บทที่ 324 ซูซีมู่ตื้นตันใจ
เนื่องจากการตัดสินใจไปทำกับข้าวที่วิลล่าหลันถิงเป็นการตัดสินใจกะทันหัน ไม่มีเวลาหาคนให้ไปหาซื้อวัตถุดิบก่อน ดังนั้นก่อนที่จะไปวิลล่าหลันถิง โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่จึงแวะไปซื้อของที่ซุเปอร์มาร์เก็ตก่อน
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา พวกเขาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมกัน
เมื่อก่อนนั้น จะเป็นซูซีมู่ที่ไปเลือกวัตถุดิบด้วยตัวเองทุกครั้ง ส่วนโล่เฟยเอ๋อเป็นคนเข็นรถเข็น เดินตามหลังเขาไป มาครั้งนี้
โล่เฟยเอ๋อจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองก็เลือกวัตถุดิบเป็นเหมือนกัน จึงให้ซูซีมู่เป็นคนเข็นรถเข็น
“ซูซีมู่ คุณเข็นรถเข็นได้ไหม?”
“ได้” ซูซีมู่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เข็นรถเข็นแล้วเดินตามหลังของโล่เฟยเอ๋อไป
โล่เฟยเอ๋อยิ้มที่มุมปาก จากนั้นพาซูซีมู่เดินไปในแผนกขายผักผลไม้
“ผักเขียว มะเขือยาว บวบ……” โล่เฟยเอ๋อเดินไปด้วยเลือกผักไปด้วย
ซูซีมูมองดูด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ใช้มือรับวัตถุดิบที่เธอเลือกส่งมาให้ ใส่ลงไปในรถเข็น
หลังจากที่เลือกไปหลายอย่างแล้ว โล่เฟยเอ๋อเริ่มรู้สึกลำบากใจขึ้นมา “ซูซีมู่ พวกเราจะซื้ออะไรเพิ่มอีกไหม?”
“กระดูกหมู ปลาทับทิม เนื้อวัว และกุ้งสดเล็กน้อย……” ซูซีมู่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ต้องซื้อเพิ่มออกมา
แค่ฟังชื่อวัตถุดิบพวกนี้ ก็รู้แล้ว ล้วนแต่เป็นของที่โล่เฟยเอ๋อชอบกินทั้งนั้น
แต่น่าเสียดายเพราะวันนี้โล่เฟยเอ๋อตัดสินใจแล้วจะลงมือทำอาหารให้ซูซีมู่กินด้วยตัวเอง วัตถุดิบพวกนี้เธอปฏิเสธออกมาโดยไม่ต้องคิด“ ไม่เอาพวกนี้……”
“แล้วคุณอยากกินอะไร?”ซูซีมู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ไม่บอกคุณหรอก” โล่เฟยเอ๋อยิ้มอย่างลึกลับให้กับซูซีมู่ จากนั้นวิ่งเหยาะๆไปหาวัตถุดิบอื่นต่อ
ซูซีมู่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แล้วเข็นรถเข็นเดินตามไป
โล่เฟยเอ๋ออยากปกปิดซูซีมู่ แต่เมื่อซูซีมู่เห็นวัตถุดิบที่เธอเลือกก็เดาออกว่าเธอจะทำอะไรบ้าง
ผักเขียว มะเขือเทศ ไข่ บวบ เห็ดหูหนู เนื้อหมู มะเขือยาว หน่อไม้ฤดูหนาว และแครอทวัตถุดิบพวกนี้เมื่อผสมกันแล้ว กับข้าวที่จะทำก็จะมีผัดผัก มะเขือเทศใส่ไข่ เนื้อหมูผัดใส่เห็ดหูหนูและบวบ ผัดมะเขือเทศน้ำมันหอยใส่หมู หมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก ล้วนแต่เป็นอาหารที่เขาชอบกินทั้งสิ้น
ความเข้าใจนี้ ทำให้ซูซีมู่รู้สึกดีใจมากเหมือนคลื่นทะเลเป็นพันชั้นพัดผ่านมา
เดิมทีเขาเคยคิดว่าเธอไม่เคยแคร์เขาเลย แท้จริงแล้วในเวลาที่เขาไม่รู้ตัว เธอได้สังเกตทุกอย่างในตัวเขาหมด
