนอนไป
ไม่ถึงสิบนาที เธอก็ออกมาแล้ว
เธอกลับไปเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมตอนมาสวิตเซอร์แลนด์ก่อนหน้านี้ โดยถือเสื้อผ้าที่เพิ่งเปลี่ยนและกระเป๋าไว้ในมือ
โล่เฟยเอ๋อเดินไปที่ถังขยะข้างหน้าอย่างใจเย็น แล้วโยนเสื้อผ้าทั้งหมดในมือลงในถังขยะ จากนั้นเดินไปตรงหน้าซูซีมู่และพูดอย่างจริงจัง: “ขอโทษนะ สองสามวันมานี้ฉันสร้างความยุ่งยากนายแล้ว ยังมีเมื่อคืน…”
โล่เฟยเอ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นพูดต่อ: “เมื่อคืน ขอโทษนะ ที่ฉันยั่วยวนนาย”
ผู้หญิงคนหนึ่งจะรู้สึกอับอายแค่ไหนที่ต้องเอ่ยขอโทษผู้ชายคนหนึ่งว่า ขอโทษนะ ที่ฉันยั่วยวนนาย
ซูซีมู่อ้าปากอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รอให้เขาพูดอะไร โล่เฟยเอ๋อก็พูดเบาๆ ‘ลาก่อน’ หลังจากนั้นก็หมุนกายจากไป
ในที่สุดก็บอกลาแล้ว ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือแล้ว
เขาจากไปเพราะการปฏิเสธอย่าเด็ดขาดของเธอและตอนนี้เขาก็ปฏิเสธความกวนใจที่เปลืองแรงของเธอ
แต่ทำไมเขาถึงไม่ดีใจเลยสักนิด? ในใจกลับรู้สึกเจ็บมากขึ้นล่ะ?
เธอไล่ตามมาตั้งแต่ฝรั่งเศสจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ อดทนต่อสายตาเหยียดหยาม สายตาเมินเฉยและถ้อยคำรุนแรงนับไม่ถ้วนของเขา
ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ ป่วยแล้ว ก็ยังไล่ตามเขาตลอด
เกาะติดเขา พูดดีๆ กับเขา แม้กระทั่งเป็นฝ่ายยั่วยวนเขา
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยร้องขอมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับก้าวมาถึงจุดนี้เพื่อเขา
เธอทำมากมายขนาดนี้ เพียงเพื่อไม่ให้เขาจากไป ต้องการอยู่กับเขา แต่ทำไมเขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อเธอไม่ได้ แล้วลองใหม่อีกครั้ง?
พอนึกถึงตรงนี้ ซูซีมู่ก็เบิกตาโต จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องไป.