เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] – ตอนที่ 359

ตอนที่ 359

เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 359 จูบของกูเยว่อู๋เหิน
ถึงแม้เยี่ยเม่ยจะพยายามปิดบังอย่างถึงที่สุด แสดงออกว่านางไม่ใส่ใจ

ถึงนางจะดูกังวลกับสถานการณ์ แต่ว่ากูเยว่อู๋เหินก็ยังมองออกว่านางใส่ใจเรื่องของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับมู่หรงเหยาฉือ ถึงขั้น…

เพราะเรื่องนี้ทำให้อารมณ์ที่หนักอึ้งมากอยู่แล้วทวีความกลัดกลุ้มขึ้นไปอีก

บางทีเยี่ยเม่ยอาจไม่รู้สึก แต่กูเยว่อู๋เหินกลับเห็นอย่างชัดเจน

เยี่ยเม่ยเงียบไปสักพัก จากนั้นหัวเราะเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง นางไม่คิดปิดบังกูเยว่อู๋เหิน เล่าเสียงนิ่งว่า “ท่านกล่าวไม่ผิดเลย ความจริงท่านไม่พูด ข้าก็ไม่ทันรู้สึก เพราะข้าพยายามบอกตัวเองให้ละเลยเรื่องนี้ไปซะ พยายามบอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่ว่า…ข้ารู้สึกงุ่นง่านอยู่ในใจ เรื่องนี้หลอกลวงกันไม่ได้!”

นางกลัดกลุ้มจริงๆ

หากคนที่มีเรื่องวุ่นวายใจอยู่แล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ที่ชวนให้หนักใจอีก ย่อมทำให้เกิดความตื่นเต้นมากเป็นทวีคูณ

นางไม่อาจไม่พูดว่า การปรากฏตัวของมู่หรงเหยาฉือ ทำให้ใจนางว้าวุ่นเป็นอย่างมาก

ตอนที่นางได้ฟังว่าเมื่อคืนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่กับมู่หรงเหยาฉือทั้งคืน ในเสี้ยววินาทีนั้นหลังจากนางรู้สึกอิจฉา โมโหและไม่พอใจ ถึงขั้นเกิดความคิดสังหารคน นางเคยถามใจตัวเองอย่างจริงจังว่า การดึงดันตัดความสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทำถูกแล้วจริงหรือไม่

หากเวลานี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคบกับมู่หรงเหยาฉือจริงๆ ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ

บางทีหากพูดจากอีกมุมมองหนึ่งก็คือ บทสรุปเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวนางรับได้

เยี่ยเม่ยเริ่มสับสนแล้ว

นางเคยคิดว่าหลังจากนางแยกทางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขาอาจจะมีสตรีอื่นอีก แต่ว่านางไม่เคยคิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงได้ไวขนาดนี้ เกิดขึ้นในตอนที่นางยังทำใจไม่ได้ ถึงขั้นยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยด้วยซ้ำ ก็ทำให้กำแพงป้องกันหัวใจของนางพังยับเยิน!

อันที่จริงตอนที่ได้ยินเรื่องเมื่อเช้านี้ นางรู้สึกหมดอาลัยแล้วจริงๆ ถึงเป็นเวลาแค่ไม่กี่วินาที แต่ก็รุนแรงจนไม่อาจละเลย

ครั้นได้ฟังคำตอบ

กูเยว่อู๋เหินตอบเรียบๆ ว่า “หากเป็นจริง ก็ลืมเขาไปซะเถอะ”

ไม่ว่าเยี่ยเม่ยจะอยู่ในฐานะศิษย์น้อง สหายรู้ใจหรือว่าสตรีที่เขาอยากแต่งงานด้วย กูเยว่อู๋เหินไม่อยากให้นางต้องเจ็บปวดเช่นนี้

เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถามว่า “ท่านไม่รู้สึกหรือว่า ต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะมีอะไรกับสตรีอื่น นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าก่อขึ้นมาเองสมควรได้รับ ท่านไม่คิดว่าในยุคนี้เดิมทีบุรุษก็สมควรมีสามภรรยาสี่อนุอยู่แล้ว ต่อให้เขามีมู่หรงเหยาฉือคนหนึ่งอยู่ข้างกายก็ไม่นับเป็นอันใด”

นางเอ่ยออกมา

เมื่อเยี่ยเม่ยตอบกลับ กูเยว่อู๋เหินยิ้มยกมุมปากจางๆ จ้องมองนาง ตอบกลับมาทีละคำชัดเจนว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าหาใช่สตรีที่ยอมให้บุรุษมีสามภรรยาสี่อนุได้”

เยี่ยเม่ยพลันนิ่งไปแล้ว

นางอดตกใจไม่ได้ กูเยว่อู๋เหินมองคนออกอย่างชัดเจน มีสายตาเฉียบแหลม หัวข้อนี้นางไม่เคยถกกับเขามาก่อน แต่เขายังรับรู้ได้

กูเยว่อู๋เหินเอ่ยต่อว่า “สตรีที่มีความเย่อหยิ่งเช่นเจ้า ไม่มีทางแบ่งปันบุรุษกับหญิงอื่น บางทีเจ้ายอมไม่ครอบครอง ยังดีกว่าต้องแบ่งร่วมกับใคร”

“ถูกต้อง!”

