บทที่ 322 อธิบาย
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อวิ่งออกมาจากวิลล่าแล้ว เธอตรงไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน เรียกแท็กซี่ได้คันหนึ่ง
หลังจากที่ขึ้นไปนั่งแล้ว เธอได้แจ้งที่อยู่ของบริษัทซูซื่อให้แก่คนขับรถทราบ
ใช่แล้ว เธอจะไปหาซูซีมู่ ไปบอกเขา เธอไม่เคยคิดทอดทิ้งเขา ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเขาเลย……
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาไปทำงาน บนถนนจึงไม่มีรถเยอะเท่าไหร่ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รถก็มาถึงและได้แล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูบริษัทซูซื่อ
โล่เฟยเอ๋อผลักประตูออก และเดินออกไป
คนขับแท็กซี่เห็นเธอยังไม่ได้จ่ายเงินก็รีบลงจากรถไป แล้วรีบลงไปตาม “คุณผู้หญิง คุณยังไม่ได้จ่ายค่ารถเลย?”
โล่เฟยเอ๋อหยุดลงทันที แล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าตัวเองปรากฏว่าไม่ได้พกอะไรเลย จึงพูดขึ้นว่า:“พี่คนขับ พี่เข้าไปเก็บเงินกับฉันข้างในนะ”
คนขับแท็กซี่ตะลึงไปสักครู่ แล้วรีบเดินตามโล่เฟยเอ๋อเข้าไป
ก่อนหน้านี้ เพื่อตามหาซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อมาที่บริษัทซูซื่อบ่อยมาก คนทั้งบริษัทไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ
สาวต้อนรับหน้าออฟฟิศเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ทักทายกับเธออย่างมีมารยาท“คุณโล่ สวัสดีค่ะ?”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ชี้ไปที่คนขับแท็กซี่ข้างหลัง แล้วพูดขึ้นว่า:“คือ……ฉันลืมเอากระเป๋าตังค์มา รบกวนคุณช่วยจ่ายเงินให้ก่อน เดี๋ยวฉันเอามาคืนคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” สาวต้อนรับหน้าออฟฟิศยิ้มให้ แล้วหยิบเงินออกมา ช่วยโล่เฟยเอ๋อจ่ายเงินให้กับคนขับแท็กซี่ก่อน
“ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพูดขอบคุณออกมา แล้วรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
โล่เฟยเอ๋อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสำนักงานของซูซีมู่โดยตรง หลังจากออกจากลิฟต์แล้ว เธอก็เดินไปที่ออฟฟิศทำงานของซูซีมู่อย่างคุ้นเคย
เลขาหน้าออฟฟิศของซูซีมู่นึกว่าโล่เฟยเอ๋อมาหาโจวเฉิง จึงเดินมาถามว่า “คุณโล่ คุณมาหาผู้ช่วยโจวเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันมาหาซูซีมู่” โล่เฟยเอ๋อเดินไปและตอบคำถามออกมา
“คุณหาประธานซูเหรอ?”เลขาแปลกใจเล็กน้อย แล้วรีบขวางโล่เฟยเอ๋อไว้“คุณโล่ ประธานซูไม่ใช่คนที่คุณอยากเจอก็เจอได้ ต้องนัดล่วงหน้าก่อน”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สนใจกับคำพูดของเลขา ถามออกมาโดยตรงว่า“ ซูซีมู่ประชุมอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“ขอโทษด้วย คุณโล่ ฉันบอกคุณไม่ได้” เลขาตอบออกมาอย่างมีมารยาท
โล่เฟยเอ๋อตามหาซูซีมู่อย่างใจจดใจจ่อ มีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ?หันกลับแล้วรีบเดินไปที่ห้องประชุมทันที
เลขาตะลึงไปหนึ่งวินาที กว่าจะตระหนักได้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะทำอะไร จึงรีบตะโกนออกมา“ คุณโล่” รีบหันกลับเพื่อจะไปขัดขวางไว้ปรากฏว่าช้าไปหนึ่งก้าว
เมื่อเธอวิ่งตามไปถึง โล่เฟยเอ๋อได้ผลักประตูของห้องประชุมที่หนึ่งออกแล้ว
“คุณโล่ คุณไม่สามารถไปขัดจังหว่ะการประชุม……”
เลขายังพูดไม่ทันจบ โล่เฟยเอ๋อหันกลับมาแล้วผลักประตูของห้องประชุมที่สองออก
ที่นี่ โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่กำลังประชุมอยู่
“ซูซีมู่……” โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจว่าเขากำลังประชุมอยู่ เรียกชื่อเขาออกมาโดยตรง
เดิมทีซูซีมู่กำลังก้มมองเอกสารในมืออยู่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงของโล่เฟยเอ๋อ ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมา
เห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
เลขาที่ตามมาด้านหลังของซูซีมู่ นึกว่าซูซีมู่โกรธ จึงรีบพูดขึ้นว่า:“ ประธานซู คุณโล่เดินเข้ามาโดยพลการ ฉันขวางเธอไว้ไม่อยู่จริงๆ”
หลังจากที่เลขาพูดจบ ก็มีเสียงหายใจหอบเบาๆดังออกมาจากทุกทิศทางของห้องประชุม
ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองที่โล่เฟยเอ๋อ ทั้งหมดล้วนมองด้วยสายตาที่นับถือ
ทำงานกับประธานซูมาหลายปี นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าเข้ามาหาประธานซูตอนประชุมอยู่โดยพลการ……
แต่ว่าหลังจากที่นับถือแล้ว คือเป็นห่วง……กลัวว่าสาวสวยคนนี้จะประสบกับความโชคร้ายแล้วหล่ะมั้ง?ประธานซูไม่ใช่คนที่ใจดี…… ทุกคนหยุดหายใจกันโดยไม่ได้นัดหมาย
มีแต่โจวเฉิงที่ใจเย็นที่สุด แน่นอนว่าต้องมีคนโชคร้ายแน่ๆ แต่คนคนนั้นไม่ชายคุณนายแน่นอน
เป็นไปตามอย่างที่คิด วินาทีต่อมาซูซีมู่จ้องด้วยสายตาดุดันไปยังเลขาที่ยืนอยู่ด้านหลังของโล่เฟยเอ๋อ“ใครให้อำนาจคุณในการขัดขวางเธอ?”
“ประธานซู ฉัน……”เลขาโดนด่าอย่างไม่มีเหตุผล อ้าปากจะอธิบาย แต่ซูซีมู่ไม่ได้สนใจเธอเลย เดินไปหาโล่เฟยเอ๋อ แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“ คุณมาได้ยังไง?”
ทุกคนในห้องประชุมคางเกือบหลุดจากปาก ผู้ชายที่อ่อนโยนคนนี้คือประธานซูที่เย็นชาของพวกเขาเหรอ?
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามของซูซีมู่ แต่พูดขึ้นมาว่า:“ ฉันมีธุระจะคุยกับคุณ”
“ ได้ ” ซูซีมู่พยักหน้า แล้วหันกลับไปแจ้งในที่ประชุมว่า ‘เลิกประประชุม ’ จากนั้นจูงมือโล่เฟยเอ๋อออกไปจากห้องประชุมทันที
เมื่อออกมาจากห้องประชุมแล้ว ซูซีมู่ได้พาโล่เฟยเอ๋อมาที่ออฟฟิศทำงานของเขา ทุกคนต่างพากันคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุมแล้ว ซูซีมู่ได้พาโล่เฟยเอ๋อไปที่ออฟฟิศทำงานของเขา
หลังจากที่ให้โล่เฟยเอ๋อนั่งลงที่โซฟาแล้ว เขาได้ไปที่ห้องชงชาแทนมมาให้โล่เฟยเอ๋อหนึ่งแก้ว
จากนั้นหยิบแอปเปิ้ลบนโต๊ะน้ำชามาหนึ่งลูก และปอกแอปเปิ้ลให้โล่เฟยเอ๋อ
เห็นซูซีมู่ที่กำลังทำอะไรให้เธอตัววุ่นไปหมด ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อค่อยๆแดงขึ้นทีล่ะน้อยๆ จากนั้นก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
หลังจากที่ซูซีมู่ปอกแอปเปิ้ลเสร็จ เงยหน้าขึ้นมา เห็นโล่เฟยเอ๋อร้องไห้ กระวนกระวายทันทีจึงรีบเดินมาเช็ดน้ำตาให้เธอ“ร้องไห้ทำไมเหรอ?”
เธอไม่ได้พูดอะไร มีแต่น้ำตาที่ไหลหนักขึ้นเรื่อยๆ?
ซูซีมู่รู้สึกกังวลมากจนทำให้แผ่นหลังของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อบาง ๆ คิดแล้วสักพัก นึกขึ้นได้หรือว่าเมื่อกี้เลขาทำอะไรให้โล่เฟยเอ๋อไม่พอใจ “เมื่อกี้เลขาทำให้คุณไม่พอใจเหรอ? เดี๋ยวผมไปสั่งโจวเฉิงให้ไล่เธอออก”
เมื่อซูซีมู่พูดจบก็ลุกขึ้น และเตรียมตัวเดินออกไปนอกออฟฟิศ
โล่เฟยเอ๋อรีบไปจับมือเขาไว้ ร้องไห้และส่ายหัวไปในเวลาเดียวกัน
ซูซีมู่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ยกมือไปกุมหน้าเธอไว้อย่างระมัดระวัง ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาของเธอที่ไหลออกมาไม่หยุดทิ้งไป
“พอแล้วนะ……ไม่ร้องไห้……”
“ไม่ร้องแล้วนะ……อื๋ม?”
โล่เฟยเอ๋อเมื่อถูกซูซีมู่เกลี้ยกล่อม น้ำตาก็เริ่มหยุดไหล เธอซบเข้าไปในอ้อมกอดของเขา แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ซูซีมู่……”
เมื่อได้ยินเธอเอ่ยปากพูด ซูซีมู่เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์“ อืม ผมอยู่นี่”
โล่เฟยเอ๋อยิ้มออกมาอย่างสวยงาม แล้วพูดขึ้นว่า:“ซูซีมู่ ฉันเล่านิทานให้คุณฟังเรื่องหนึ่งดีไหม?”
อะไรที่เกี่ยวกับคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว“ได้”
โล่เฟยเอ๋อนิ่งเงียบไปหลายวินาที หลังจากที่รวบรวมคำพูดเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มเล่านิทาน
“เมื่อก่อนมีชายหญิงคู่หนึ่ง พวกเขาแต่งงานกันเพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล แต่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ความจริงพวกเขาต่างฝ่ายต่างรักกันมาก
“หญิงสาวนึกว่าชายหนุ่มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เลยเก็บความรักที่มีต่อเขาไว้เงียบๆ กลัวเขาจะรู้ กลัวจะถูกเขาเกลียด ชายหนุ่มนึกว่าหญิงสาวไม่ชอบเขา จึงได้แต่เฝ้าดูแลเธอเงียบๆ ต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มคลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนสามีภรรยาทั่วไป”
“วันนั้น ตอนแรกหญิงสาวกับชายหนุ่มได้นัดเจอกัน นัดกินข้าวมื้อเที่ยงด้วยกัน ปรากฏว่าระหว่างทางที่ไป หญิงสาวได้รับโทรศัพท์ของแม่เลี้ยง บอกว่าพ่อเขาเส้นเลือดในสมองแตกเข้าโรงพยาบาล”
น้ำเสียงของโล่เฟยเอ๋อต่ำและนุ่มนวลมาก ไพเราะและน่าฟัง
ซูซีมู่รู้แล้วว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังพูดถึงอะไร สีหน้าเริ่มดิ่งลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดแทรกขึ้นมาขัดขวางโล่เฟยเอ๋อ