บทที่393 ระหว่างทางเจอเข้ากับโล่ชิงไป๋
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อตั้งใจจะไปเดินเล่นกับซูซีมู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเข้ากับคนคนหนึ่งโดยบังเอิญ นั่นคือโล่ชิงไป๋
ตั้งแต่คราวนั้นที่โล่ชิงไป๋จ้างคนมาลักพาตัว โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย เธอเองก็ไม่ได้ถามซูซีมู่ว่าสุดท้ายโล่ชิงไป๋เป็นยังไง
จนกระทั่งวันนี้ ที่ได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหินห่างเหมือนคนไม่รู้จักกัน
อีกฝ่ายไม่เหลือออร่าเหมือนสมัยก่อนอีก ชายตรงหน้าผมขาว ร่างกายซีดผอม ไม่ต่างอะไรกับคนแก่ธรรมดาคนหนึ่ง
ซูซีมู่เองก็เห็นโล่ชิงไป๋แล้ว เขาหันมาเหล่มองโล่เฟยเอ๋อเล็กน้อย แล้วจอดรถไว้ข้างทาง
โล่ชิงไป๋กำลังเดินอยู่บนถนน เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหันกลับมา
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อที่นั่งอยู่ในรถ ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยก็เผยความประหลาดใจ “เฟย เฟยเอ๋อ…”
เห็นโล่ชิงไป๋ที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน วินาทีนี้โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี
สุดท้ายจึงเป็นซูซีมู่เอ่ยขึ้น “เฟยเอ๋อ เธอจะคุยกับเขาสักหน่อยหรือเปล่า? ”
คุยไหมหรอ? หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็ตอบตกลง
นี่เป็นเรื่องระหว่างโล่เฟยเอ๋อและโล่ชิงไป๋ซูซีมู่ไม่ได้อยู่ด้วย แต่หาห้องอาหารส่วนตัวให้พวกเขาคุยกัน
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเข้าไปในห้อง โล่ชิงไป๋กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง
ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงหันกลับมามองเธอ
โล่เฟยเอ๋อเม้มรอมฝีปากเล็กน้อย แล้วเอ่ย “ทำไมไม่นั่งล่ะคะ? ”
บนโต๊ะมีถ้วยน้ำชาตั้งอยู่ใบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพนักงานเข้ามาบริการแล้ว
แววตาของโล่ชิงไป๋สั่นระริก ก่อนจะหันกลับมาตรงๆ “ร่างกายฉันนั่งมากๆ มันจะรับไม่ไหว”
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับ ‘อ้อ’ คำนึงแล้วถามต่อ “เป็นโรคอะไรคะ? ไม่ได้หาหมอหรอ? ”
โล่ชิงไป๋ได้ยินคำพูดแสดงความห่วงใยของโล่เฟยเอ๋อ จึงตอบกลับอย่างซาบซึ้ง “หาแล้ว… ซู… ประธานซูส่งหมอมารักษาให้”
โล่เฟยเอ๋อไม่ค่อยแปลกใจนักที่ซูซีมู่ส่งหมอไปรักษาพ่อของตน ถึงเธอจะรู้ดีว่าซูซีมู่ต้องรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องลักพาตัวเธอก็คือพ่อของเธอเอง และเธอก็รู้ดีว่า ซูซีมู่ไม่มีทางทำอะไรพ่อเพราะเห็นแก่เธอ
“อืม รักษาตัวให้ดีแล้วกันค่ะ”
“ลูก… ลูก… ที่ผ่านมา… สบายดีไหม? ” โล่ชิงไป๋พูดติดๆ อ่างๆ กว่าจะพูดจบประโยค
ที่ผ่านมาเธอรอคอยคำพูดแบบนี้มาตลอด แต่เสียดายที่เขาไม่เคยถามเลยสักครั้ง
แต่พอตอนนี้ระหว่างพวกเขากลายเป็นแบบนี้แล้ว เขากลับถามมันขึ้นมา
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อเริ่มแดงเล็กน้อย เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แล้วตอบกลับเสียงเรียบ “ก็ดีค่ะ”
เธอไม่ได้โกหก มีคนที่รัก มีครอบครัวที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ และอีกไม่นานเธอกำลังจะมีลูก…
“ก็ดีแล้ว… ดีแล้ว…” โล่ชิงไป๋เอ่ยคำนั้นออกมาติดกัน
โล่เฟยเอ๋อเห็นโล่ชิงไป๋ในสภาพนี้แล้ว จิตใจก็สับสน เธอเงียบไปสักพักก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง หวังจะหลบสายตาจากโล่ชิงไป๋
โล่ชิงไป๋เรียกเธอเอาไว้ ” เฟย เฟยเอ๋อ…”
