บทที่ 342 ถูกจางเจียเจียใส่ร้าย
วันนั้นตอนที่คุณท่านกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์ เพราะไฟลท์ตอนเจ็ดโมงเช้า ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อจึงไปรับที่สนามบินกับซูซีมู่ด้วย
แต่เพราะไฟลท์บินดีเลย์ โล่เฟยเอ๋อกลัวว่าจะไปทำงานไม่ทัน จึงโทรไปหาคาริน่าขอลาครึ่งวัน
แต่ว่า เธอก็ยังรับคุณท่านไม่ได้อยู่ดี ตอนเก้าโมงกว่าคาริน่าโทรมาหาโล่เฟยเอ๋อ
“ฮัลโหล คุณครูคาริน่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“คุณโล่ เย่ให้ฉันโทรหาคุณ คุณรีบกลับมาที่บริษัทเร็วที่สุดค่ะ”คาริน่าพูดอย่างรีบร้อน
โล่เฟยเอ๋อรู้จักคาริน่ามานานพอสมควรแล้ว เพิ่งเคยเห็นเธอรีบร้อนแบบนี้เป็นครั้งแรก
แต่ถ้าหากหัวหน้าเย่หาเธอเพราะมีเรื่องจะคุย ทำไมไม่โทรหาเธอโดยตรงล่ะ แต่กลับให้คาริน่าโทรหาเธอ โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว “เขาทำไมไม่โทรหาฉันมาด้วยตัวเองคะ”
“ตอนนี้เย่อยู่ที่ห้องผู้จัดการใหญ่ โทรไปหาไม่ได้ค่ะ”คาริน่าหยุดเว้นชั่วครู่ “จางเจียเจียบอกว่าคุณขโมยผลงานของเธอ ไปฟ้องเอาเรื่องคุณที่ผู้จัดการใหญ่ตรงนู้นแล้วค่ะ ตอนนี้เย่กำลังรับมือกับผู้จัดการใหญ่อยู่ จึงอยากให้คุณกลับมาเร็วที่สุด”
เมื่อได้ฟังคำพูดของคาริน่า สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อก็เครียดขึ้นมาทันที “จางเจียเจียเหรอ”
ซูซีมู่ที่นั่งอยู่ข้างกายสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ ก็เดาได้ว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่ว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพราะแบบนี้เขาเลยยังไม่ได้ถามอะไร
“ใช่แล้วค่ะ คุณโล่”
โล่เฟยเอ๋อเม้มปากอย่างแรง แล้วตอบ “ฉันทราบแล้วค่ะ ฉันจะรีบกลับไป”
หลังจากโล่เฟยเอ๋อตัดสายไปแล้ว ซูซีมู่ก็เริ่มถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงักจากการจะนำโทรศัพท์มาไว้ที่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ตอบ “ที่ออฟฟิศเกิดขึ้นนิดหน่อยค่ะ ฉันต้องกลับไปที่บริษัท”
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว แล้วถาม “ร้ายแรงไหม ฉันไปส่งเธอแล้วกัน”
“เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว แล้วพูด “คุณไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ คุณอยู่ที่นี่รับคุณปู่เถอะ”
ซูซีมู่ตอบอือ จากนั้นก็เอากระเป๋าส่งให้เธอ “เดินทางอย่างระมัดระวังล่ะ ถ้ามีเรื่องอะไร ก็โทรมาหาฉัน”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ช่วยขอโทษกับคุณปู่แทนฉันด้วย”
“คุณปู่ไม่โทษเธอหรอก……”
โล่เฟยเอ๋อออกมาจากสนามบิน ก็โบกรถแท็กซี่คันหนึ่งรีบกลับไปที่บริษัท
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นคาริน่ากำลังรอเธออยู่
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา คาริน่าก็รีบเดินไปหา
“คุณโล่ คุณมาสักที”
โล่เฟยเอ๋อตอบอือ แล้วพูด “พวกเราไปห้องผู้จัดการใหญ่กันเถอะ”
“ได้ค่ะ คุณโล่”คาริน่าพยักหน้า แล้วเดินนำทางให้กับโล่เฟยเอ๋อ
