บทที่ 339 แอบรับสายส้ายหลินน่า
นับตั้งแต่ที่ซูซีมู่ออกมาจากห้องของซูยุ่น เขาก็มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์มาตลอดทางพร้อมโจวเฉิงที่ตามขึ้นลิฟต์ จนมาถึงชั้นล่าง
จนกระทั่งถึงหน้าประตูโรงแรม เขาถึงหยุดเดินและถามขึ้นว่า “เรื่องวันเกิดตอนที่ฉันอายุสิบขวบวันนั้น นายเป็นคนบอกโล่เฟยเอ๋อใช่ไหม?”
ในตอนที่โจวเฉิงบอกเรื่องนี้กับโล่เฟยเอ๋อ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีผลลัพธ์ที่รุนแรงตามมา
ดังนั้นเขาเลยไม่คิดที่จะอธิบายและยอมรับไปตามตรง “ประธานซู เป็นความผิดของผมเอง คุณจะลงโทษอย่างไร ผมก็น้อมรับครับ”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบเขาและเอาแต่จ้องโจวเฉิงอยู่นานก่อนจะพูดว่า: “ปีนี้ไม่มีโบนัสตอนสิ้นปี”
ปีนี้ไม่มีโบนัสตอนสิ้นปีเหรอ? โจวเฉิงอึ้งไปสักพัก จากนั้นถึงรู้สึกตัวว่าซูซีมู่แค่ลงโทษโดนการตัดโบนัสตอนสิ้นปีของเขา
เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ “ขอบคุณครับประธานซู”
ซูซีมู่ยังทิ้งท้ายไว้อีกหนึ่งประโยคสั้นๆ ‘ถ้าครั้งหน้ายังทำผิดอีก จะไม่ยกโทษให้’ พูดเสร็จก็หันหลังจากไป
สาเหตุที่เขายอมยกโทษให้โจวเฉิงง่ายๆ แบบนี้ ข้อแรกเป็นเพราะโจวเฉิงทำงานอยู่ข้างกายเขามานานหลายปีขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องอะไรมาก
ส่วนข้อสองเขารู้ว่าสาเหตุที่โล่เฟยเอ๋ออยากสอบถามซูยุ่น ไม่ใช่เพราะโจวเฉิงเป็นคนบอกเรื่องพวกนั้นกับเธอ
เพราะเขารู้เรื่องนี้ดีและโจวเฉิงเองก็รู้ เพียงแต่สิ่งที่ตระกูลซูบอกกับผู้คนภายนอกนั้น ไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด
ที่แท้ใครเป็นคนบอกโล่เฟยเอ๋อกันแน่?
ในระหว่างที่กลับวิลล่า ซูซีมู่ก็นั่งครุ่นคิดมาตลอดทาง
ในตอนที่เขาเข้าบ้านไป คนรับใช้ก็ยังคงรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกและเมื่อเห็นเขาเข้ามาก็รีบไปหยิบรองเท้าสำหรับสวมใส่ในบ้านให้เขา “คุณชายกลับมาแล้ว”
ซูซีมู่เปลี่ยนรองเท้าไปด้วยพร้อมถามไปด้วย “เฟยเอ๋อได้ตื่นรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ” คนรับใช้ตอบ
ซูซีมู่ตอบแค่ ‘อืม’ จากนั้นเดินขึ้นชั้นบนไป
แต่คนรับใช้กลับร้องเรียกเขาไว้ “คุณชาย พอดีที่บ้านฉันเกิดเรื่องขึ้น เลยอยากจะขอลาพักค่ะ”
ซูซีมู่หยุดเดินแล้วถามว่า “กี่วัน?”
“หนึ่งอาทิตย์ค่ะ” คนรับใช้ตอบ
ส่วนซูซีมู่ก็ตอบ ‘อืม’ แค่คำเดียวแล้วเดินขึ้นชั้นบน
เพราะไม่อยากทำให้โล่เฟยเอ๋อตื่น ซูซีมู่จึงค่อยๆ เดินเข้าห้องนอนเบาๆ จากนั้นเกิดตู้เสื้อผ้าออกและหยิบชุดนอนออกมาเปลี่ยน จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดผ้าห่มบนเตียงอย่างเบามือ
ปรากฏว่าในตอนที่เข้ากำลังนั่งบนเตียงนั้น โล่เฟยเอ๋อก็ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“กี่โมงแล้ว? ทำไมนายเพิ่งจะนอน?”
