บทที่ 388 โจวเฉิงได้รับคำสั่ง ‘ตาม’ ซูยุ่น
ในงานแต่งจัดขึ้นได้อย่างโรแมนติกยิ่งนัก โดยมีเวทีที่ว่างขวาง ด้านหน้าสุด คือประตูซุ้มงานแต่งเล็กๆ
ส่วนบนของซุ้มประตู ปกคลุมไปด้วยดอกไม้เมืองร้อนที่หายากชนิดหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่า บ้านลู่หามาโดยเฉพาะ ยังมีอีกชนิดหนึ่ง คือว่านผักบุ้งสีชมพู ที่หซิวหชูเฉียวชอบมากที่สุด เมื่อคู่กับดอกกุหลาบสีขาวตั้งตระหง่านอยู่หน้าเวที โดยมีมหาสมุทรสีฟ้าเป็นพื้นหลัง นอกจากจะรู้สึกโรแมนติกแล้ว ยิ่งมีความรู้สึกที่สะอาดบริสุทธิ์
ว่ากันว่า ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้หชูเฉียวมีท้องโต เดิมทีลู่ยู่ได้วางแผนที่จะจัดงานแต่งริมทะเลจริง
แน่นอนว่าแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน
หลังจากที่พิธีกรกล่าวคำเปิดงานแล้ว ในงานแต่งงาน เพลงแต่งงานก็ได้ดังขึ้น
ขั้นแรกคือเด็กโปรยดอกไม้ตัวน้อยคู่หนึ่ง ถือกระเช้าดอกไม้ไว้ โปรยกลีบดอกไม้เข้ามาในพิธี เปิดทางให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสอง
จากนั้นบ่าวสาวก็จับมือกันเดินเข้ามา ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม
หลังจากขึ้นเวที พวกเขากล่าวคำสาบานในคำอวยพรของทุกคน
ฉันลู่ยู่ แต่งงานกับหซิวหชูเฉียว ให้เป็นภรรยาของฉัน
ฉันหซิวหชูเฉียว แต่งงานกับคุณลู่ยู่ ให้เป็นสามีของฉัน
ฉันยินดีที่จะให้คำสัญญากับคุณว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีหรือเวลาที่เลวร้าย ร่ำรวยหรือยากจน ร่างกายแข็งแรงหรือโรคภัยไข้เจ็บ
ฉันยินดีที่จะให้คำสัญญากับคุณว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีหรือเวลาที่เลวร้าย ร่ำรวยหรือยากจน ร่างกายแข็งแรงหรือโรคภัยไข้เจ็บ
ฉันจะรักคุณตลอดไป ทะนุถนอมคุณชั่วนิจนิรันดร์
ฉันจะรักคุณตลอดไป ทะนุถนอมคุณชั่วนิจนิรันดร์
ฉันสัญญาว่า ฉันจะซื่อสัตย์ต่อคุณตลอดไป
ฉันสัญญาว่า ฉันจะซื่อสัตย์ต่อคุณตลอดไป
ในวินาทีที่ลู่ยู่และหซิวหชูเฉียวให้คำสาบานเสร็จ โล่เฟยเอ๋ออดไม่ได้ น้ำตาได้ไหลออกมาจากหางตา
ซูซีมู่เข้าใจดีว่า ทำไมโล่เฟยเอ๋อถึงร้องไห้ ใช้ทิชชูเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเงียบๆ
โล่เฟยเอ๋อปล่อยให้ซูซีมู่เช็ดน้ำตาให้เธอ เพียงแค่ถามด้วยเสียงต่ำ “ซูซีมู่ พวกเขาจะมีความสุขเหมือนกับเราใช่ไหม? ”
ซูซีมู่พยักหน้า “ใช่……”
เดิมทีโจวเฉิงคิดว่า สามารถมาร่วมงานแต่งงานของ คุณชายลู่ กับท่านประธานของตนเองในวันนี้ เป็นการเปิดหูเปิดตาที่ดี
แต่น่าเสียดาย เขาเพิ่งเข้ามาในงานต่างได้ไม่นาน ก็ถูกคนพัวพันแล้ว
และคนที่เข้ามาพัวพันกับเขา ก็คือพ่อลูกตระกูลเย่
“ผู้ช่วยโจว โปรดให้โอกาสเราสักครั้ง ให้ฉันพาไอ้หมอนี่ ไปขอโทษทั้งสองท่านนั้น”
โจวเฉิงปฏิเสธโดยตรง “ไม่จำเป็นแล้ว พวกเขาไม่มีเวลาเจอพวกคุณ”
อย่างไรก็ตาม พ่อลูกตระกูลเย่ ไม่มีความตั้งใจที่จะยอมแพ้ ดึงโจวเฉิงไว้ ไม่ยอมปล่อยมือ “ผู้ช่วยโจว พวกเราแค่รบกวนเวลาทั้งสองท่านนิดหน่อยเท่านั้น โปรดประนีประนอมหน่อย”
ในงานแต่งงานมีผู้คนมากมาย การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ล้วนสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อลูกตระกูลเย่ ที่ดึงโจวเฉิงแบบนี้
โจวเฉิงรู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของพ่อลูกตระกูลเย่ แต่เขาไม่อยากทำเรื่องอะไรในงานแต่ง จึงพูดว่า “พวกคุณตามฉันมา”
พ่อชายตระกูลเย่คิดว่า โจวเฉิงตกลงที่จะให้พวกเขาไปพบซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อแล้ว ตามโจวเฉิงออกไปด้วยความดีใจ
แต่ไม่คาดคิดว่า โจวเฉิงไม่ได้พาพวกเขาไปพบกับซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อ แต่พาพวกเขาไปที่หน้าบันได
“ผู้ช่วยโจว นี่คุณหมายความว่าอย่างไร” น้ำเสียงของพ่อเย่ไม่ค่อยดีนัก
“ฉันไม่ได้หมายถึงอะไร แค่จะบอกคุณเย่ว่า ลูกชายของคุณแส่หาเรื่องคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย ตอนนี้ตระกูลเย่ของคุณ ก็เริ่มได้รับการลงโทษแล้ว”
เมื่อพ่อเย่ได้ยินคำพูดของโจวเฉิง สีหน้าซีดเซียว “ไม่……เป็นไปไม่ได้”
“พ่อ อย่าไปเชื่อเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นได้……” คุณชายเย่ยังพูดไม่จบ ก็โดนพ่อเย่ตบหน้าทันที “หุบปาก”
พ่อเย่พูดกับโจวเฉิงว่า “ขอบคุณสำหรับคำแจ้งเตือนของผู้ช่วยโจว พวกเรามีธุระ ขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบ พ่อเย่ก็ดึงลูกชายไว้ จากไปอย่างรีบร้อน
หลังจากส่งพ่อลูกตระกูลเย่ไปแล้ว โจวเฉิงกำลังจะกลับไปในงานแต่ง ทันใดนั้น ก็เห็นเงาร่างหนึ่ง วิ่งออกมาจากทางบันได
จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว โจวเฉิงจำได้ว่า อีกฝ่ายคือซูยุ่น แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร จึงกลับไปในงานแต่งงาน
หลังจากที่เขากลับไปไม่นาน ซูซีมู่ก็ได้โทรหาเขา ให้เขาไปหาซูยุ่น
หลังจากวางสาย โจวเฉิงก็กลับไปที่บันได ขึ้นไปชั้นบนตามหาซูยุ่น
ทันทีที่เดินไปถึงหัวมุม เห็นซูยุ่นอยู่บนพื้นที่ว่างของบันไดชั้นบน มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไรอยู่
เขากำลังจะเข้าไป ในเวลานี้ ซูยุ่นก็ร้องไห้อย่างหนัก
โจวเฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็หยุดฝีเท้า
ดั่งเช่นนี้ คนหนึ่งร้องไห้ อีกคนหนึ่งมองอีกฝ่ายร้องไห้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ซูยุ่นหยุดร้องไห้
เมื่อเธอหันกลับมา ก็เห็นโจวเฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ชะงักไปชั่วขณะก่อน แล้วถามด้วยความโกรธเคือง “คุณมาทำอะไรที่นี่? ”
“ประธานซูให้ฉันมาหาคุณซู” โจวเฉิงตอบ
ซูยุ่น จ้องไปที่ใบหน้าของโจวเฉิงอย่างจริงจัง ถาม “คุณเห็นแล้ว? ”
“เห็นแล้ว” โจวเฉิงตอบตามความเป็นจริง
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฉิง ซูยุ่นก็ด่าไปคำหนึ่ง “ให้ตายเถอะ คุณอย่าจริงจังขนาดนี้ได้ไหม? ”
“ไม่ได้” “โจวเฉิงตอบอย่างจริงจัง
ซูยุ่นโกรธเพราะความละอาย แล้วพูดออกมาคำหนึ่ง “ไปให้พ้น! ”
“ประธานซูให้ฉันมาหาคุณ” ความหมายก็คือ ประธานซูไม่ได้บอกให้ฉันไป ก็จะไม่ไป
“คุณ……คุณ……” ซูยุ่นพูดคำว่า ‘คุณ’ ติดต่อกันสองคำ เดินลงไปชั้นล่างอย่างโกรธเคือง
โจวเฉิงไม่ได้พูด รักษาระยะห่างสองก้าว เดินตามหลังเธอ
เดิมทีซูยุ่นคิดว่า เธอออกมาจากโรงแรม โจวเฉิงก็จะไม่ตามเธอแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่า โจวเฉิงยังคงตามไว้ไม่ห่าง
“นายนี่มัน……” ซูยุ่นไม่รู้ว่าควรจะสรรหาคำอะไรแล้ว จึงถามรถแท็กซี่ออกไปเสียเลย
โจวเฉิงเรียกแท็กซี่อีกคันตามไป อย่างไม่รีบร้อน
เพื่อที่จะสลัดทิ้งโจวเฉิง ซูยุ่นมาที่ถนนบาร์ในเมือง
หาบาร์ร้านหนึ่ง เดินเข้าไป
เสียงเพลงที่ดังสนั่นหู เสียงดังที่ชุลมุนวุ่นวาย ดังเข้ามาในหู ทำให้ซูยุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่เธอเพื่อที่จะสลัดทิ้งโจวเฉิง ยังคงเลือกที่จะเข้าไป
มาถึงฟลอร์เต้นรำที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด ในขณะที่เต้นไปมากับฝูงชน ก็สังเกตโจวเฉิงด้วย
โจวเฉิงกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งว่างที่หนึ่ง สายตากำลังมองไปตรงทางเธอ
ให้ตายเถอะ ซูยุ่นแอบด่าไปคำหนึ่ง จากนั้นในขณะที่เต้นไปมา ก็เดินไปทางด้านในสุดของฟลอร์เต้นรำ
เธอไม่ได้สังเกตเห็น ว่าข้างกายเธอ รายล้อมชายที่ไม่หวังดีหลายคน
เมื่อโจวเฉิงเห็นว่าข้างๆ ซูยุ่น มีคนเพิ่มมาหลายคน
ก็ลุกขึ้นยืน กำลังจะเข้าไป ในเวลานี้ มีสาวสวยสองคนในชุดเบาสบาย ขวางเขาไว้
“หนุ่มหล่อ เราเลี้ยงคุณแก้วหนึ่ง เป็นยังไง? ”
“ไม่ต้อง” โจวเฉิงปฏิเสธโดยตรง
“หนุ่มหล่อ อย่าปฏิเสธพวกเราแบบนั้นสิ พวกเราชอบคุณจริงๆ ” หญิงสาวสองคนนั้น ในขณะที่ทำตัวออดอ้อน ก็ใช้ร่างแนบชิดที่ตัวโจวเฉิง
ทางซูยุ่นที่ได้เห็นฉากนี้ ดวงตาลุกเป็นไฟแล้ว
นายคนนั้นที่ทำตามแต่คำสั่งของพี่ชายเท่านั้น ได้รับคำสั่งให้ตามเธอไม่ใช่หรือ? แต่ดันไปจีบหญิงสาวแล้ว? และยังเป็นสองคนด้วย?
ปัดโธ่! ผู้หญิงสองคนนั้น สายตาอะไรเนี่ย? ถึงมาถูกใจคนแบบนี้……
แต่ในไม่ช้าซูยุ่นก็ตระหนักได้ว่า เธอผิดประเด็นสำคัญแล้ว เธอควรจะใช้โอกาสในตอนที่มีคนรั้งโจวเฉิงไว้ รีบเผ่น…..