บทที่ 327 ถกเถียงกับผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟ
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้เรื่องที่โล่ชิงไป๋ไปหาซูซีมู่ เธอกำลังยุ่งอยู่กับภาพที่คาริน่าให้เธอมาออกแบบ
นี่เป็นครั้งแรกที่รับผิดชอบออกแบบภาพของลูกค้า เธอให้ความสำคัญกับมันมาก และพยายามออกแบบภาพนี้ให้ออกมาดูดีที่สุด
“ใช้มุกแสงร้อยเข้าหากัน……” โล่เฟยเอ๋อพึมพำไปด้วย วาดรูปไปด้วย
และในเวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงอุทานดังขึ้น โดยส่งเสียงมาจากด้านหลังของเธอ
“หยี,ทำไมเธอถึงมีภาพออกแบบของลูกค้าจากฝ่ายการตลาดได้ ? ”
และเสียงอุทานนี้ ทำให้โล่เฟยเอ๋อกลายเป็นตัวเด่นขึ้นมาทันที
สายตาของทุกคนรอบข้างจับจ้องไปที่ตัวของโล่เฟยเอ๋อ สายตานั้นแฝงไปด้วยความหมายที่หลากหลายแตกต่างกันไป
โล่เฟยเอ๋อหันมา มองไปที่ดีไซเนอร์ที่กำลังพูดอยู่คนนั้น
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณยี่บอกฉันหน่อย ทำไมฉันถึงไม่สามารถมีภาพออกแบบของลูกค้าได้?”
ยี่ขื่อเว่ยมองโล่เฟยเอ๋อด้วยสีหน้าที่อิจฉา แล้วพูดขึ้นว่า:“เธอเป็นดีไซเนอร์ที่มาทำงานในบริษัทยังไม่ถึงสิบวันเลย จะมีสิทธิ์ได้ยังไง?”
เธอไม่เข้าใจ เธอต่างหากที่เป็นนักเรียนที่อาจารย์คาริน่าพาไปฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันจิวเวลรี่ระดับดับโลก เพราะเหตุใด
โล่เฟยเอ๋อจึงทำให้อาจารย์คาริน่าให้ความสำคัญเธอมากได้ขนาดนี้?
ดังนั้นเธอจึงได้สังเกตโล่เฟยเอ๋อมาโดยตลอด นับตั้งแต่วันที่คาริน่าพาโล่เฟยเอ๋อเข้ามาในบริษัท เพื่อหาข้อผิดพลาดของเธอ
และวันนี้ เธอก็ค้นพบข้อบกพร่องของเธอจนได้
เมื่อได้ยินคำพูดของยี่ขื่อเว่ย สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อดิ่งลงทันที“มาทำงานที่บริษัทไม่ถึงสิบวัน ก็ไม่มีสิทธิอย่างนั้นเหรอ? ใครเป็นคนกำหนด?”
“มันเป็นข้อกำหนดของบริษัท ดีไซเนอร์ที่เขามาทำงานในบริษัทไม่ถึงครึ่งไป ไม่มีสิทธิเข้าร่วมทำงานออกแบบของลูกค้าที่ส่งมาจากแผนกการตลาด ทุกคนก็ต้องผ่านกระบวนการนี้กันทั้งนั้น”
คำพูดของยี่ขื่อเว่ย ทำให้คนอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยกัน“ถูกต้อง”
เวลานี้ จางเจียเจียพูดแทรกออกมาเพื่อช่วยเหลือโล่เฟยเอ๋อพูด “พวกเธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?เฟยเอ๋อเป็นคนมีความสามารถ ไม่จำเป็นต้องถูกข้อกำหนดพวกนี้มาผูกมัดหรอก”
ตอนแรกจางเจียเจียช่วยโล่เฟยเอ๋อพูด แต่เมื่อพูดคำนี้ออก ทำให้คนในออฟฟิศระเบิดออกมาทันที
“ความสามารถ?เธอมีความสามารถอะไรเหรอ?เป็นแค่ดีไซเนอร์ที่เข้ามาทำงานในบริษัทยังไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ”
“ถูกต้อง เธอคิดว่าเธอคือใครเหรอ?”
