บทที่392 ย้ายกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมงซูยุ่นก็มาถึง
“พี่สะใภ้” เธอเอ่ยทักทายโล่เฟยเอ๋อ แล้วจึงหันมาทักซูซีมู่เสียงเบา “พี่คะ”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ เสียวเรียบ แล้วลุกขึ้นเดินไปห้องอาหาร
โล่เฟยเอ๋อยิ้ม แล้วพูดต้อนรับซูยุ่น “หิวแล้วละสิ? ไปกินข้าวกันเถอะ”
“อ้อ ค่ะ” ซูยุ่นพยักหน้า
ที่โต๊ะอาหาร โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่สวีทจนน่าอิจฉา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ละเลยต่อซูยุ่น คอยคีบอาหารให้เธอเป็นระยะ ไม่ก็เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูยุ่นนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋อที่ห้องรับแขก จนกระทั่งสามทุ่มหญิงสาวจึงลุกขึ้นเตรียมเอ่ยลา
“พี่สะใภ้ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
“ดึกขนาดนี้ นอนที่นี่เถอะ” โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ซูยุ่นลังเลนิดหน่อย “คือ…”
โล่เฟยเอ๋อพูดรวบรัด “นอนที่นี่แหละ ดึกขนาดนี้จะไปนอนโรงแรมก็ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่”
ขณะเดียวกันซูซีมู่ก็หันมาเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าพรุ่งนี้เธอมีธุระ นั่งรถเข้าเมืองไปกับฉันก็ได้”
โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่พูดขนาดนี้ ต่อให้ซูยุ่นไม่อยากค้าง ก็คงต้องค้างซะแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น จริงๆ เธอก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ เพียงแต่กลัวว่าพี่จะไม่อยากให้เธอค้างก็เท่านั้น
แต่การมาของซูยุ่นในครั้งนี้ ก็อยู่ยาวจนครบกำหนดทำงานนอกสถานที่
ตลอดเวลาที่พักที่นี่ เธอยังคิดว่าจะได้เจอกับโจวเฉิง ถึงยังไงเขาก็เป็นเลขาของซูซีมู่ ถ้าจะแวะมาหาเขาที่บ้านย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่คิดว่าโจวเฉิง จะไม่โผล่หน้ามาแม้แต่วันเดียว
มันทำให้ซูยุ่นรู้สึกผิดหวังแปลกๆ
วันที่จะต้องจากเมืองA เธอยังอุตส่าห์ถามข่าวคราวของเขาจากโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างไม่ใส่ใจขณะกำลังดูโทรทัศน์ “เธอหมายถึงโจวเฉิง หรอ? พี่ชายเธอส่งเขาไปประเทศMแล้วล่ะ”
“เขาไปประเทศMแล้วหรอคะ? ” เมื่อได้ยินสิ่งที่โล่เฟยเอ๋อพูด ซูยุ่นก็อุทานออกมา
โล่เฟยเอ๋อมองซูยุ่นแล้วถามอย่างแปลกใจ “ใช่ มีอะไรหรอ? ”
“เปล่า เปล่าค่ะ” ซูยุ่นพูดติดกันสองครั้ง แล้วเอ่ยลาโล่เฟยเอ๋อก่อนจะจากมาอย่างรีบร้อน
ตอนเย็น โล่เฟยเอ๋อเล่าถึงปฏิกิริยาแปลกๆ ของซูยุ่นให้ซูซีมู่ฟัง
“คุณว่า ทำไมพอซูยุ่นได้ยินว่าโจวเฉิง ไปประเทศM ต้องทำท่าทางตื่นตระหนกขนาดนั้นคะ? ”
นัยน์ตาของซูซีมู่เผยประกาย แล้วตอบ “เธอคงจะมีธุระกับโจวเฉิง ล่ะมั้ง”
“อืม เป็นไปได้…”
กำลังจากที่ซูยุ่นจากไป โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่จึงย้ายกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู
เพราะโจวเฉิง ต้องไปที่ประเทศM ทำให้ซูซีมู่ต้องเข้าไปคุมงานที่บริษัท เขาไม่สามารถคอยอยู่ดูแลโล่เฟยเอ๋อได้ตลอดเวลา สุดท้ายซูซีมู่จึงตัดสินใจพาโล่เฟยเอ๋อย้ายกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซู และให้คุณท่านช่วย ‘ดูแล’ หลานสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์
คุณท่านเคร่งครัดกับ ‘หน้าที่’ ที่หลานชายมอบหมายให้อย่างเอาจริงเอาจัง
กิจกรรมทุกอย่างทำได้ไกลที่สุดคือหน้าประตูคฤหาสน์ อย่าได้คิดแม้แต่จะออกไปไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณท่านไปเอาไม้เท้าหัวมังกรมาจากไหน จากนั้นก็เฝ้าโล่เฟยเอ๋ออยู่หน้าประตูทั้งวัน
กิจวัตรในช่วงนี้ของโล่เฟยเอ๋อเป็นดังนี้ : แปดโมงเช้าตื่นนอน กินข้าว ออกไปเดินเล่นหน้าคฤหาสน์ได้ครึ่งรอบก็ถูกผู้ดูแลบ้านเรียกกลับ จากนั้นก็ไปเรือนดอกไม้กับคุณปู่ ดูคุณปู่จัดดอกไม้
กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ออกไปเดินย่อยในสวนครึ่งรอบก็ต้องรีบกลับมานอนกลางวัน ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือ แล้วก็กินข้าวเย็น กินข้าวเย็นเสร็จส่งต่อหน้าที่ให้ซูซีมู่พาเธอเดินย่อยที่สวน จากนั้นก็นั่งดูข่าวเป็นเพื่อนคุณท่าน ส่วนซูซีมู่ก็สะสางงานต่อในห้องหนังสือ