ตอนที่คาริน่าพาโล่เฟยเอ๋อมาถึงห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ ก็เห็นจางเจียเจียยืนอยู่ที่นอกห้องทำงานแล้ว
แม้ก่อนหน้านี้จะรู้เรื่องนี้มาจากคาริน่าแล้วว่าจางเจียเจียเป็นคนทำ แต่ก่อนที่โล่เฟยเอ๋อยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
หลังจากเห็นจางเจียเจียในนี้แล้ว เธอถึงจะเชื่อจริงๆ”เจียเจีย เธอทำแบบนี้ไปทำไม”
จางเจียเจียกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นน่าสงสาร “โล่เฟยเอ๋อ พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้ ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนมาตลอด เธอทำไมต้องขโมยผลงานของฉันด้วย”
เห็นจางเจียเจียต่อได้เธอ บอกว่าเธอขโมยผลงาน นัยน์ตาโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยความผิดหวัง”เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ”
จางเจียเจียไม่เข้าใจความผิดหวังของโล่เฟยเอ๋อในตอนนี้ นั่นหมายความว่าเธอจะสูญเสียอะไรไป
“ผิดหวังเหรอ โล่เฟยเอ๋อ เธอคิดว่าเธอเป็น……”จางเจียเจียยังพูดไม่จบ เสียงเข้มงวดของผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาขัดจังหวะของพวกเธอ”ทะเลาะอะไรกัน พวกเธอคิดว่าที่นี่เป็นตลาดหรือไง”
“ขอโทษค่ะ เลขาจาง”จางเจียเจียจ้องเขม็งโล่เฟยเอ๋อทีหนึ่ง จากนั้นก็ไปยืมอีกข้าง
ใบหน้าโล่เฟยเอ๋อไม่แสดงสีหน้าใดๆ
เลขาจางคนนั้นจ้องโล่เฟยเอ๋อก่อน จากนั้นก็หันไปพูดกับคาริน่า “คาริน่า เธออยู่ที่ห้องทำงานไม่ใช่เหรอ ทำไมออกมาแล้วล่ะ”
“ฉันมาช่วยหัวหน้าของพวกดิฉันหาคนค่ะ”คาริน่าตอบ
เลขาจางคนนั้นพูด “งั้นเธอรีบกลับเข้าไปซะ”
“ได้ค่ะ”คาริน่าพยักหน้า แล้วหันไปมองโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็เดินตามเลขาจางเข้าไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่
หลายนาทีต่อมา ประตูห้องทำงานเปิดออกมาอีกครั้ง เลขาจางเดินออกมา “จางเจียเจีย โล่เฟยเอ๋อ ผู้จัดการใหญ่ให้พวกเธอเข้าไปพบ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าให้กับเลขาจาง แล้วเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน แต่จางเจียเจียกลับขอบคุณเลขาจางอย่างประจบ แล้วค่อยเดินเข้าไป
ในห้องมีคนจำนวนไม่น้อย นอกจากเย่รู่ไป๋กับคาริน่าแล้ว โล่เฟยเอ๋อไม่รู้จักใครอีกเลย
คนวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าสุด จ้องมองโล่เฟยเอ๋อกับจางเจียๆ แล้วถาม “ใครคือโล่เฟยเอ๋อ”
เย่รู่ไป๋ลุกขึ้นมา แล้วชี้ที่โล่เฟยเอ๋อจากนั้นก็พูดอีกฝ่าย” ผู้จัดการใหญ่ เธอคือโล่เฟยเอ๋อเองครับ”
“ผู้จัดการใหญ่สวัสดีค่ะ”โล่เฟยเอ๋อทักทายผู้จัดการใหญ่อย่างมีมารยาท
ผู้จัดการใหญ่จ้องโล่เฟยเอ๋อ “รู้ไหมว่าเรียกเธอมาทำไม”
“รู้ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
เห็นโล่เฟยเอ๋อนิ่งเฉยขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ก็ยิ่งอยากมองเธอ” ในเรื่องที่เธอขโมยผลงาน เธอมีอะไรจะพูดไหม”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามของผู้จัดการใหญ่ แต่ตรงกันข้ามถามกลับถามกลับออกไป”มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าฉันขโมยผลงานค่ะ”
