บทที่ 351 ติดต่อซูซีมู่ไม่ได้
เวลาตีสี่เป็นเวลาที่ซูซีมู่ต้องลงจากเครื่องบิน พอถึงเวลาโล่เฟยเอ๋อก็โทรหาซูซีมู่
โทรศัพท์ของซูซีมู่ยังคงปิดเครื่องอยู่
โล่เฟยเอ๋อก็เลยเดาว่าซูซีมู่คงยังจะไม่ได้ลงจากเครื่องบิน และยังคงไม่ได้เปิดเครื่อง เธอจึงรออีกสิบนาทีแล้วค่อยโทรกลับ
แต่ทว่า ก็ตามยังคงปิดเครื่องเหมือนเดิม
เธอโทรออกหลายครั้งหลังจากซูซีมู่ปิดเครื่อง โล่เฟยเอ๋อจึงโทรหาโจวเฉิงแทน
แต่กลับเป็นว่า โทรศัพท์ของโจวเฉิงก็ไม่มีคนรับสาย เธอจึงต้องกลับไปโทรเข้ามือถือของซูซีมู่อีกครั้ง
ค่ำคืนยิ่งมืดขึ้นเรื่อยๆ บริเวณรอบๆ เงียบและเงียบมาก มีเพียงเสียงโทรศัพท์ที่โล่เฟยเอ๋อโทรออกไป……
โทรศัพท์มือถือของซูซีมู่ไม่มีคนรับสายตลอดทั้งคืน และเธอรู้สึกใจเสียเป็นอย่างมาก
เตรียมตัวไปบริษัทเพื่อไปหาโจวเฉิงหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ
แต่ปรากฏว่า เธอยังไม่ทันได้ออกไปข้างนอกโจวเฉิงก็เข้ามาแทน
โล่เฟยเอ๋อและหซิวหชูเฉียวกำลังทานอาหารเช้า เมื่อเสียงกริ่งด้านนอกดังขึ้น คนรับใช้ออกมาจากห้องครัวเพื่อไปเปิดประตู
สองนาทีต่อมาเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับโจวเฉิง
“คุณนายน้อย คุณโจวมาแล้วค่ะ”
“โจวเฉิง คุณมาแล้ว? ทานอาหารเช้าหรือยัง? นั่งทานอาหารด้วยกันซิคะ”
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นเพื่อทักทายโจวเฉิง
โจวเฉิงมองไปที่โล่เฟยเอ๋อแล้วส่ายหัว “คุณนาย…ผมทานมาแล้วครับ”
โล่เฟยเอ๋อ “อืม” แล้วถามว่า “โจวเฉิง โทรศัพท์ของซูซีมู่ไม่สามารถติดต่อได้ คุณมีข้อมูลติดต่อของเขาที่ประเทศ M หรือไม่?”
“คุณนาย…” โจวเฉิงอ้าปากเรียกคุณนายของเขา แล้วปิดปาก
“มีอะไรเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองโจวเฉิง
โจวเฉิงไม่พูดและมองไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างเงียบๆ
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองไปที่โจวเฉิงเป็นเวลานาน ถึงค่อยเอ่ยปากถาม “โจวเฉิง คุณมีอะไรจะพูดกับฉันไหม?”
