บทที่ 330 สามีปรากฏตัวอย่างสง่า
เมื่อได้ยินบทสนทนาของคนรอบข้าง สีหน้าของยี่ขื่อเว่ยยิ่งโมโหขึ้นไปอีก
แต่ก็คืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว“พูดโม้ใครๆก็พูดได้?ถ้าร่ำรวยขนาดนั้น ก็โทรศัพท์หา เรียกให้คนมาเดี๋ยวนี้ ยืนยันให้ทุกคนเห็นเลยสิ ”
“ทำไมจะไม่กล้า?”จางเจียเจียตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว แล้วหันไปพูดกับโล่เฟยเอ๋อ:“เฟยเอ๋อ รีบโทรให้แฟนเธอเลย ให้เขามาที่นี่”
“เจียเจีย……”โล่เฟยเอ๋อพูดอะไรไม่ออก เจียเจียตัดสินใจแทนเธอได้ยังไง?
สีหน้าของเธอตอนนี้ ทำให้จางเจียเจียรู้สึกผิดขึ้นมา สายตาของเธอมีแสงแห่งความเย็นชาผ่านแวบเข้ามา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ แล้วพูดอธิบายออกมากับโล่เฟยเอ๋อว่า:“เฟยเอ๋อ เธอโกรธเหรอ?”
“ฉัน……แค่โกรธแทน……ต้องโทษฉัน ที่ใจร้อน……ไปทะเลาะกับเธอ”
ในเมื่อจางเจียเจียพูดแบบนี้ออกมา โล่เฟยเอ๋อก็ไม่รู้จะโทษเธอยังไงดี?
“ฉันไม่ได้โกรธ”
จางเจียเจียกะพริบตา แล้วกดเสียงให้ต่ำลงพูดกับโล่เฟยเอ๋อว่า:“ถ้าอย่างนั้น เฟยเอ๋อโทรศัพท์หาแฟนเธอ ให้เขามาที่นี่ดีไหม เธอดูมีคนมากมายรอดูอยู่ ถ้าเธอแสดงความอ่อนแอต่อหน้ายี่ขื่อเว่ย ครั้งต่อไปเธอจะไม่มีจุดยืนในออฟฟิศอีกนะ”
“คือ……” โล่เฟยเอ๋อกวาดสายตาไปรอบๆ มีความลังเลเล็กน้อย
เมื่อยี่ขื่อเว่ยเห็นโล่เฟยเอ๋อกับจางเจียเจียคุยซุบซิบกัน จึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า“ทำไม?ไม่ได้คิดก่อนโม้ โม้จนตัวเองระเบิดตายเลยหล่ะสิ?”
จางเจียเจียแกล้งทำสีหน้าโกรธเคือง แท้จริงแล้วในสายตาเขากำลังมีความสุขที่เห็นคนอื่นมีความทุกข์
“หรือว่า ความจริงแล้วมีคนรวยที่ขับรถเบนซ์รุ่น SLR 722มารับเธอจริง เพียงแต่ว่าไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร?”คำพูดนี้ของยี่ขื่อเว่ยมีความดูถูกแฝงไว้มากจริงๆ
ทั้งๆที่เป็นคนรวย ทั้งๆที่รับส่งทุกวัน แต่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้
ทำไมถึงให้คนอื่นรู้ไม่ได้?
คือความสัมพันธ์ให้คนอื่นรู้ไม่ได้? หรือว่าฝ่ายตรงข้ามให้คนอื่นรู้ไม่ได้?
ไม่ว่าจะกรณีไหน ก็ไม่ดีต่อชื่อเสียงของโล่เฟยเอ๋อทั้งนั้น
คำพูดนี้ดึงดูดให้คนรอบข้าง หันมามองโล่เฟยเอ๋อ และแอบหัวเราะกัน
“พี่อี่ พี่พูดเฟยเอ๋อแบบนี้ได้ยังไง?เฟยเอ๋อไร้เดียงสาขนาดนี้ ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นหรอก”จางเจียเจียพูดออกมาเสียงดังปกป้องโล่เฟยเอ๋อ
“ถ้าอย่างนั้นเธอลองพูดสิว่าคนรวยที่ขับรถหรูมารับเธอนั้น ทำไมถึงอายที่จะให้เราเห็นหน้า?”ปากแดงๆของยี่ขื่อเว่ยพูดประชดออกมา
“นั่นเพราะว่า……” จางเจียเจียพูดไม่ทันจบ โล่เฟยเอ๋อก็พูดแทรกขึ้นทันที “ฉันให้เขามาที่นี่”
พูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า แล้วโทรศัพท์หาซูซีมู่
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะไม่พอใจเรื่องที่จางเจียเจียก่อขึ้นมา และยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูซีมู่ด้วย แต่เรื่องที่จางเจียเจียก่อขึ้นนี้สาเหตุก็เพราะเธอ เธอจำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อย
ความจริงแล้ว การที่เธอโทรศัพท์หาซูซีมู่ เธอก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน เพราะเธอกับซูซีมู่ทะเลาะไม่พูดคุยกันมาอาทิตย์กว่าแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาไม่ถึงสองครั้ง ซูซีมู่ก็รับสายขึ้นมา “เฟยเอ๋อ?”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกผิดจึงตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า‘อืม’
ซูซีมู่ฟังออกจากน้ำเสียงที่ผิดปรกติของเธอว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน จึงถามขึ้นว่า“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ทำให้โล่เฟยเอ๋อยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เฟยเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงครั้งนี้ของซูซีมู่สูงขึ้นเล็กน้อย
“ฉัน คือว่า……” โล่เฟยเอ๋ออึกๆอักๆ กว่าจะพูดสามคำนี้ออกมา
“อือ?”ฝั่งของซูซีมู่เงียบมาก กำลังตั้งใจรอฟังคำตอบอยู่
ในเมื่อเรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้แล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว
เธอหลับตา แล้วโพล่งออกมาว่า“ คุณว่างไหมตอนนี้?”
สำหรับเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับโล่เฟยเอ๋อ ไม่ว่าซูซีมู่จะยุ่งแค่ไหน ก็ต้องว่างอยู่แล้ว
ดังนั้นเขาตอบออกมาโดยไม่ต้องคิด“ว่าง”
“คือ……คุณมาออฟฟิศฉันหน่อยได้ไหม?ฉัน……”โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตอบกลับมาทันทีว่า:“อืม ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย……”
เมื่อได้ยินซูซีมู่พูดว่าจะออกมาเดี๋ยวนี้เลย ทำให้หัวใจของโล่เฟยเอ๋อรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที“ออฟฟิศฉันย้ายมาอยู่ที่ชั้นสิบนะคะ”
“ผมรู้แล้ว คุณรอผมครึ่งชั่วโมงนะ”ได้ยินเสียงพูดของซูซีมู่ดังขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงของโจวเฉิงดังขึ้นเช่นกัน “ประธานซู ยังจะต้องประชุมต่ออีกไหม?”
โล่เฟยเอ๋อตกใจเล็กน้อย แล้วถามออกมาอย่างกังวลว่า“คุณกำลังประชุมอยู่เหรอ?ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องมา……”
“ไม่ใช่ ผมจะออกมาล่ะ วางสายก่อนนะ”ซูซีมู่พูดประโยคนี้จบ ก็วางสายลงทันที จากนั้นหันกลับมาพูดกับคนในห้องประชุมว่า :“ตอนนี้ผมมีธุระที่ต้องไปเคลียร์ก่อน พวกคุณส่งแผนงานให้โจวเฉิง หลังจากที่ผมดูแล้วเราค่อยประชุมกันอีกที”
ผู้บริหารระดับสูงในห้องประชุมต่างพยักหน้ารับทราบ มีบางส่วนที่ใจกล้าหน่อย ถามขึ้นอย่างล้อเล่นว่า “ประธานซู จะรีบไปหาแฟนหรือครับ? ถึงรีบขนาดนี้?”
มีใครในบริษัทซูซื่อไม่รู้บ้าง ถึงแม้ว่าประธานบริษัทของพวกเขาจะเป็นชายงามที่โสดมาพันปี แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อนเลย?ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้ มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งเคยมาหาท่านประธานก็ตาม
แต่นั้นก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ!
ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าประธานซูยังโสดอยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องแฟนนั้น เป็นเรื่องที่ล้อเล่นกับท่านประธานจริงๆ
แต่กลับคาดคิดไม่ถึง วันนี้ซูซีมู่อารมณ์ดีมาก ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและอ่อนโยนว่า “จะรีบไปหาภรรยา”
ประธานซูจะไปหาภรรยาเหรอ?
ไม่ใช่ ประธานซูแต่งงานแล้วเหรอ? แต่งตั้งแต่เมื่อไหร่?
ซูซีมู่ไม่รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ แน่นอนถึงแม้จะรู้ เขาก็ไม่มีเวลาตอบ เขาต้องรีบไปหาโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วน!
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อวางสายแล้ว ก็ไม่ได้สนใจคนอื่นที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น กลับเข้าไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างใจเย็นเพื่อไปวาดภาพออกแบบของเธอต่อ
เมื่อคนอื่นเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอ ต่างพากันนินทาเธอต่างๆนานา
“เธอใจเย็นขนาดนี้ หรือว่าแฟนเธอร่ำรวยจริง?”
“เธอรู้อะไร?ท่าทางของเธอแบบนี้ น่าจะยอมแพ้และยอมรับสภาพแล้วต่างหาก”
……
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆตอบโต้ กับบทสนทนาเหล่านี้
เธอไม่อยากถือสากับคนพวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็มีใครบางคน ที่ให้หน้าแล้วไม่รักษาไว้ดีๆ ถ้าอย่างนั้นตัวเธอแหละจะทำให้เธอขายหน้าเอง
ระหว่างที่มีการสนทนากันนั้น โล่เฟยเอ๋อได้ออกแบบภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มองดูนาฬิกา ยังเหลืออีกสิบนาที สำหรับเวลาครึ่งชั่วโมงที่ซูซีมู่กล่าวไว้
เธอยืดเอวบิดขี้เกียจ แล้วลุกขึ้น เตรียมตัวไปรินน้ำในห้องน้ำชา
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากจากทางประตูห้องทางเข้าออฟฟิศว่า “ว้าว … หล่อจัง! พระเจ้า หนุ่มหล่อขนาดนี้มาจากไหนกัน!”
โล่เฟยเอ๋อหันไปมองที่ประตูทางเข้าออฟฟิศโดยสัญชาตญาณ เห็นซูซีมู่แต่งตัวใส่สูตรภูมิฐานยืนอยู่ตรงนั้น
แสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาจากหน้าต่าง ส่องไปที่ตัวเขาพอดี ให้ความรู้เหมือนแสงอาทิตย์เจิดจ้า
การปรากฏตัวของซูซีมู่ ทำให้ทุกคนในออฟฟิศมองไปที่เขาเป็นตาเดียวกัน ตกตะลึง ชื่นชม รักใคร่และความรู้สึกอื่นๆอีกหลายอย่าง และเป็นสายตาที่โล่เฟยเอ๋อเกลียดที่สุดด้วย
ตอนที่ทุกคนต่างพากันสงสัย ว่าหนุ่มหล่อที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้เป็นใครอยู่นั้น
ซูซีมู่ที่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าออฟฟิศ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่าและใจเย็นสุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่ตัวของ
โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นเขาได้เดินเข้าไป พร้อมกับเรียกชื่อของโล่เฟยเอ๋อออกมา“เฟยเอ๋อ”