โล่เฟยเอ๋อหยุดฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับมา
“พ่อ พ่อรู้ว่าพ่อผิดไปแล้ว เมื่อก่อนพ่อทำผิดต่อแม่ ตอนนี้ยังทำผิดต่อลูกอีก สิ่งที่พ่อได้รับในตอนนี้ มันก็สมควรแล้ว…”
“พ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว” โล่เฟยเอ๋อพูดตัดบท
โล่ชิงไป๋ได้ยิน สีหน้าก็ซีดสลับกับดำทะมึน
เห็นโล่เฟยเอ๋อไม่ยอมแม้แต่หันหน้ามา ริมฝีปากเหี่ยวย่นก็ได้แต่อ้าพะงาบราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เพียงแค่ปิดปากสั่นๆ แน่น…
“แม่จะยกโทษให้หรือเปล่าหนูไม่รู้ แต่สำหรับหนู ไม่มีทาง”
โล่ชิงไป๋เริ่มรู้สึกชาที่ขามาได้สักพัก เขามองไปยังโล่เฟยเอ๋ออึ้ง
ในที่สุดโล่เฟยเอ๋อก็หันกลับมา เธอสบตากับโล่ชิงไป๋นิ่ง
“ที่หนูไม่ยกโทษให้ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่พ่อทำกับหนู แต่หนูไม่ยกโทษให้ เพราะสิ่งที่พ่อทำกับแม่ แต่พ่อไม่ต้องห่วง ชีวิตบั้นปลายของพ่อ หนูไม่มีทางเนรคุณ พ่อจะได้มีชีวิตอย่างสุขสงบต่อไป”
โล่ชิงไป๋มองโล่เฟยเอ๋อ เสียงเริ่มสั่นสะอื้น “เฟย เฟยเอ๋อพ่อขอโทษ… ”
โล่เฟยเอ๋อหันหลังกลับ ไม่อยากฟัง
ขอโทษมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อทำร้ายไปแล้วก็คือทำร้ายไปแล้ว คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้บาดแผลหายไป
“พ่อไปเถอะ ข้างนอกมีรถเตรียมไว้ให้แล้ว… ”
โล่ชิงไป๋อ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เพียงแค่เม้มแน่น ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองโล่เฟยเอ๋ออีกครั้ง แล้วเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเปิดประตูออกมา ก็เจอกับซูซีมู่ที่ยืนรออยู่ด้านนอก สายตาของเขานิ่งอึ้งไปนิดหน่อย
มีผู้ชายคนนี้คอยรัก คอยเอาใจใส่ เธอคงมีชีวิตอย่างดีจริงๆ นั่นแหละ!
โล่เฟยเอ๋อยืนหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา เพราะน้ำตาไหลอาบใบหน้ามาแล้วสักพัก
ไม่ว่าโล่ชิงไป๋จะทำไม่ดีกับเธอสักแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็คือพ่อของเธอ
กระทั่งแขนอบอุ่นแข็งแรงโอบกอดมาจากด้านหลัง กลิ่นไอที่คุ้นเคยลอยเข้าจมูก
“ไม่ต้องร้อง”
โล่เฟยเอ๋อยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ “ใครบอกว่าฉันร้อง? ”
“เธอขี้ใจอ่อนจะตาย จะใจดำก็ทำไม่ลง แต่ก็ไม่ยอมลืมความโกรธยกโทษให้”
โล่เฟยเอ๋อหันกลับมาขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา หญิงสาวสูดดมกลิ่นกายของซูซีมู่ แล้วยิ้ม “คุณพูดแบบนี้จะบอกว่าฉันวอนหาเรื่องเองสินะ? ”
“ช่างมันเถอะ” ซูซีมู่จุมพิตลงบนหน้าผากกลม แล้วพูดต่อ “ทำในสิ่งที่เธออยากทำ ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ”
โล่เฟยเอ๋อซบหน้าลงกับแผงอกแข็งแรงแล้วปิดตาสนิท ไม่นานก็เอ่ยถามขึ้น “เรายังไปช็อปปิ้งอยู่ไหม? ”
“แน่นอน” ซูซีมู่พยักหน้า
“ฉันจะซื้อของเตรียมให้ลูก”
“ตกลง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้เพศของลูก เราจะซื้อของของเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงดี? ”
ท่านประธานซูโบกมืออย่างวางมาด “ซื้อมาทั้งสองเพศนั่นแหละ”
“อืม เราซื้อมาเผื่ออีกชุดหนึ่ง ถึงเวลาที่เฉียวเฉียวคลอด เราค่อยให้เป็นของขวัญ”
“ได้…”
เมื่อผ่านไปสองเดือน ตอนที่ลูกของหซิวหชูเฉียวและลู่ยู่เกิด ซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อให้ของใช้เด็กอ่อนทั้งของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายอย่างละชุดเป็นของขวัญ สีหน้าของหซิวหชูเฉียวและลู่ยู่นั้นยากจะอธิบาย.