ซูซีมู่ชะงักไปสักพัก จากนั้นเอนตัวลงนอนดีๆ แล้วโอบโล่เฟยเอ๋อเข้ามาในอ้อมแขนและตอบว่า “ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว พอดีอ่านเอกสารอยู่ที่ห้องหนังสือน่ะ”
โล่เฟยเอ๋อไม่สงสัยในคำพูดของซูซีมู่เลยสักนิด จากนั้นก็ทำปากจู๋แล้วบ่น “ทำไมเอาเอกสารมาอ่านอีกล่ะ? แล้วยังดึกขนาดนี้อีก”
“ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว…” ซูซีมู่โน้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากของโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อหลับตาพริ้มแล้วจูบตอบซูซีมู่
ราตรีนี้ดึกมากแล้ว แต่ความรู้สึกของทั้งคู่กลับดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น…
หลังจากที่แนบชิดกันจนถึงรุ่งสาง โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกเหนื่อยจนหลับไป
พอซูซีมู่ใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดให้เธอเสร็จ เขาก็กอดเธอแล้วนอนหลับไป
วันนี้คนรับใช้ขอลา แถมเขายังเห็นโล่เฟยเอ๋อเหนื่อยขนาดนี้อีก เลยไม่คิดที่จะไปบริษัทแล้วหยุดอยู่บ้านเป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋อ
จนกระทั่งตอนแปดโมง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ในใจของซูซีมู่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่กล้าปล่อยออกมาเพราะกลัวว่าโล่เฟยเอ๋อจะตื่น
เลยบอกให้เหซิงโม่มาหาที่วิลล่า
จากนั้นก็วางสายไปโดยไม่สนใจเหซิงโม่ซึ่งกำลังบ่นอยู่เลยสักนิด
ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้รีบลุกขึ้นแต่อย่างใด แล้วกอดโล่เฟยเอ๋อและนอนหลับต่ออีกครึ่งชั่วโมงจึงลุกจากเตียง
วันนี้คนรับใช้ลา ในวิลล่าเลยไม่มีคน เขากลัวว่าเหซิงโม่จะกดกริ่งประตูจนทำให้โล่เฟยเอ๋อตื่น ดังนั้นเขาเลยลงมาข้างล่างก่อน
เขาลงมาข้างล่างได้ไม่นาน เหซิงโม่ก็มาถึงแล้ว
“ซูซีมู่ ทำไมเมื่อวานนายถึงไม่บอกล่ะว่าวันนี้นายจะไม่ไปบริษัท? ทำเอาฉันกลับไปกลับมาหลายรอบ” เหซิงโม่บ่น
ซูซีมู่ไม่ตอบเขา เพียงแค่ถามว่า “ข้อมูลล่ะ?”
“ฉันเอามาแล้ว…”เหซิงพูด จากนั้นควักเอาเอกสารกองใหญ่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ซูซีมู่
ซูซีมู่ที่ได้รับเอกสารมาแล้วก็พลิกดูอย่างช้าๆ
ส่วนเหซิงโม่ก็กวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยแล้วถามไปด้วยว่า “เฟยเอ๋อล่ะ? ออกไปแล้วเหรอ?”
“นอนหลับ” ซูซีมู่พลิกเอกสารดูไปด้วยแล้วตอบ
นี่มันก็เก้าโมงกว่าแล้ว แต่ยังหลับอยู่ ส่วนซูซีมู่ที่ต้องไปบริษัทวันนี้กลับไม่ไปแล้ว…หึหึ…เหซิงโม่คิดว่าเขารู้ความจริงแล้ว…
พอซูซีมู่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา จึงเงยหน้าขึ้นแล้วกวาดสายตาไปอย่างติเตือน
เหซิงโม่กลืนน้ำลายลงไปแล้วรีบยอมแพ้ “อย่านะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้สึกคอแห้ง ขอไปหาอะไรดื่มที่ห้องครัวก่อนนะ…”
เขาเดินเข้าห้องครัวไปได้ไม่นาน โล่เฟยเอ๋อก็เดินอ้าปากหาวลงมาชั้นล่าง
พอเห็นซูซีมู่นั่งอยู่บนโซฟา เธอก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “วันนี้นายไม่ไปบริษัทเหรอ?”
