บทที่391 ซูยุ่นมาที่บ้านโล่เฟยเอ๋อ
หลังจากที่โจวเฉิงออกมาจากโรงแรม โทรศัพท์จากซูซีมู่ก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มเรียกแท็กซี่เพื่อไปหาซูซีมู่ที่คลับส่วนตัว
เมื่อไปถึง ซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขก
ทันทีที่เห็นโจวเฉิงเดินเข้ามา โล่เฟยเอ๋อก็รีบเอ่ยทัก “โจวเฉิง มาแล้วหรอ? ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนาย” โจวเฉิงหันไปทักทายโล่เฟยเอ๋อเล็กน้อย ก่อนจะทักอีก “ประธานซูครับ”
ซูซีมู่เงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดกับโล่เฟยเอ๋อที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เธอนั่งดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
โล่เฟยเอ๋อโบกมือบอกปัด “ไปเถอะ”
ซูซีมู่ลุกขึ้นเทนมใส่แก้วให้โล่เฟยเอ๋อ แล้วจึงเดินเข้าห้องหนังสือไป
โจวเฉิงเดินตามหลังเขาเงียบๆ
หลังจากเข้ามาในห้องหนังสือ ซูซีมู่จึงถามขึ้นไม่อ้อมค้อม “เรื่องของตระกูลเย่ไปถึงไหนแล้ว? ”
“ทางเราวางแหไว้หมดแล้วครับ” โจวเฉิงตอบ
ซูซีมู่เงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อ “เก็บแหขึ้นมา”
“ครับ” โจวเฉิงพยักหน้า
ซูซีมู่ส่งเสียง ‘อืม’ คำนึง แล้วถาม “เมื่อวานที่ให้ตามดูซูยุ่น เป็นยังไงบ้าง? ”
ตกลงเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงทำให้ท่านประธานสนใจขึ้นมาขนาดนี้?
โจวเฉิงนิ่งไปเล็กน้อย แล้วตอบ “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ หลังจากออกมาจากงานแต่ง เธอก็กลับไป”
ซูซีมู่ไม่แปลกใจกับคำตอบของโจวเฉิงสักนิด เขาส่งเสียง ‘อืม’ แล้วสั่งต่อ “ตอนบ่ายกลับเมืองA นายไปจัดการให้หน่อย”
โจวเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูด ‘ครับ’ จากนั้นราวกับเพิ่งนึกอะไรออกแล้วถาม “เรื่องที่ให้เก็บแห เกรงว่าวันนี้จะยังไม่เรียบร้อยดี ผมค่อยตามไปเมืองAได้ไหมครับ? ”
“เรื่องนั้นสั่งคนอื่นไปจัดการ นายมีเรื่องอื่นต้องทำ” น้ำเสียงของซูซีมู่แฝงคำตอบชัดเจน
โจวเฉิงนิ่งอึ้งในวินาทีแรก ก่อนจะรับคำ “ครับ ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ โจวเฉิงก็ก้าวฉับๆ ออกไปอย่างเร่งรีบ
“ทำไมโจวเฉิงต้องรีบร้อนขนาดนั้น? ” โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย
ซูซีมู่ตอบ “เขามีเรื่องต้องทำ”
“มีเรื่องต้องทำ? เขาไม่กลับเมืองAพร้อมเราหรอ? ” โล่เฟยเอ๋อถาม
“เขาจัดการเสร็จ ก็จะกลับพร้อมเรา”
“อ้อ จริงสิคุณถามเขา…” โล่เฟยเอ๋อตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ โทรศัพท์บนโต๊ะตั้งชาก็ดังขึ้น