มีความซาบซึ้งใจอย่างยากที่จะบรรยายออกมา เกิดขึ้นในใจของซูซีมู่ เขาเร่งฝีเท้าในการเข็นรถเข็นเพื่อวิ่งตามโล่เฟยเอ๋อให้ทัน จากนั้นยื่นมือข้างหนึ่งออกไป เพื่อไปจับมือของโล่เฟยเอ๋อไว้
โล่เฟยเอ๋อเอียงหน้าไปมองเขา แล้วกุมมือของเขากลับ
หลังจากที่ซื้อวัตถุดิบเสร็จแล้ว พวกเขาก็ไปซื้อของจำเป็นอย่างอื่นเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วจึงจ่ายเงินออกไปจากซุปเปอร์มาร์เก็ต
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถของซูซีมู่ก็ได้กลับถึงวิลล่าหลันถิง
เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว ซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อลงมาจากรถพร้อมกัน
ซูซีมู่ไปที่ท้ายกระโปรงรถหยิบถุงช้อปปิ้งออกมา จากนั้นล็อกประตูรถให้เรียบร้อย มือข้างหนึ่งจูงมือโล่เฟยเอ๋อไว้ มืออีกข้างถือถุง
ช้อปปิ้งไว้ เมื่อมาถึงหน้าประตู
โล่เฟยเอ๋อเห็นมือของซูซีมู่ไม่ว่าง จึงรีบเดินไปกดรหัสประตู แต่เป็นรหัสเก่า
ปรากฏว่าหลังจากกดรหัสลงไปแล้ว มีการแจ้งเตือนว่ารหัสผิดกรุณากดใหม่อีกครั้ง
“คุณเปลี่ยนรหัสใหม่เหรอ?”โล่เฟยเอ๋อหันกลับไปถามซูซีมู่
ซูซีมู่พยักหน้า“ใช่ ปีที่แล้วหลังจากที่คุณจากไป ผมก็เปลี่ยนรหัสใหม่”
ปีที่แล้วที่เธอจากไปเหรอ?ครั้งนั้นคือครั้งที่เธอเข้าใจเขาผิดเพราะเขาค้นพบว่าเธอตกหลุมรักเขาแล้วจึงหาวิธีเพื่อตีตัวออกห่างจากเขาครั้งนั้นเหรอ?
โล่เฟยเอ๋อค่อยๆดึงมือกลับ แล้วพูดขึ้นว่า:“ ถ้าอย่างนั้นคุณกดรหัสเองแล้วกัน”
“คุณกด” ซูซีมู่ไม่ขยับ
โล่เฟยเอ๋อขยี้จมูกตัวเองเบาๆ แล้วถามว่า“เอ……รหัสอะไรเหรอ?”
“วันเกิดของคุณ” ซูซีมู่ตอบ
เวลานั้น เขาได้ทำการแก้ไขรหัสของที่นี่เปลี่ยนรหัสเป็นวันเกิดขอเธอ โล่เฟยเอ๋อตื้นตันใจจนน้ำตาเกือบไหลออกมา
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดรหัสวันเกิดของตัวเองลงไป ประตูได้เปิดออกทันที
ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนที่วิลล่านี้ ร่องรอยต่างๆที่ซูซีมู่ทิ้งไว้ ได้เก็บทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่โล่เฟยเอ๋อสามารถนึกภาพออกได้ว่า วันที่สิบเดือนมีนาคมวันนั้น เกิดอะไรขึ้นกับซูซีมู่ที่นี่บ้าง
เขาเตรียมอาหารให้เธอในห้องครัว เขานั่งรอเธอที่ห้องรับแขก……
โล่เฟยเอ๋ออยากร้องไห้ จากนั้นหันกลับไปหยิบถุงช้อปปิ้งที่อยู่ในมือของซูซีมู่มาถือไว้“ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง คุณไปนั่งรอข้างนอกเถอะ”
“หือ?”ซูซีมู่หันไปมองเธอด้วยความงุนงง
โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่ทำหน้าไม่เข้าใจ “กับข้าวฉันทำเองค่ะ”
ซูซีมู่รู้ว่าฝีมือการทำอาหารของโล่เฟยเอ๋อเป็นค่อยเก่งเท่าไหร่ ถ้ามีแค่เขาคนเดียวที่กิน เขาสามารถยอมรับกับฝีมือการทำอาหารของเธอได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามื้อเที่ยงนี้เขาสองคนกินด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยความลังเลว่า:“ให้ผมทำดีกว่านะ”