……
ที่นี่ทะเลาะกันใหญ่โต แน่นอนต้องดึงดูดความสนใจของผู้บริหารใหญ่อยู่แล้ว
“เรื่องอะไรกัน?บริษัทจ้างพวกคุณมา เพื่อให้พวกคุณมาทะเลาะกันเหรอ?”เสียงด่าดังขึ้น และผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ผู้อำนวยการ……” ทุกคนหุบปากลงทันที ก้มหน้าลงและไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟกวาดมองสำรวจทุกคน เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อ สายตาหยุดชะงักลง แล้วถามขึ้นว่า“ใครจะเป็นคนพูดว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ผู้อำนวยการ เรื่องมันเป็นอย่างนี้……”ยี่ขื่อเว่ยเล่าเรื่องทั้งหมดหนึ่งรอบ
ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วถามขึ้นว่า “ใครคือโล่เฟยเอ๋อ?”
“ฉัน。” โล่เฟยเอ๋อตอบ
“คือเธอ?”สายตาจองผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟมีแสงเล่นผ่านเข้ามา แล้วถามขึ้นว่า“ คำพูดของดีไซเนอร์ยี่ ถูกต้องไหม?”
“เรื่องมันเป็นอย่างที่คุณยี่พูด”โล่เฟยเอ๋อมองไปที่ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟ แล้วพูดต่อว่า:“แต่ทางบริษัทไม่ได้ระบุข้อกำหนดออกมาอย่างชัดเจน ว่าดีไซน์เนอร์ที่เข้ามาทำงานในบริษัทไม่ถึงครึ่งปี ไม่มีสิทธิเข้าร่วมภาพการออกแบบของลูกค้าที่ส่งมาจากแผนกการตลาดไม่ใช่เหรอ?”
ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟคิดไม่ถึงดีไซน์เนอร์เล็กๆคนหนึ่งกล้าเถียงกับเธอ จึงพาลโมโหโทสะ“บริษัทไม่ได้มีข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่ฉันเป็นผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟของบริษัท ฉันบอกว่าใช่ก็คือใช่ ”
“อ๋อ?ความหมายคือ ผู้อำนวยการเป็นหัวหน้าในออฟฟิศ ทุกคนจำเป็นต้องเชื่อฟังคุณ ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟสีหน้าดำเขียวขึ้นมาทันที“ เธอ……”
โล่เฟยเอ๋อทำเป็นมองไม่เห็น พูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า:“ถ้าผู้อำนวยการคิดว่าฉันผิด ก็ลงโทษฉันได้เลย”
“ได้ เธอคอยดูก็แล้วกัน。”ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟเอามือชี้ไปที่โล่เฟยเอ๋อแล้วพูดทิ้งคำนี้ไว้ แล้วเดินออกไปด้วยความโกรธ
ทุนคนในออฟฟิศมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็แยกย้ายกันออกไป
โล่เฟยเอ๋อมองด้วยสายตาไม่แคร์ จากนั้นกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองนั่งลง แล้ววาดภาพต่อ
จางเจียเจียเดินเข้ามาหา ดึงกระดาษในมือของโล่เฟยเอ๋อออก พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงว่า:“เฟยเอ๋อ เธอยังจะวาดภาพออกแบบอะไรอีก?เธอทำให้ผู้อำนวยการโกรธ ผู้อำนวยการไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่”
“ไม่มีอะไรหรอก” โล่เฟยเอ๋อตอบ แล้วดึงกระดาษในมือของจางเจียเจียคืนกลับมา
จางเจียเจียไม่เชื่อในคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ“ ทำไมจะไม่มีอะไร?”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้อธิบาย พูดแค่เพียงว่า:“ถึงเวลาเธอก็รู้เอง”
วันนี้ ไม่มีคำสั่งใดๆประกาศออกมาเพื่อลงโทษโล่เฟยเอ๋อมาจากออฟฟิศของท่านประธาน