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ โล่เฟยเอ๋อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
โล่เฟยเอ๋อเกาะไหล่ซูซีมู่ในสภาพชุดนอนด้วยท่าทางขี้เกียจ “ซูซีมู่…”
ซูซีมู่ยื่นมือออกไปลูบศีรษะเธอแผ่วเบาอย่างเอาใจ
โล่เฟยเอ๋อจีบปากจีบคอเรียกเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เรียกเขาว่า ‘ซูซีมู่’ แต่เป็นคำว่า ‘ที่รัก’
ซูซีมู่รีบวางเอกสารในมือลง แล้วรวบร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ว่ายังไง? ”
โล่เฟยเอ๋อพ่นเสียงงอน “คุณปู่เคร่งครัดขนาดแค่ดูทีวีก็ห้ามดูเกินสองชั่วโมง อ่านหนังสือห้ามเกินสามชั่วโมงต่อวัน ฉันเบื่อจริงๆ นะ”
ซูซีมู่ก้มหน้าจูบมุมปากของเธอ แล้วถามยิ้มๆ “มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย? ”
“ขนาดนั้นเลย ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมู” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูซีมู่ยกมือขึ้น ใช้นิ้วแตะปลายจมูกมน “มีใครเขาว่าตัวเองแบบนี้มั่ง? ”
“ก็มันจริงนี่นา” โล่เฟยเอ๋อโอบคอซูซีมู่แล้วโยกไปโยกมา “ไม่รู้แหละ ฉันอยากออกไปนี่นา… ”
ซูซีมู่ถูกอ้อนจนหมดเรี่ยวแรง “โอเคๆๆ ผมจะไปกับคุณ”
โล่เฟยเอ๋อกะพริบตาปริบๆ แล้วถาม “คุณกำลังยุ่งอยู่ไม่ใช่หรอ? ”
“ขอโทษนะ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ผมไม่ได้ดูแลคุณเลย” น้ำเสียงของเขารู้สึกผิดต่อเธอ
โล่เฟยเอ๋ออึ้งเล็กน้อย ก่อนจะจุ๊บลงบนแก้มของเขาอย่างแรง “คนโง่ ขอโทษอะไรกันคะ? อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันสบายดีมาก ก็แค่รู้สึกเบื่อนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ต่อไปผมจะไม่ให้คุณรู้สึกเบื่ออีกแล้ว” หลังจากนี้เขาจะหาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มากขึ้น…
วันต่อมาโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่กำลังจะออกไปข้างนอก คุณท่านก็กำชับแล้วกำชับอีก จนเกือบจะให้ซูซีมู่เขียนหนังสือยืนยันด้วย เพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับโล่เฟยเอ๋อ
เมื่อเข้ามานั่งบนเบาะข้างคนขับ โล่เฟยเอ๋อก็ตบหน้าอก “คุณปู่โอเวอร์เกินไปไหม? ”
“เขาเป็นห่วงคุณกับลูกน่ะ” ซูซีมู่ตอบ
“ก่อนหน้านี้ทำไมฉันไม่เห็นว่าเขา… เอ๊ะ…” จู่โล่เฟยเอ๋อก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหันไปหาซูซีมู่ “ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้บอกคุณปู่? ”
“ลืมน่ะ” ซูซีมู่พูดเสียงเรียบ
มิน่าล่ะ จู่ๆ คุณท่านก็กระวนกระวายกับเธอขึ้นมา ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
“คุณปู่ไม่ด่าคุณหรอ? ” มาคิดๆ ดูตอนนั้นที่ซูซีมู่ขาดการติดต่อไป แต่ต่อมาคุณท่านก็รู้เรื่องที่พวกเขาจงใจปิดบังเข้าจนได้ ตอนนั้นคุณท่านด่าซูซีมู่ไปชุดใหญ่ (เหอะๆ ความจริงคนที่ต้องรับกรรมคือตัวการอย่างโล่เฟยเอ๋อ แต่คุณท่านคงด่าเธอไม่ลง)
ปิดบังเรื่องที่โล่เฟยเอ๋อตั้งท้อง จากที่เธอรู้จักคุณท่าน ไม่มีทางที่ซูซีมู่จะไม่โดนด่า
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว แล้วตอบกลับ “ไม่ได้ด่า แต่ใช้ไม้เท้าหัวมังกรนั่นไล่ฟาด”
โล่เฟยเอ๋อหลุดหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ …”
ซูซีมู่ไม่ได้ห้ามอะไร เขาตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ก็คนที่กำลังนั่งอยู่บนรถคันนี้น่ะ เป็นโลกทั้งใบของเขาเชียวนะ
กลังจากที่โล่เฟยเอ๋อหัวเราะจนพอใจแล้ว จึงถามต่อ “โดนฟาดตอนไหน? แผลใหญ่หรือเปล่า? ทำไมคุณไม่บอกฉัน? ”
“คืนที่กลับมาวันนั้นไง ก็ฟาดอยู่สองสามที ไม่ได้รุนแรงอะไร” ซูซีมู่ตอบไม่ใส่ใจ
โล่เฟยเอ๋อพูดเสียงหนัก “ฉันดูแผลหน่อย”
“หายแล้ว ไม่ต้องดูหรอก” ซูซีมู่ส่ายหน้า
แต่โล่เฟยเอ๋อดึงดันจะดู “ฉันจะดูนี่นา”
“เดี๋ยวเราช็อปปิ้งเสร็จ ค่อยไปดูที่บริษัทดีไหม? ” ซูซีมู่ต่อรอง
โล่เฟยเอ๋อใช้ความคิด แล้วตอบตกลง “ได้