ซูซีมู่หยิบโทรศัพท์ขึ้น เขาเหล่มองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนจะส่งให้เธอ “ซูยุ่นโทรมา เธอจะรับหรือให้ฉันรับ? ”
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อกะจะให้ซูซีมู่เป็นคนรับ แต่พอคิดไปถึงท่าทีเขาตอนอยู่ที่สนามบิน สุดท้ายจึงตัดสินใจรับสาย “ฉันรับเอง”
ซูซีมู่ส่งเสียง ‘อืม’ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้
โล่เฟยเอ๋อรับโทรศัพท์มา แล้วกดหน้าจอรับสาย…
หลังจากที่ซูยุ่นออกมาจากโรงแรม เธอก็รอสายจากซูซีมู่ แล้วถามเรื่องที่เธอดื่มจนเมาเมื่อคืน
เพราะเธอรู้ดี ว่าโจวเฉิงจงรักภักดีต่อซูซีมู่ขนาดไหน
แต่ใครจะคิด ตั้งแต่เธอกลับไป จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่โทรมา
ถึงได้ตัดสินใจโทรหาโล่เฟยเอ๋อ เธอสูดหายใจลึก “พี่สะใภ้? ”
“ว่าไง ซูยุ่น”
ได้ยินน้ำเสียงของโล่เฟยเอ๋อฟังดูปกติมาก ราวกับไม่รู้เรื่องที่เธอเมา
ซูยุ่นคิดไม่ตก จะบอกว่าเขาไม่ได้บอกพี่เรื่องเธองั้นหรอ?
คิดอยู่ไม่นาน ซูยุ่นจึงถามต่อ “พี่สะใภ้ วันนี้ว่างไหม? ออกไปช็อปปิ้งกันไหมคะ? ”
“ขอโทษทีนะซูยุ่น แต่วันนี้ฉันต้องกลับเมืองA คงไปเที่ยวกับเธอไม่ได้แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินว่าโล่เฟยเอ๋อจะกลับวันนี้ ในใจเธอก็รู้สึกหวิวๆ ก่อนจะเผลอปากถามออกไป “ผู้ช่วยคนนั้นของพี่ก็กลับไปพร้อมพวกพี่หรอคะ? ”
“เธอหมายถึงโจวเฉิงใช่ไหม? ”
นี่เธอเป็นบ้าหรือไง? จู่ๆ ไปถามถึงอีตาหุ่นยนต์ที่ฟังแต่คำสั่งของพี่ทำไม? ซูยุ่นลอบด่าตัวเองในใจ แล้วปรับน้ำเสียงเป็นปกติ “ค่ะ พอดีฉันมีเรื่องต้องคุยกับเขานิดหน่อย”
“ตอนนี้เขาไปทำธุระแล้วล่ะ เดี๋ยวถ้าเขากลับมา ฉันจะให้เขาโทรไปหาเธอดีไหม? ”
มาถึงขั้นนี้เธอจะบอกว่าไม่ได้อีกหรอ? ดังนั้นจึงตอบ “ดีค่ะ”
จากนั้นซูยุ่นก็ชวนโล่เฟยเอ๋อคุยต่ออีกหน่อย แล้ววางสายไป
เรื่องที่โจวเฉิงต้องทำมีเยอะ เพราะงั้นสุดท้ายเขาจึงต้องไปเจอกับซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อที่สนามบิน
ทันทีที่เจอกัน โล่เฟยเอ๋อก็รีบบอกเรื่องที่ซูยุ่นกำลังเรียกหาเขา
“โจวเฉิง ก่อนหน้านี้ซูยุ่นโทรหาฉันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับนาย นายโทรหาเธอสิ? มีเบอร์เธอหรือเปล่า? ”
คุณซูมีเรื่องจะคุยกับเขา? โจวเฉิงนิ่งไป ก่อนจะตอบ “ผมมีเบอร์คุณซูครับ”
“อืม งั้นนายโทรไปหาเธอเถอะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าพูด
“ผมจะโทรเดี๋ยวนี้ครับ” โจวเฉิงว่า แล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชายหนุ่มเดินไปยังจุดที่คนบางตาพร้อมกับกดเบอร์โทรหาซูยุ่น
หลังสักรออยู่ไม่นาน ปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหล? ”
