บทที่344 เพราะไม่วางใจ
ซูซีมู่โทรศัพท์มาหา แต่โล่เฟยเอ๋อไม่ได้รับทันที
เพราะในห้องทำงานนั้นถกเถียงกันเสียงดังมาก เธอกังวลว่าซูซีมู่จะได้ยินอะไร จึงเดินไปข้างกาย ของเย่รู่ไป๋แล้วเอ่ยกระซิบ “หัวหน้าเย่ ฉันกลับไปก่อนนะคะ เรื่องต่อจากนี้ก็ฝากให้คุณแล้วกันนะคะ”
เธอเชื่อว่าเย่รู่ไป๋รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
คำพูดของโล่เฟยเอ๋อสำหรับเย่รู่ไป๋สามารถพูดว่าไม่ได้ด้วยเหรอ ซึ่งไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงตอบตกลง
หลังจากได้รับการตอบตกลงของเย่รู่ไป๋ โล่เฟยเอ๋อก็กำโทรศัพท์ในมือไว้เดินออกไปอย่างรีบร้อน
เมื่อคนอื่นเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อออกไปแล้ว ก็เริ่มพูดขึ้นมา “เรื่องนี้ยังไม่จบ ทำไมไปแล้วล่ะ”
“คุณโล่มีเรื่องด่วนครับ ตั้งตอนต่อจากนี้ ผมจะเป็นคนจัดการแทนนะครับ”เย่รู่ไป๋ตอบแทนโล่เฟยเอ๋อ
แล้วผู้จัดการใหญ่จะรู้สึกว่าโล่เฟยเอ๋อไปแบบไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ทำให้เขาเสียหน้ามาก แต่เมื่อคิดถึงว่าฐานะตำแหน่งของโล่เฟยเอ๋อ ก็ไม่พูดอะไรอีก
เสียงกระแอมไอสองครั้งเบาๆของเขาดังขึ้น จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนกลับมา “ในเรื่องที่จางเจียเจียฝ่ายการออกแบบฟ้องว่าโดนโล่เฟยเอ๋อขโมยผลงาน ทุกคนเข้าใจกันดีแล้วใช่ไหม”
“เข้าใจแล้วครับ”ทุกคนตอบ
ผู้จัดการใหญ่จ้องมองทุกคน จากนั้นก็พูด “งั้นทุกคนลองแสดงความคิดเห็นออกมาซิ”
ตอนต่อมา ทุกคนต่างก็ต่างแสดงความคิดตัวเองออกมากันอย่างมากมายจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ความหมายหลักๆที่สรุปได้คือจางเจียเจียใส่ร้ายโล่เฟยเอ๋อนั้นเอง
เมื่อได้ฟังหารือของด้านโน้นแล้ว แล้วตั้งแต่ที่ตัวตนที่แท้จริงของโล่เฟยเอ๋อถูกเปิดเผยเย่รู่ไป๋ก็เดินมาถึง ตรงหน้าของจางเจียเจียคนที่โดยการได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก
“เธอรู้ไหม ว่าการที่จะทำให้คุณโล่มองเห็นและฝึกสอนได้ เธอเดิมทีก็มีอนาคตที่ดีแหละ แต่น่าเสียดายที่เธอโง่เง่าเกินไป โดยการทำทุกอย่างพลาดด้วยตัวเอง”
เธอโง่เง่าเกินไปเหรอ ใช่ เธอนะโง่เง่าเกินไปจริงๆ
โง่เง่าที่เอาการฝึกสอนของโล่เฟยเอ๋อมาเหยียดหยาม โง่เง่าที่เอาความเจตนาดีของโล่เฟยเอ๋อมาเป็นความเจตนาร้ายแทน
เธอทำทุกวิถีทางที่คิดจะเหยียบโล่เฟยเอ๋อเพื่อไปข้างหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายไม่คิดเลยว่าโล่เฟยเอ๋อจะยืมอยู่บนจุดสูงสุดที่เธอคาดหวังอยากได้ไว้ตั้งนานแล้ว
จางเจียเจียนั้นเสียใจภายหลังจริงๆ เสียใจภายหลังที่ว่าเพราะอะไรที่เธอต้องค่อยอิจฉา เสียใจภายหลังที่ว่าเพราะอะไรที่เธอต้องค่อยทำร้ายโล่เฟยเอ๋อครั้งแล้วครั้งเล่า
จนทำให้ตอนนี้เธอนั้นไม่เพียงไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่ตรงกันข้ามเธออาจจะสูญเสียทุกอย่างที่มี
เสียดายที่ตอนนี้เธอคิดได้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เพราะบนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลังให้กินหรอก