โล่เฟยเอ๋อผลักซูซีมู่ให้ออกไปข้างนอก แล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันทำเอง คุณออกไปดูทีวีข้างนอก”
ซูซีมู่จึงไม่ได้ยืนกรานที่จะทำเองอีกต่อไป พยักหน้าแล้วตอบว่า‘ ได้’
เขาได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าโล่เฟยเอ๋อทำออกมายังไง เขาจะกินเองให้หมดคนเดียว แล้วค่อยพาโล่เฟยเอ๋อออกไปกินข้างนอก
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ความคิดของซูซีมู่ หลังจากที่ไล่ซูซีมู่ออกไปจากห้องครัวแล้ว เริ่มลงมือทำกับข้าวอย่างตั้งใจ
เนื่องจากกลัวผิดพลาด ระหว่างที่ทำกับข้าวเธอทำอย่างระมัดระวัง
กับข้าวสี่อย่างกับน้ำซุปหนึ่งอย่าง ใช้เวลาทำไปหนึ่งชั่วโมง ถึงจะทำเสร็จ
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อยกกับข้าวไปไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว จึงไปเรียกซูซีมู่ที่ห้องรับแขก
เดิมทีซูซีมู่คิดว่ามันจะเหมือนกับครั้งที่แล้ว สิ่งที่เห็นคือมองไม่ออกว่าอาหารสองสามจานที่ดำเกรียมจนดูไม่ออกว่าใช้วัตถุดิบอะไรทำออกมา ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงห้องกินข้าว กับข้าวห้าอย่างวางอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ถึงแม้ฝีมือการหั่นวัตถุดิบไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ สีสันของอาหารไม่ดึงดูดเท่าไหร่ แต่ซูซีมู่มีความซาบซึ้งและเจ็บจี๊ดในใจ วินาทีถัดมาตัวเขาเองน้ำตาเอ่อล้นอยู่บนเบ้าตา โดยไม่ได้ตั้งใจ
โล่เฟยเอ๋อเป็นคนทำกับข้าวไม่เป็นเลย ครั้งนั้นที่ทำกับข้าว คือทำกับข้าวไหม้เกรียมเป็นสีดำ รสชาติยิ่งแล้วใหญ่เผ็ดเปรี้ยวหวานขมครบทุกรสชาติ และเธอยอมไปฝึกทำกับข้าว เพื่อเขาเป็นพิเศษ……
โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่ก้มมองดูอาหารบนโต๊ะแต่ไม่ยอมขยับกินอะไรเลย นึกว่าเขาไม่พอใจในกับข้าวที่เธอทำออกมา จึงถามออกมาอย่างเคาะเขินว่า:“คุณอย่าดูว่าสีสันมันไม่ดึงดูด ความจริงแล้วรสชาติไม่เลวนะ ฉันได้ลองชิมดูแล้ว จริงๆนะ ”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบไปที่ผัดผักชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปาก
เป็นไปตามที่โล่เฟยเอ๋อพูดจริง สีสันไม่ดึงดูด แต่รสชาติใช้ได้เลย
“เป็นยังไงบ้าง?”โล่เฟยเอ๋อมองไปที่ซูซีมู่อย่างคาดหวัง
ซูซีมู่ตอบกลับว่า“อร่อยมาก”
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อสดใสขึ้นมาทันที “จริงเหรอ?”
“อร่อยมาก ผมชอบมาก。 ” ซูซีมู่พยักหน้า 。
ได้ยินซูซีมู่พูดว่าชอบ โล่เฟยเอ๋อยิ้มออกมาทันที เธอเปิดฝาหม้อหุงข้าวออก ตักข้าวให้แล้วพูดขึ้นว่า:“ชอบ ก็กินเยอะหน่อย”
“ได้……