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ต่างเดาว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้เป็นห่วงเรื่องพวกนี้ เพราะว่าซูซีมู่ได้โทรศัพท์มาหาเธอ บอกว่าช่วงบ่ายมาพบลูกค้าแถวนี้พอดี จะเวะมารับเธอตอนเลิกงาน
เหลือเวลาอีกสิบนาทีก็จะเลิกงาน โล่เฟยเอ๋อเหมือนสาวน้อยที่จะไปออกเดต เริ่มเก็บของเพื่อเตรียมตัวเลิกงาน
ปรากฏว่าก่อนเลิกงานห้านาที คาริน่าที่ออกไปข้างนอกกลับเข้ามาในออฟฟิศอย่างรีบร้อน
เมื่อเข้ามาในออฟฟิศแล้ว ได้เรียกให้โล่เฟยเอ๋อเข้าไปหาเธอในออฟฟิศทันที
คาริน่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ขอโทษ“คุณโล่ ต้องขอโทษด้วย ที่ได้สร้างปัญหาให้คุณ”
เธอรู้ดี ที่ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟหาเรื่องโล่เฟยเอ๋อ เป็นเพราะเธอทั้งหมด
“ไม่มีเรื่องอะไรหรอก” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
คาริน่าถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นว่า:“ความจริงแล้วถ้าคุณบอกผู้อำนวยการออกมาตามตรง ว่าข้อมูลออกแบบฉันเป็นคนเอาให้คุณเอง เธอก็คงจะไม่หาเรื่องคุณ”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามของคาริน่า แต่ถามกลับไปว่า:“อาจารย์คาริน่าคิดว่าผู้อำนวยการไม่รู้เหรอว่าข้อมูลของภาพออกแบบนั้นคุณเป็นคนเอาให้ฉันเอง?”
คาริน่าไม่พูดอะไร ถือว่าเห็นด้วยกับคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสักครู่แล้วถามขึ้นว่า“หัวหน้าเย่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ตอนแรกผู้อำนวยการแจ้งไปที่ฝ่ายบุคคลโดยตรง แต่แผนกฝ่ายบุคคลตรวจเจอว่าเย่เป็นคนส่งคุณมา จึงโทรศัพท์ไปให้เย่”
คาริน่ายิ้มออกมาอย่างลำบากใจ แล้วพูดต่ออีกว่า:“ความผิดของเธอ ไม่ถือว่าใหญ่มาก เย่ ใช้ข้ออ้างว่าเธอผิดพลาดในหน้าที่การงาน ปรับลดตำแหน่งของเธอลงเป็นรองผู้อำนวยการ ถ้าคุณยังไม่พอใจ……”คำพูดของคาริน่ายังไม่ทันพูดจบ โล่เฟยเอ๋อก็พูดแทรกขึ้น“ ไม่ต้องหรอก ไม่ให้โจวเฉิงรู้เรื่องนี้ก็พอ”
เมื่อโจวเฉิงรู้แสดงว่าซูซีมู่ก็ต้องรู้ ถ้าซูซีมู่รู้ ผลที่ตามมาก็จะไม่ดี……
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เมื่อได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ คาริน่ารู้สึกโล่งใจออกมาทันที
โล่เฟยเอ๋อตอบ‘อืม’ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันจะรีบลงไป ไปก่อนนะ ”
ในเมื่อโล่เฟยเอ๋อพูดแบบนี้แล้ว คาริน่าก็ไม่รั้งเธอให้อยู่ต่ออีก“ได้ ”
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อออกไปแล้ว คาริน่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเย่รู่ไป๋“หัวหน้า คุณโล่บอกว่าไม่เป็นไร……”
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อออกมาจากออฟฟิศของคาริน่า จางเจียเจียรีบเดินเข้าไปหาทันที
“เป็นยังไงบ้าง?คาริน่าหาเธอทำไมเหรอ?คือมีคำสั่งลงโทษของผู้อำนวยการลงมาเหรอ?”
“ไม่ใช่” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าไม่ใช่ ใบหน้าของจางเจียเจียมีอาการแปลกๆแสดงออกมาทันที“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้เห็นอาการผิดปรกติของจางเจียเจีย เนื่องจากโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพอดี เธอจึงรีบรับโทรศัพท์ขึ้นมา