เสียงใสๆ ดังจากปลายสาย แววตานิ่งสงบของชายหนุ่มเผยความแปลกใจขึ้นมาบางๆ ก่อนจะกลับสู่ภาวะปกติในเสี้ยววินาที
จากนั้นน้ำเสียงนิ่งเรียบก็พูดขึ้นผ่านโทรศัพท์ “คุณซู ผมโจวเฉิงครับ”
ซูยุ่นเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะส่งเสียง ‘อ้อ’ คำนึง
“คุณนายบอกว่า คุณซูมีธุระจะคุยกับผม? ” โจวเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ
“ฉัน…” ซูยุ่นเกริ่นมาคำนึง จากนั้นจึงพูดต่อ “เมื่อวานตอนอยู่ในผับนายเป็นคนจ่าย ฉันจะคืนเงินให้นาย”
โจวเฉิงปฏิเสธทันควัน “ไม่เป็นไรครับ”
ท่าทีของชายหนุ่มทำให้ซูยุ่นไม่พอใจ เธอกระแทกไปคำนึง “ตามใจ” แล้วตัดสาย
นัยน์ตาของโจวเฉิงดำสนิท เขาถือโทรศัพท์แนบกับใบหูอยู่นาน จนกระทั่งแววตากลับสู่ปกติ ถึงได้วางโทรศัพท์ลง…
หลังจากที่โจวเฉิงกลับมาที่เมืองA ซูซีมู่ก็ส่งเขาไปที่ประเทศ Mทันที
โดยที่ไม่รู้เลยว่า คืนที่เขาไปจากเมืองA ซูยุ่นก็มาเมืองA
จริงๆ แล้วซูยุ่นก็รู้สึกแปลกใจตัวเอง
เธอรู้ดีว่าฐานทัพของเหซิงโม่อยู่ที่เมืองA เมื่อก่อนเธอมาที่นี่ก็เพื่ออยากจะทำความรู้จักเหซิงโม่ให้มากขึ้น
ตอนนี้เหซิงโม่ปฏิเสธเธอไปแล้ว ถ้าว่ากันตามหลัก เธอไม่ควรจะมาที่เมืองAอีก
แต่ตอนที่บริษัทบอกว่ามีทำงานนอกสถานที่ที่เมืองA เธอกลับยกมือเสนอตัว
“คงเป็นความเคยตัวล่ะมั้ง” ซูยุ่นถอนหายใจ แล้วบ่นอุบอิบ “ช่างเถอะ ถือซะว่าใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมพี่สะใภ้แล้วกัน”
ซูยุ่นโทรศัพท์หาโล่เฟยเอ๋อ
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อรับสาย เธอกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน
พอได้ยินว่าซูยุ่นจะมาหา แน่นอนว่าเธอยินดีต้อนรับอยู่แล้ว
ทันทีที่วางสาย เธอจึงสั่งเด็กในบ้านให้ทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง
เวลานี้ซูซีมู่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกพอดี พอได้ยินเธอสั่งให้ทำอาหารเพิ่มจึงถามขึ้น “ใครจะมางั้นหรอ? ”
“เมื่อกี้ซูยุ่นโทรมาบอกว่าจะเข้ามาค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ คำนึง แล้ววางกระเป๋าใส่เอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนจะจับมือพาโล่เฟยเอ๋อนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถามว่าวันนี้เธอทำอะไรไปบ้าง
เพราะโจวเฉิงไปประเทศMแล้ว ซูซีมู่จึงจำต้องไปทำงานที่บริษัท ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน จึงถามไถ่อาการของโล่เฟยเอ๋อทันที
โล่เฟยเอ๋อเล่าเรื่องวันนี้ให้ซูซีมู่ฟังอย่างละเอียด
ก็แค่กินข้าว นอน เดินเล่น แม้แต่เธอเองยังรู้สึกน่าเบื่อ แต่ซูซีมู่กลับตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ…