บทที่ 319 ประธานซูโพสต์ภาพถ่ายทะเบียนสมรส
เมื่อกระบวนการต่างๆ สิ้นสุดลง สุดท้ายรอสมุดเล่มแดงที่ประทับตรามาถึงมือ ก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว
กำสมุดเล่มแดงทั้งสองในมือแน่น หัวใจที่เป็นกังวลอยู่ของโล่เฟยเอ๋อในที่สุดก็ผ่อนคลายลงมาแล้ว
จดทะเบียนแล้ว ซูซีมู่เป็นของเธอจริงๆ แล้ว
ในอนาคตถ้ามีผู้หญิงอย่างส้ายหลินน่ามาตามติดซูซีมู่อีก เธอก็สามารถตบหน้าอีกฝ่ายด้วยสมุดเล่มแดง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โล่เฟยเอ๋อก็หัวเราะอย่างลำพองใจออกมา เป็นเพราะหัวเราะหนักเกินไปแล้ว ผลคือเธอสำลักน้ำลายตัวเอง “แค่กแค่ก…”
พอซูซีมู่ได้ยินเสียงไอของเธอ จึงยื่นมือไปลูบหลังเธอเพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวของเธอแล้วถามว่า “ทำไมเธอถึงไอกะทันหันล่ะ? เป็นหวัดแล้วหรือเปล่า?”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “แค่กแค่ก…ไม่ใช่”
“อย่างนั้นเธอเป็นอะไร…” ซูซีมู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ในเวลานี้เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยุดตบเบาๆ ที่หลังของโล่เฟยเอ๋อสักพัก หลังจากนั้นก็ตบหลังเธอไปด้วยแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมารับโทรศัพท์ไปด้วย
“ใคร?”
“ประธานซู ผมเอง” เสียงของโจวเฉิงดังออกมาจากสายนั้น
ซูซีมู่สีหน้าไร้อารมณ์และน้ำเสียงก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม “มีเรื่องอะไร?”
ทางด้านของโจวเฉิงก็หนาวสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นเอ่ย: “ประธานซู มีประชุมด่วนที่ต้องการให้คุณมาเปิด”
ซูซีมู่ขมวดคิ้วแล้วตอบ “คืนนี้ ฉันจะประชุมทางวิดีโอ”
“ใช่” โจงเฉิงหยุดและถามอย่างระมัดระวัง “ประธานซู ตอนนี้คุณอยู่กับคุณนายใช่ไหม?”
ซูซีมู่เหลือบมองโล่เฟยเอ๋อที่ไม่ได้ไออีกแล้วและกำลังจัดเรียงเอกสารอยู่แวบหนึ่งแล้วตอบว่า “พวกเราอยู่สำนักงานกิจการพลเรือน
สำนักงานกิจการพลเรือน? ท่านประธานกับคุณนายไปทำอะไรที่สำนักงานกิจการพลเรือน? ทันใดนั้นก็มีบางอย่างแวบขึ้นในหัวของโจวเฉิง แต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตู๊ดตู๊ดตู๊ดที่ดังขึ้นจากปลายสายโทรศัพท์
ดูแล้วประธานซูคงยุ่งมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่วางสายเร็วขนาดนี้
ซูซีมู่ตัดสายและยืนอยู่ข้างโล่เฟยเอ๋อเงียบๆ แล้วมองโล่เฟยเอ๋อจัดเอกสาร
หลังจากที่รอให้โล่เฟยเอ๋อจัดเอกสารเสร็จ เขาจึงเอ่ยปาก “เสร็จแล้วเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า‘อืม’ จากนั้นก็เอาสมุดทะเบียนบ้านของซูซีมู่และบัตรประชาชนยื่นให้เขา “ของนาย”
ซูซีมู่ยื่นมือออกไปดึงบัตรประชาชนออกมา “สมุดทะเบียนบ้านเอาไว้ด้วยกัน แล้วค่อยไปทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านวันอื่น”