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าจะจางเจียเจียนั้นสำนึกผิดกับที่ทำลงไปแล้ว เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ เธอก็นำเบอร์ที่ตัดสายไปเองแล้วของซูซีมู่ มากดโทรไป
“เฟยเอ๋อ”
โล่เฟยเอ๋อพูดอธิบาย “เมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย เลยทำให้ไม่ได้รับโทรศัพท์ ”
“อ๋อ ฉันรู้แล้วเรื่องในที่ทำงาน จัดการเสร็จแล้วใช่ไหม”
ซูซีมู่ถามขึ้นมาแบบนี้ โล่เฟยเอ๋อก็นึกถึงการถูกจางเจียเจียหักล้างขึ้นมา ทันใดนั้นอารมณ์หดหู่ลงเล็กน้อย “น่าจะจัดการเสร็จแล้วล่ะ”
ซูซีมู่ฟังออกถึงความผิดปกติของเธอ เลยถาม”เป็นอะไรไป”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามของซูซีมู่ ก็ถามขึ้นมาแทน” ตอนนี้คุณอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซูหรือเปล่า”
“เพิ่งมาถึง”อาจเป็นเพราะซูซีมู่เป็นหวังไม่ค่อยวางใจโล่เฟยเอ๋อ ก็ถามต่ออีกประโยคหนึ่ง”ให้ฉันไปรับเธอไหม”
โล่เฟยเอ๋ออยากให้ซูซีมู่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอจริงๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าคุณท่านเพิ่งกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์ เลยปฏิเสธไปดีกว่า “ไม่ต้อง คุณอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่เถอะ ฉันหารถกลับไปเอง ช่วยขอโทษกับคุณปู่แทนฉันด้วยนะ ฉันจะไปเยี่ยมเขาอีกทีในวันหลังนะ”
“เฟยเอ๋อ”ซูซีมู่ยังอยากพูดอะไรต่อ
ในทางด้านของโล่เฟยเอ๋อเห็นรถมาพอดี จึงพูดอย่างรีบร้อน “รถมาแล้วนะ ฉันจะขึ้นรถแล้ว”พูดเสร็จก็วางสายไปเลย แล้ววิ่งไปหารถแท็กซี่
แต่ปรากฏว่าก่อนที่โล่เฟยเอ๋อจะโบกรถแท็กซี่กลับวิลล่า
ซูซีมู่ก็ขับรถตามหลังมาถึงแล้ว
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างประหลาดใจ “คุณมาได้ยังไง”
“ไม่วางใจ”ซูซีมู่ตอบ
เพราะไม่ไว้วางใจ เลยวิ่งรถกลับมาหา
ในนัยน์ตาของโล่เฟยเอ๋อมีความชื้นด้วยน้ำตาเกิดขึ้นเล็กน้อย ในสมองของเธอมีคำพูดมากมาย อยากจะพูดกับเขา สุดท้ายเลยกลายเป็นคำพูดนี้ออกมา “กอดหน่อย”
โล่เฟยเอ๋อพูดสองคำนี้ไปด้วย กางแขนออกกว้างไปหาซูซีมู่ไปด้วย
ซูซีมู่ไม่รอช้าแต่ยังใด ก็เอื้อมมือออกไป คว้าเธอมาไว้ในอ้อมกอด
หนึ่งกอดที่แสนธรรมดา แต่มันกลับทำให้บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาอบอุ่นขึ้นมา
โล่เฟยเอ๋ออยู่ในอ้อมกอดของซูซีมู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงค่อยๆเอ่ยพูดขึ้นมา “ฉันเศร้าใจเล็กน้อย”
“เป็นอะไร”ซูซีมู่ถามอย่างให้ความร่วมมือ
“ฉันเห็นเธอเพื่อน อยากจะฝึกเธอดีๆ ในวันข้างหน้าให้เธอตำแหน่งที่มั่นคงในบริษัท แต่สุดท้ายเธอก็ใส่ร้ายว่าฉันขโมยผลงานของเธอ ไปฟ้องใส่ร้ายฉันกับผู้จัดการใหญ่ที่นั่น”
วันนี้เฟยเอ๋อต้องรีบไปบริษัท ที่แท้ก็เพราะเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่เอง
นัยน์ตาซูซีมู่ประกายความเยือกเย็นขึ้น จากนั้นก็อือตอบโล่เฟยเอ๋อ
หลังจากได้รับการตอบสนองกลับมาของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ซูซีมู่ฟัง