“อืม เธอตื่นแล้วเหรอ?” ซูซีมู่เอ่ยถามก่อนที่จะเอาเอกสารที่อยู่ในมือวางไว้บนโซฟา แล้วลุกขึ้นถามอีกว่า “เช้านี้อยากกินอะไร? ฉันจะทำให้เธอกิน”
เขาเพิ่งพูดไปได้แป๊บเดียว เสียงของเหซิงโม่ก็ดังขึ้น
“ซูซีมู่ นายมันสองมาตรฐานเกินไปแล้ว พอเฟยเอ๋อตื่น นายก็ถามเธอว่าอยากกินอะไร แต่ที่ฉันบอกว่ายังไม่ได้กินอาหารเช้า นายกลับไม่ถามเลยสักคำ”
ซูซีมู่ไม่สนใจเขาแล้วเดินอ้อมเขาเข้าไปที่ห้องครัว
โล่เฟยเอ๋อกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยทักทายเหซิงโม่ “เหซิงโม่ นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เพิ่งจะมาถึง” เหซิงโม่ตอบ
ทางฝั่งโล่เฟยเอ๋อก็นั่งคุยกับเหซิงโม่อยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนซูซีมู่ก็ทำอาหารเช้าอยู่ที่ห้องครัว
พอทำอาหารเช้าเสร็จโล่เฟยเอ๋อก็ไปนั่งกินที่ห้องอาหาร แล้วซูซีมู่ก็นั่งคุยธุระกับเหซิงโม่
ในตอนที่โล่เฟยเอ๋อทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาก็คุยธุระกันเสร็จแล้วเหมือนกัน
เหซิงโม่เก็บเอกสารไปด้วยพร้อมบอกว่า: “เฟยเอ๋อ ฉันยังมีธุระต่อ ไปก่อนนะ”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วแล้วถาม “ทำไมรีบขนาดนี้ล่ะ?”
“สัญญาครั้งนี้ต้องรีบทำด่วนน่ะ ไว้ครั้งหน้าจะชวนพวกเธอกินข้าวนะ” เหซิงโม่โบกมือแล้วรีบออกจากวิลล่าไป
หลังจากที่เขาออกไป ซูซีมู่ก็มานั่งดูทีวีเป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋อที่ห้องรับแขก
เพียงแต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของโล่เฟยเอ๋อก็ดังขึ้น
พอเหลือบมองเบอร์โทรนั้น โล่เฟยเอ๋อก็มีสีหน้าตื่นตระหนกแวบหนึ่ง
จากนั้นก็บอกซูซีมู่ที่อยู่ข้างๆ ว่า: “ฉันจะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงก่อนนะ”
ซูซีมู่เงยหน้าแล้วมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ได้”
โล่เฟยเอ๋อตอบแค่ ‘อืม’ แล้วกดรับสาย เธอเดินไปที่ระเบียงพร้อมพูดกับคนในสายว่า: “สวัสดี? มีเรื่องอะไรเหรอคะ…”
หลังจากที่เดินมาถึงระเบียง โล่เฟยเอ๋อก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเปลี่ยนคำพูด “ส้ายหลินน่า เธอโทรมาหาฉันทำไมเหรอ?”
“เฟยเอ๋อ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่เข้าใจเลย” ส้ายหลินน่าตอบ
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้บอกว่าที่เธอตั้งใจพูดแบบนั้นก็เพราะกลัวซูซีมู่จะได้ยินว่าพวกเธอติดต่อกัน เธอจึงบอกแค่ว่า: “ไม่ใช่คำพูดสำคัญอะไรนักหรอก”
ส้ายหลินน่าจึงตอบ ‘อ้อ’ จากนั้นพูดว่า: “ฉันแค่อยากถามหน่อยว่าเธอคิดเรื่องนั้นดีรึยัง?”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสักพักก่อนจะตอบว่า: “อืม ฉันจะหาโอกาสพูดเรื่องนี้กับเขา”
ส้ายหลินน่าตอบอย่างดีอกดีใจ: “ดีจริงๆ เลย ขอบคุณมากนะเฟยเอ๋อ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องที่เกี่ยวกับซูซีมู่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน” โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสักพัก แล้วพูดอีกว่า: “อีกอย่างเธออย่าเพิ่งดีใจเร็วไป เขาอาจจะไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดก็ได้”
“ไม่หรอก เธอจะต้องพูดเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จอย่างแน่นอน…”
โล่เฟยเอ๋อพูดกับส้ายหลินน่าอีกไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ว่าสายไป