“ได้” โล่เฟยเอ๋อยิ้มกริ่มแล้วเอาทะเบียนบ้านของซูซีมู่ไว้ด้วยกัน เก็บเข้ากระเป๋าราวกับเป็นสมบัติมีค่า
หลังจากนั้นยิ้มยิงฟันแล้วเขย่าสมุดสีแดงในมือสองเล่ม หลังจากนั้นอีกสักครู่ถึงพูดอย่างไม่ยินยอมว่า “นายจะเป็นคนเก็บทะเบียนสมรสของนาย หรือจะให้ฉันเก็บให้นาย”
ซูซีมู่ดูออกนานแล้วว่าโล่เฟยเอ๋อไม่อยากให้ทะเบียนสมรสแยกจากกัน แน่นอนว่าไม่ทำให้เธอผิดหวัง “เธอเก็บไว้ด้วยกัน”
“ได้สิ” โล่เฟยเอ๋อดวงตาเปล่งประกายแล้วตอบ
ซูซีมู่ตอบ‘อืม’คำหนึ่ง หลังจากนั้นจูงมือเธอเดินไปยังที่จอดรถ
หลังจากขึ้นรถ ซูซีมู่ก็สตาร์ทรถพร้อมเอ่ยถาม “อยากกินอะไร? พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับไป”
“อย่างนั้นก็ไปหยู้ผินเซียงเถอะ ไม่ได้ไปนานมากแล้ว” โล่เฟยเอ๋อคิดสักพักแล้วตอบ
“ได้” ซูซีมู่ไม่เคยคัดค้านคำขอของโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นหมุนพวงมาลัยแล้วมุ่งหน้าไปหยู้ผินเซียง
ซูซีมู่เป็นคนสั่งอาหาร อาหารที่สั่งล้วนเป็นของที่โล่เฟยเอ๋อชอบกิน
ความเร็วในการเสิร์ฟอาหารของหยู้ผินเซียงเร็วมาก หลังจากที่พวกเขาสั่งอาหารได้สิบนาที จากนั้นก็เริ่มมาเสิร์ฟทีละจาน
ทุกครั้งที่อาหารมา ซูซีมู่จะตักอาหารให้โล่เฟยเอ๋อก่อน
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อกินอิ่มแล้ว เขาถึงจะใช้ตะเกียบคีบลงในชามของเขา
พอกุ้งฟีนิกซ์ของโปรดของโล่เฟยเอ๋อมาเสิร์ฟ ซูซีมู่ก็วางตะเกียบลงแล้วช่วยเธอแกะเปลือกกุ้งอย่างชำนาญ
โล่เฟยเอ๋อเห็นเขายุ่งอยู่กับการแกะกุ้ง จนตัวเองไม่ได้กินสักคำก็ขมวดคิ้ว “ฉันอิ่มแล้ว นายกินเองเถอะ”
“เธอกินก่อน เดี๋ยวฉันค่อยกิน” ซูซีมู่ลงมือแกะไม่หยุด
โล่เฟยเอ๋อกะพริบตา หลังจากนั้นตักกุ้งในชามขึ้นมา จิ้มน้ำจิ้มที่ซูซีมู่ชอบ แล้วยื่นไปที่ปากของซูซีมู่
ซูซีมู่นิ่งอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นเงยหน้ามองโล่เฟยเอ๋อ “เธอกินเถอะ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “ฉันจิ้มน้ำจิ้มที่นายชอบแล้ว นายรีบกินสิ”
โล่เฟยเอ๋อพูดขนาดนี้แล้ว ซูซีมู่จึงได้อ้าปากงับกุ้งเข้าไปในปาก
เมื่อมีน้ำจิ้มเป็นข้ออ้าง ต่อมาโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่จึงได้กินกุ้งฟีนิกซ์ด้วยกันหมดทั้งจานแล้ว
เดิมทีซูซีมู่ยังกังวลว่าโล่เฟยเอ๋อจะไม่อิ่ม จึงได้เรียกพนักงานมาแล้วสั่งอีกจาน แต่กลับถูกโล่เฟยเอ๋อห้ามไว้
“พอแล้ว ฉันช่วยนายเช็ดมือ” โล่เฟยเอ๋อพร้อมหยิบกระดาษทิชชูเปียกมาเช็ดมือให้ซูซีมู่อย่างละเอียด
เมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างที่จริงจังของโล่เฟยเอ๋อ หัวใจของซูซีมู่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
กลับมาประเทศจีนตั้งหลายวัน เป็นเพราะเขามีความวิตกกังวลต่อโล่เฟยเอ๋อ เขาจึงอ้างว่างานยุ่งมากมาโดยตลอด เขาออกไปก่อนแต่เช้าและกลับมาตอนดึก ก็เพื่อหนีโล่เฟยเอ๋อ เขาไม่เคยทานอาหารทั้งสามมื้อกับโล่เฟยเอ๋อเลย
กลับไม่รู้อีกว่า จริงๆ แล้วพฤติกรรมเหล่านี้ของเขา มันคือการทำร้ายอย่างมากสำหรับเธอ
จึงยกมืออีกข้างแล้วลูบแก้มของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่เอ่ยขอโทษโล่เฟยเอ๋อเสียงต่ำ “ขอโทษนะ เฟยเอ๋อ”
โล่เฟยเอ๋อมองซูซีมู่อย่างแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมเหรอ?”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นแล้วโอบโล่เฟยเอ๋อเข้ามาในอ้อมแขนของตนเอง
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อเปร่งประกายแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเอ่ย “ถ้านายรู้สึกผิดกับฉัน อย่างนั้นก็ทำเรื่องหนึ่งชดเชยให้ก็พอแล้ว ”
ซูซีมู่ก็ไม่ถามว่าเรื่องอะไร แล้วตอบตามตรงๆ “อืม ได้”
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายจากนั้นก็พูดว่า: “ฉันต้องการให้นายบอกคนที่นายรู้จักเหล่านั้นว่านายแต่งงานแล้ว”
หึ ส้ายหลินน่าคนนั้นบอกไม่ใช่เหรอว่าซูซีมู่ไม่เคยพูดเรื่องการแต่งงานของเขา? อย่างนั้นเธอก็ให้ซูซีมู่บอกเรื่องการแต่งงานของเขากับเธอด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็นึกถึงตอนที่เธอประกาศความเป็นเจ้าของอย่างดุดันต่อหน้าส้ายหลินน่าทันที คิ้วของเขาก็ผ่อนคลายลงทันที “หลังจากกลับไปฉันจะบอกพวกเขา”
“ได้” ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อยิ้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรงแล้ว
พวกเขาทานอาหารเย็นเสร็จ พอกลับมาถึงวิลล่าก็ดึกแล้ว
โล่เฟยเอ๋อไปอาบน้ำก่อน ในขณะที่ซูซีมู่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายทะเบียนสมรส
ทันทีที่ซูซีมู่โพสต์Weiboออกมา ก็เหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบ แล้วทำให้เกิดคลื่นนับพัน
ต้องรู้ก่อนว่าคนที่ติดต่อWeiboกับเขา ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิท
ถ้าแม้จะมีบางคนที่เคยมาร่วมงานแต่งของเขา แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้เรื่องที่เขาแต่งงาน ตอนนี้ซูซีมู่ไม่เพียงแต่ประกาศว่าเขาแต่งงานแล้ว ยังถ่ายทะเบียนสมรสอีก ในมุมของพวกเขา มันไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
ตอนนี้ในคอมเมนต์ วุ่นวายกันไปหมด
“ซูซีมู่ นี่เป็นทะเบียนสมรสของนายจริงๆ เหรอ”
“ใครสวมรอยเป็นประธานซูของพวกเรา รีบแสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้”
……
คนที่เด่นที่สุดคือส้ายหลินน่า “เป็นไปได้อย่างไร? เห็นชัดๆ ว่าก่อนหน้านี้ยังไม่แต่งงานนิ!”
ไม่ว่าWeiboจะคึกคักแค่ไหน คนต้นเรื่องอย่างซูซีมู่กลับปิดโทรศัพท์มือถือไปจัดการเอกสารแล้ว