ซูซีมู่ยิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งไม่ดีขึ้น
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ในข้างกายของโล่เฟยเอ๋อยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วย
โล่เฟยเอ๋อถามยังไม่เข้าใจ “คุณว่าเธอทำไปเพื่ออะไรเหรอ ปีที่แล้วตอนถังหซิวฉีที่ใส่ร้ายว่าฉันลอกผลงาน เธอยังเป็นพยานให้กับฉันอยู่เลยนะ ทำไมตอนนี้เธอเป็นแบบนี้แล้ว”
ซูซีมู่ไม่บอกให้โล่เฟยเอ๋ออยู่แล้ว ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอ เห็นได้ชัดว่าเหยียบเธอขึ้นไปข้างบน จากนั้นก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ แล้วตกลงมาอย่างน่าอนาถ
แต่พูดออกมาเพียงสี่คำ “ใจคนเปลี่ยนง่าย”
“เป็นแบบนี้เหรอ”โล่เฟยเอ๋อหดหู่เล็กน้อย
ซูซีมู่เอามือลูบหัวของโล่เฟยเอ๋อเบาๆ
แล้วพูดปลอบ”อย่าคิดมาก”
“ฉันรู้……”โล่เฟยเอ๋อพูดพลางเอาหน้าซบลงตรงอกของซูซีมู่
เรื่องนี้ สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่จางเจียเจียถูกไล่ออก
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่า การที่เย่รู่ไป๋เปิดเผยฐานะที่แท้ของเธอแล้ว อยู่ในที่บริษัทคงยุ่งยากน่าดู
ผลปรากฏว่าตอนเข้าบริษัทในวันรุ่งขึ้น พบว่ายังเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน
จากที่คาริน่า โล่เฟยเอ๋อรู้มาว่า ที่แรกผู้จัดการใหญ่อยากจะเลื่อนตำแหน่งให้เธอ ถึงขั้นเตรียมนักออกแบบไว้ชุดหนึ่งมาให้เธอฝึกสอน เพราะฐานะและความสามารถของโล่เฟยเอ๋อโชว์อยู่ตรงนั้นแล้ว
สุดท้ายเย่รู่ไป๋ช่วยเธอพูดกับทางผู้จัดการใหญ่ ถึงทำให้เธอสามารถเป็นดีไซเนอร์ตัวน้อยๆอยู่ในบริษัทได้อย่างสงบไม่มีเรื่องกวนใจตามที่เธอหวัง
แม้จะไม่รู้ว่าเย่รู่ไป๋คุยกับผู้จัดการใหญ่ยังไง แต่โล่เฟยเอ๋อพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้นี้มาก
เพราะเรื่องนี้ยังโทรศัพท์ไปเย่รู่ไป๋โดยเฉพาะ เพื่อแสดงความขอบคุณของเธอ “หัวหน้าเย่ เรื่องในครั้งนี้ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณนะคะ”
“คุณนาย นี่เป็นเรื่องที่ผมควรจะทำครับ”
“ไม่ว่าจะยังไง ก็ขอบคุณนะคะ”โล่เฟยเอ๋อพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาแล้วถาม”ส่วนเรื่องที่ไล่ผู้อำนวยการกับยี่ขื่อเว่ยออก คุณอธิบายให้ผู้จัดการใหญ่เข้าใจแล้วหรือยังคะ ให้ฉันให้ผู้ช่วยโจวไปช่วยคุณพูดด้วยไหมคะ”
“คุณนาย ขอบคุณมากจริงๆนะครับ”เมื่อได้ฟังที่โล่เฟยเอ๋อแล้ว เย่รู่ไป๋นั้นก็ซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
สวรรค์รู้ดี ว่าสองวันมานี้สับสนมากแค่ไหนว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้จัดการใหญ่ยังไง
เขาไม่สามารถบอกผู้จัดการใหญ่ได้ ว่าภรรยาท่านประธานให้เขาไล่คนเขาออกเอง
“คุณไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ฉันก่อขึ้นมาเองตั้งแต่แรก…..”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้พูดอะไรกับเย่รู่ไป๋นาน เพราะหซิวหชูเฉียวที่หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมาเลยได้โทรมาหาเธอ