ร่างกายของโจวเฉิงสั่นอย่างรุนแรง หลับตาลง แล้วกัดฟันแน่นและเล่าเรื่องทั้งหมด “คุณนาย เมื่อตอนตีสี่ ทางสายการบินโทรมาบอกว่า เครื่องบินที่ประธานซูนั่งไม่สามารถติดต่อได้”
“นายว่าอะไรนะ?” โล่เฟยเอ๋อถามเบาๆ
โจวเฉิงก้มหน้าและตอบว่า “เที่ยวบินที่ประธานซูนั่งมาขาดการติดต่อ …”
เขายังพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“พูดอะไรไร้สาระ ซูซีมู่ไม่ได้ขาดการติดต่อ เขาแค่ไปทำธุระที่ประเทศM”
“คุณนาย รายชื่อบนเที่ยวบินได้รับการยืนยันแล้ว และประธานซูได้ติดต่อกับ …” โจวเฉิงสองคำยังพูดไม่จบ โล่เฟยเอ๋อก็ขัดจังหวะเขาอีกครั้ง “ที่ซูซีมู่ติดต่อไม่ได้ ก็เพราะเขาทะเลาะกับฉัน”
“ฉันทะเลาะกับเขา เขาจึงจงใจปิดเครื่องและไม่ต้องการให้อภัยฉัน”
โจวเฉิงขยับลำคอของขึ้นลงอย่างรุนแรงสองสามครั้ง ดวงตาที่ซับซ้อนได้เอ่ยเสียงร้องขึ้นมาว่า “คุณนาย…”
“ใช่แล้ว ฉันส่งข้อความถึงเขา เมื่อเขาเปิดเครื่องและเห็นข้อความของฉัน เขาก็จะยกโทษให้ฉัน…” โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจฟังคำพูดของโจวเฉิง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดมันไปเรื่อยๆ
“ซูซีมู่ ต่อไปฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณอีกแล้ว คุณยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
หลังจากส่งข้อความออกไป เธอก็จ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอโดยไม่กะพริบตาราวกับกำลังรอการตอบกลับ
หลังจากรออยู่สองสามนาที เธอก็ขมวดคิ้ว “ทำไมซูซีมู่ถึงไม่ตอบฉันกลับมา? อ้อ ใช่แล้ว คุณชอบให้ฉันเรียกว่าสามีมากกว่า…”
โล่เฟยเอ๋อยกยิ้มขึ้นอย่างเล็กน้อยเป็นปกติ แล้วแก้ไขข้อความในโทรศัพท์อีกครั้ง
“คุณสามี ต่อไปฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณอีกแล้ว คุณยกโทษให้ฉันไหม?”
หลังจากส่งข้อความไปเธอก็จ้องมองที่โทรศัพท์ของเธออีกครั้ง
เมื่อเธอไม่ได้รับคำตอบเธอก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “สามี คุณยังไม่ให้อภัยฉันหรือ? ต้องทำอย่างไรคุณจะยกโทษให้ฉันได้?”
“เฟยเอ๋อ พอแล้ว” หซิวหชูเฉียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโล่เฟยเอ๋อตะโกนใส่เธอเสียงดัง
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่หซิวหชูเฉียวอย่างสงสัย “เฉียวเฉียว เธอโมโหอะไร?”
“เฟยเอ๋อ ติดต่อเขาไม่ได้แล้ว” หซิวหชูเฉียวตอบอย่างตรงๆ พยายามให้โล่เฟยเอ๋อยอมรับความเป็นจริง
“เฉียวเฉียว เธอพูดถึงอะไรนะ? ตอนนี้ซูซีมู่อยู่ที่ประเทศ M นะ” โล่เฟยเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หซิวหชูเฉียวยืนขึ้นเดินอ้อมมาที่โต๊ะ มายืนอยู่ตรงหน้าโล่เฟยเอ๋อและจับไหล่ไปที่ไหล่ของโล่เฟยเอ๋อ พร้อมกับเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “โล่เฟยเอ๋อ เธอฟังให้ดีน่ะ ซูซีมู่ขาดการติดต่อ”
ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อไม่ได้โต้แย้งหซิวหชูเฉียวกลับ เพราะว่าเธอเป็นลมไปแล้ว
เมื่อรอเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว
ในห้องผู้ป่วย มีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง
คนแรกที่พบว่าเธอตื่นขึ้นมาคือหซิวหชูเฉียวซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วย “เฟยเอ๋อ เธอฟื้นแล้ว?”
เมื่อได้ยินเสียงของหซิวหชูเฉียวที่อยู่ไม่ไกลลู่ยู่ เหซิงโม่ เหซิงถิง คนรับใช้ก็ล้อมกันเข้ามา “เฟยเอ๋อ (คุณนายน้อย) รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
โล่เฟยเอ๋อราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา แค่มองออกไปอย่างเหม่อลอย เหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้วิญญาณ
พวกเขาเห็นโล่เฟยเอ๋อเป็นแบบนี้ ยิ่งกังวลเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะทุกคนรู้ดีว่าเป็นเพราะการสูญเสียของซูซีมู่ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
ในที่สุดหซิวหชูเฉียวก็ทนดูไม่ได้และพูดกับโล่เฟยเอ๋อว่า “เฟยเอ๋อ เธอต้องสู้หน่อยนะ แม้ว่าจะไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เธอก็ต้องคิดถึงเด็กในท้องของเธอด้วย”
ปรากฏว่า หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อเป็นลม พวกเขารีบพาเธอมาโรงพยาบาล
หลังจากที่หมอได้ตรวจดูอาการแล้ว ก็พบว่าเธอท้อง
แต่โล่เฟยเอ๋อไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของหซิวหชูเฉียว
หซิวหชูเฉียวจ้องมองเธออย่างเงียบๆ สักพักและในที่สุดก็ตัดสินใจใช้ไม้แข็ง
“โล่เฟยเอ๋อ เธออย่าโง่ให้มากนักนะ ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว และฟังให้ดีๆ ไม่ว่าซูซีมู่ตอนนี้จะเกิดหรือไม่เกิดเรื่อง เราก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ อย่างน้อยในท้องของเธอก็ยังมีเด็กที่มีสายเลือดของซูซีมู่อยู่ สภาพเช่นนี้ ถ้าเกิดว่าเสียเด็กไป ฉันก็จะดูว่าเธอจะตอบซูซีมู่และตระกูลซูได้อย่างไร”
ไม่แข็งของหซิวหชูเฉียวได้ผลจริงๆ
โล่เฟยเอ๋อขยับตัว เธอกำลังร้องไห้
นับตั้งแต่ที่เธอได้ยินว่าซูซีมู่ขาดการติดต่อ เธอก็เชื่อว่าซูซีมู่อยู่ที่ประเทศ M มาตลอด
หลังจากนั้นที่ติดต่อไม่ได้ เพราะโกรธเธออยู่
จนถึงตอนนี้ โล่เฟยเอ๋อก็ร้องไห้ออกมา ถึงได้ยอมรับความจริงว่าซูซีมู่ขาดการติดต่อจริงๆ …
อาจเป็นเพราะลูกในท้องของเธอ เธอจึงกินและนอนหลับอย่างสบาย เหมือนกับช่วงก่อนๆ
อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนว่า โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สงบอย่างที่เห็น อย่างน้อยก็สามารถเห็นได้จากสภาพจิตใจของเธอในตอนนี้
โชคดีที่สองวันต่อมาโจวเฉิงได้ส่งข่าวดีมา
เที่ยวบินที่สูญหายไป ได้ติดต่อกับทางสายการบินแล้ว และยังมีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก
ว่ากันว่าเที่ยวบินถูกปล้นไปยังทะเลทรายโซโนราในอเมริกา โดยเดิมทีโจรนั้นตั้งใจจะพาผู้โดยสารบนเครื่องบินไปที่ทะเลทรายเพื่อฆ่าทิ้ง แต่ผลปรากฏว่าพวกโจรถูกผู้โดยสารบนเครื่องบินรุมโจมตีกลับ แม้ว่าพวกเขาจะเสียเลือดกันไปเยอะ แต่พวกเขาก็ชนะโจร
หลังจากนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ไกลจากเครื่องบินไปมากและไม่มีเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร จนกระทั่งวันที่สามพวกเขาจึงกลับไปยังสถานที่ที่เครื่องบินลงจอดและติดต่อกับสายการบินอีกครั้ง
เมื่อโล่เฟยเอ๋อทราบข่าว ในที่สุดเธอก็หัวเราะขึ้นเล็กน้อย
เพราะเธอเชื่อว่าซูซีมู่ต้องเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตแน่นอน…..