ผู้จัดการใหญ่ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอาของจากมือเลขา รับผลงานออกแบบมา “นี่คือผลงานออกแบบของเพื่อนร่วมงานเธอจางเจียเจีย ในเมื่อของเธอมีผลงานออกแบบเหมือนกันใช่ไหม”
“ผลงานออกแบบที่ฉันเอาไว้มีเหมือนกันเลยค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
ไม่คิดเลยว่าโล่เฟยเอ๋อขอหลักฐานเสร็จ ก็ยอมรับทันที
ผู้จัดการใหญ่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “งั้นแปลว่าเธอยอมรับแล้วสิว่าเธอขโมยผลงานของจางเจียเจีย”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว “ยอมรับเหรอคะ เรื่องที่ฉันไม่ได้ทำ ทำไมต้องยอมรับค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ สีหน้าของผู้จัดการใหญ่ขุ่นลงทันที “เมื่อกี้ยอมรับ แล้วตอนนี้มาปฏิเสธอีก คิดจะเล่นลิ้นกับฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้เล่นลิ้นกับคุณนะคะ”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวไปมา จากนั้นก็เริ่มอธิบาย “ผลงานพวกนั้นของเธอ เป็นงานทั้งหมดที่ฉันให้จางเจียเจียวาดเองค่ะ”
“เรื่องแบบนี้เหรอ”สายตาตั้งคำถามของผู้จัดการใหญ่มองไปหาจางเจียเจีย
เรื่องนี้ทุกคนในออฟฟิศต่างก็รู้ เพราะฉะนั้นจางเจียเจียจึงไม่กล้าปฏิเสธ พยักพูด”คือเธอสั่งฉันวาดเองค่ะ แต่เธออยากเอาผลงานทั้งหมดนั้นมาเป็นของตัวเองค่ะ”
โล่เฟยเอ๋อพูดยังนิ่งเฉย”ฉันไม่คิดจะเอาผลงานมาเป็นของตัวเอง และฉันก็ไม่คิดจะเอาผลงานพวกนั้นของเธอด้วย ที่ให้เธอส่งผลงานออกแบบให้กับฉัน เป็นเพราะว่าฉันอยากดูว่าเธอยังมีตรงไหนที่ทำได้ไม่ดี แล้วค่อยสอนตามความสามารถของเธอให้อีกที”
“โล่เฟยเอ๋อ อย่างเธอยังคิดจะมาสอนฉันเหรอ เธอเหมาะสมแล้วเหรอ “จางเจียเจียโต้เถียงอย่างโมโหออกไป
คาริน่าอดที่จะด่าออกมาเป็นเสียงไม่ได้ “จางเจียเจียเธอคิดว่าเธอเก่งมากเลยหรือไง คุณโล่อยากสอบเธอ นั่นคือความโชคดีของเธอน่ะ แต่เธอยังไม่รู้จะพอ ปัญญาอ่อน”
ผู้จัดการใหญ่เมื่อได้ฟังคำพูดของคาริน่า ก็เลิกคิ้วสงสัยขึ้นมา
ทำไมไม่เพียงแต่เย่รู่ไป๋ที่ช่วยเธอ แม้แต่คาริน่าดีไซเนอร์เชิญตัวมาจากประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะยังยกย่องเธอขนาดนี้
เมื่อเก็บความสงสัยเสร็จ ผู้จัดการใหญ่พูดออกไปอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวว่า”อย่าลืมนะ ว่าเธอกับเขานะเท่าเทียบกัน ก็เป็นดีไซเนอร์ตัวเล็กๆเหมือนกัน ยังมีอีกเรื่อง จากที่ฉันรู้มา เธอเหมือนเข้ามาที่บริษัทหลังจางเจียเจียเสียอีก เธอมีความสามารถอะไรไปสอนคนอื่นเขาล่ะ”
“ดีไซเนอร์ตัวเล็กๆคนหนึ่งแล้วยังไงคะ เข้าบริษัทมาทีหลังแล้วยังไงอีกคะ มีความสามารถก็พอแล้วค่ะ”โล่เฟยเอ๋อตอบไปอย่างมั่นใจ
ผู้จัดการใหญ่ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “มีความสามารถก็พอนะถูกต้องแล้ว แต่ความสามารถของเธอ ฉันยังไม่รู้”
“แล้วยังไงคะ”คิ้วทรงสวยได้รูปของโล่เฟยเอ๋อเลิกขึ้นมาอย่างสงสัย