เยี่ยเม่ยแค่นหัวเราะ ตอบรับคำพูดของเขา

ก็ถูก เพราะความทระนงของนางย่อมไม่ยินยอม ต่อให้ต้องทอดทิ้งก็ไม่อาจแบ่งปันกับใคร นี่คือความภาคภูมิใจของนาง ทั้งเป็นความภาคภูมิใจของผู้หญิงในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดด้วย

เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ กูเยว่อู๋เหินเสริมขึ้นมาอีกว่า “ส่วนที่ทำไมไม่คิดว่าเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้เจ้าสมควรได้รับสิ่งที่ก่อขึ้นมา นั่นก็เพราะข้าเป็นคนเข้าข้างพวกเดียวกัน”

บางทีเรื่องนี้ในสายตาคนอื่นเป็นการยากที่จะไม่คิดว่าเยี่ยเม่ยหาเรื่องใส่ตัวเอง นางเป็นคนต้องการเลิกกับ เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เช่นนั้นต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคบหากับมู่หรงเหยาฉือ นางก็ไม่อาจโทษผู้อื่นได้

เป็นนางที่ถอยออกไป เป็นนางเองที่ไม่ต้องการแล้ว

แต่ว่า

เขาคือกูเยว่อู๋เหิน

เขาไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร เขาเพียงรู้ว่าใครสนิทกับเขา เขาก็อยู่ข้างคนผู้นั้น หากไม่สนิททั้งคู่ ค่อยคำนึงถึงเหตุผล

เยี่ยเม่ยกลับคลี่ยิ้มออก จุดนี้เหมือนกับนางและเพื่อนสนิทของนางมาก เยาเนี่ยแล้วเยาอู้สองคนต่างก็ปกป้องคนกันเองทั้งนั้น ลูกพี่ยิ่งเข้าข้างพวกเดียวกันจนน่าอัศจรรย์ใจ

เรื่องนี้ทำให้เยี่ยเม่ยมีความรู้สึกดีกับกูเยว่อู๋เหินขึ้นอีกหลายส่วน

ในเวลานี้เอง

กูเยว่อู๋เหินพลันก้าวขึ้นมา ลดระยะห่างระหว่างเขากับเยี่ยเม่ยลง ใบหน้างดงามล้ำเหนือธรรมชาติกระชั้นเข้ามาในระยะสายตาทำให้หัวใจของเยี่ยเม่ยเต้นระส่ำไวขึ้นกว่าครึ่งจังหวะ

แต่ว่านางรู้ว่านางไม่ได้หวั่นไหว แต่เพราะความหล่อเหลาของเขาล่อลวง

ลมหายใจร้อนแทบเป่ารดผ่านริมฝีปากนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำลงกล่าวว่า “เยี่ยเม่ย หากตัดสินใจปล่อยเขาไป บางทีเลือกข้าเสียตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะทำให้ทุกคนผ่านไปได้อย่างสบายหน่อย”

เยี่ยเม่ยชะงักงัน ในเวลานี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรากฏตัวอยู่บนหอสังเกตการณ์พอดี

กูเยว่อู๋เหินกับเยี่ยเม่ยแทบจะเห็นพร้อมกัน ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นคนทั้งสองยืนใกล้กันเช่นนั้น ทั้งท่าทางยังคลุมเครือเป็นอย่างมาก

เขายังไม่รีบเข้าไป

กูเยว่อู๋เหินพลันตัดสินใจก้มหน้าลงไปกดจูบเยี่ยเม่ยหนักๆ

เวลานี้เยี่ยเม่ยตัวแข็งค้าง

สัมผัสที่ริมฝีปากชัดเจน นางกลับมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสายฟ้าฟาดใส่ใช่หรือไม่ กูเยว่อู๋เหินทำอะไรกันแน่

ในขณะที่นางกำลังกลัดกลุ้มงุ่นง่านประสมไปด้วยความฉงน เตรียมตัวจะผลักเขาออก

กูเยว่อู๋เหินใช้วิธีส่งกระแสเสียงลับ เอ่ยคำพูดประโยคไหลเข้ามาในโสตประสาทของนาง “ไหนว่าจะเล่นละครไง แสดงแบบนี้ค่อยสมบทบาทหน่อย อย่างไรเขาก็ค้างคืนกับมู่หรงเหยาฉือคืนหนึ่งแล้ว เจ้ายังกลัวเขาเห็นอีกหรือ”

คำพูดนี้ทำให้เยี่ยเม่ยที่ตัวแข็งอยู่นิ่งชะงักไป

เสี้ยววินาทีนี้นางเลิกคิดผลักเขา ไม่รู้เพราะคำพูดของกูเยว่อู๋เหินว่าให้แสดงสมจริงถึงมีเหตุผลให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนวางมือ หรือถูกทิ่มแทงเพราะคำเตือนว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนค้างคืนกับมู่หรงเหยาฉือ

สรุปแล้วคือนางไม่ขยับไปไหน

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นฉากนี้หน้าซีดขาวเผือดลงในทันที เขากำหมัดแน่น จ้องคนที่กำลังจูบกันตาเขม็ง

หลังจากอดทนผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็สะบัดชายเสื้อจ้ำอ้าวจากไป

เมื่อเขาเดินจากไปไกลแล้ว กูเยว่อู๋เหินก็ปล่อยเยี่ยเม่ย เขารู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจากไปแล้ว หากตัวเองยังไม่ถอยอีก นางอาจจะลงมือได้

เยี่ยเม่ยในเวลานี้ไม่มีอารมณ์ใส่ใจกูเยว่อู๋เหิน

สายตานางจ้องมองส่งเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ในที่สุดก็ถอนใจ กล่าวนิ่งๆ “ข้าหลงคิดว่า ในเวลานี้อย่างน้อยข้าต้องรู้สึกยินดีที่ได้แก้แค้น แต่ข้าไม่รู้สึกเลย! ไม่เลยสักนิด ข้าอยากร้องไห้ด้วยซ้ำ ท่านว่าเพราะอะไรกัน”

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า]

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า]

Status: Ongoing

ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้ กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท