บทที่401 โจวเฉิงกับซูยุ่นร่วมห้องนอน
ซูยุ่นกับโจวเฉิงแต่งงานกัน โล่เฟยเอ๋อเองก็ปรึกษากับซูซีมู่ว่าจะมอบอะไรให้เป็นของขวัญวันแต่งงานแก่ทั้งคู่ดี
ยังไงซะซูซีมู่ก็ไม่ใช่แค่เจ้านายของโจวเฉิง แต่ยังเป็นพี่ชายของซูยุ่น
“คุณว่าเราให้วิลล่ากับพวกเขาสองคนเป็นไงคะ?” โล่เฟยเอ๋อถามความเห็นของซูซีมู่
ซูซีมู่กำลังอ่านเอกสาร เขาตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้า “อืม”
“อืมอะไรคะ? ฉันจะฟังความเห็นคุณนะ” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
ซูซีมู่วางเอกสารในมือลง แล้วถาม “เธอบอกว่าจะยกวิลล่าให้พวกเขา?”
“ถือซะว่าให้บ้านใหม่กับพวกเขา ดีไหมคะ?” โล่เฟยเอ๋อรอคอยความเห็นจากเขา
ซูซีมู่ว่า “ก่อนหน้านี้เหมือนจะได้ยินโจวเฉิงพูดว่ากำลังตกแต่งบ้านใหม่อยู่”
“มีบ้านแล้วหรอคะ?” โล่เฟยเอ๋อรู้สึกท้อแท้
ซูซีมู่ยกมือขึ้นลูบผมของโล่เฟยเอ๋อแผ่วเบา แล้วพูดปลอบ “โจวเฉิงแต่งงานกับซูยุ่น ก็คงอยากจะให้เธออยู่บ้านของเขานั่นแหละ อีกอย่างบ้านของโจวเฉิงหลังนั้นก็ไม่เลว เป็นห้องสูทสองชั้นสร้างใหม่ในเขตวิลล่าหลันถิง”
ได้ยินซูซีมู่เอ่ยคำว่าวิลล่าหลันถิง ดวงตาของโล่เฟสเอ๋อก็เปล่งประกาย “วิลล่าหลันถิง? งั้นเราสองคนก็ย้ายไปอยู่ที่วิลล่าหลันถิงด้วยดีไหมคะ?”
ข้อเสนอของโล่เฟสเอ๋อ แน่นอนว่าซูซีมู่ย่อมเห็นดีด้วย “แต่ต้องรออีกสักระยะหนึ่ง”
เมื่อได้ยินว่าไม่สามารถย้ายไปได้ทันที โล่เฟยเอ๋อแอบผิดหวังหน่อยๆ “เอาเถอะ”
“เป็นอะไร?” ซูซีมู่ถามแปลกใจ
โล่เฟยเอ๋อว่า “ย้ายไปพร้อมพวกซูยุ่นไม่ได้ ฉันเซ็ง”
พอได้ยิน ซูซีมู่จึงยิ้มบางๆ ออกมา “ใครบอกว่าย้ายไปพร้อมพวกเขาไม่ได้ล่ะ”
“ไหนเมื่อกี้คุณบอกว่าต้องรออีกสักระยะไง?” โล่เฟยเอ๋อท้วง
ซูซีมู่กอดโล่เฟยเอ๋อเข้าอ้อมอก แล้วอธิบาย “บ้านของโจวเฉิงยังอยู่ในระหว่างการตกแต่ง คุณท่านก็เอ่ยปากแล้วว่าให้เขาสองคนมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซูชั่วคราว ถ้าจะย้ายไปอยู่ที่วิลล่าหลันถิงพร้อมพวกเขา ก็ต้องรอไม่ใช่หรือไง?”
เมื่อฟังเขาอธิบายจบ โล่เฟยเอ๋อก็เขิน “ทำไมไม่พูดให้ชัดๆ ตั้งแต่แรกล่ะ?”
“ฉันผิดเอง” ซูซีมู่รับบทสามีดีเด่นแห่งชาติ ยอมรับผิดอย่างไม่มีเงื่อนไข
โล่เฟยเอ๋อส่งเสียงหึ แล้วเอ่ยต่อ “งั้นเราจะให้อะไรเป็นของขวัญแต่งงานพวกเขาดีคะ?”
“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” ซูซีมู่ก้มหน้าจูบลงบนแก้มของโล่เฟยเอ๋อ แล้วตอบ
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย “เตรียมอะไรคะ?”
“ตามธรรมเนียมของตระกูลซู หุ้นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์” ซูซีมู่ตอบ
“ทำไมคุณไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้คะ?” โล่เฟยเอ๋อหาวออกมา จากนั้นจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ ซูยุ่นทำงานอยู่ที่เมืองหลวง ส่วนโจวเฉิงทำที่เมืองA เขาสองคนก็แยกกันอยู่หรอคะ?”
“คุณปู่เคยพูดว่าจะให้คุณลุงสองย้ายตัวซูยุ่นมาที่เมืองA” ซูซีมู่พูดขณะที่อุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้น แล้วเดินไปยังห้องนอน
“ทำอะไรของคุณเนี่ย? ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลย” โล่เฟยเอ๋อขัดขืน
“ดึกมากแล้ว เข้านอนเถอะ”
“ไม่นอน ฉันยังมีเรื่องอยากถามคุณอีกนะ”
“ค่อยถามต่อบนเตียง…”
ในคฤหาสน์อีกหลัง โจวเฉิงกับซูยุ่นกำลังนั่งอยู่ในห้องนอน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันไปมา
อย่าโทษที่พวกเขาต้องเป็นแบบนี้ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันช่างทำให้เขาสองคนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
เดิมทีซูยุ่นจะกลับเมืองAพร้อมโจวเฉิง นัดเจอกับเหซิงถิง จากนั้นค้างที่โรงแรมสักคืน แล้วกลับเมืองหลวงแต่เช้า
แต่สิ่งที่ได้คือคุณท่านออกคำสั่งมาว่า ให้พวกเขามากินข้าวเย็นที่คฤหาสน์ตระกูลซู
จากนั้นพอกินมื้อเย็นเสร็จ คุณท่านที่ได้ยินว่าบ้านใหม่ของโจวเฉิงยังตกแต่งไม่เสร็จ จึงตัดสินใจให้เขาสองคนมาพักอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซูซะ
จากนั้นทั้งสองคนจึงมานั่งอยู่ในห้องนอน ดวงตากลมโตสองคู่มองกันไปมา จนกระทั่งตอนนี้
โจวเฉิงลุกขึ้น เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ” คุณนอนเถอะครับ”
ซูยุ่นมองชายหนุ่ม ไม่ได้พูดอะไรแม้ความจริงเธอจะอยากถามว่า แล้วนายล่ะ? แต่ก็พูดไม่ออก
ราวกับเขาอ่านความคิดเธอออก จึงพูดขึ้นเสียงเรียบ “ผมไปนอนที่ห้องรับแขก”
พูดๆ อยู่ โจวเฉิงก็เปิดประตูห้องนอนออก แล้วก้าวออกไปก้าวหนึ่ง จากนั้นราวกับนึกอะไรได้ เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาหาซูยุ่น “คุณหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เข้ามาแน่นอน”
คุณหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เข้ามาแน่นอน…ทำให้หญิงสาวที่อยู่ภายในห้องเกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก
เธออ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา แค่มองเขาเดินออกจากห้องไป
ในห้องนอนกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ซูยุ่นนั่งเงียบๆ อยู่สักพัก ก่อนจะลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แล้วจึงกลับมาที่เตียง
หลังจากทิ้งตัวลงนอน เธอกลับพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ
ในสมองเต็มไปด้วยคำพูดที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ‘คุณหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เข้ามาแน่นอน’
ให้ตายสิ ทำไมเธอต้องแคร์ขนาดนี้ด้วย? ออกไปนอนข้างนอก ก็เป็นสิ่งที่เขาควรทำไม่ใช่หรือไง?
ซูยุ่นเอาผ้าห่มคลุมหัวด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น แล้วนับแกะในใจกล่อมตัวเองให้หลับ
แต่กระนั้น ไม่ว่าจะพยายามฝืนเท่าไหร่ เธอก็ไม่มีวี่แววจะหลับสักนิด
สุดท้ายเธอจึงผละผ้าห่มออก ลงจากเตียง แล้วเดินออกไปยังห้องรับแขก
ที่ห้องรับแขกมีเพียงแสงจากโคมไฟติดผนังดวงหนึ่งส่องสว่างอยู่ ทำให้เห็นเงาของคนกำลังนอนอยู่บนโซฟาลางๆ
คงเป็นเพราะหลับไม่สบาย เขาจึงขยับตัวไปมาไม่หยุด
โซฟาขนาดเมตรกว่าๆ ในขณะที่โจวเฉิงสูงร้อยแปดสิบเซ็น ให้ไปนอนตรงนั้น จะสบายตัวได้ไง?
ซูยุ่นเอ่ยปากออกไปแบบไม่ผ่านกระบวนความคิด “นายนอนหรือยัง?”
เมื่อได้ยินเสียงของซูยุ่น โจวเฉิงรีบเด้งตัวลุกขึ้น “ทำไมครับ?”
ไม่ทันรอให้ซูยุ่นเอ่ยปาก เขารีบถามขึ้นอีก “อยากดื่มน้ำหรอครับ? เดี๋ยวผมไปเทให้…”
โจวเฉิงยังพูดไม่จบ ซูยุ่นก็ตัดบท “เปล่า”
“งั้นคุณ…” โจวเฉิงมองซูยุ่นอย่างสงสัย
ซูยุ่นรีบพูดต่อ “นายไปนอนในห้องนอนเถอะ”
นายไปนอนในห้องนอนเถอะ! จู่ๆ ก็ได้ยินซูยุ่นพูดแบบนั้น โจวเฉิงนึกว่าตัวเองฝันไป เขาอึ้งไปนิดหน่อย แล้วหย่อนเอวลงนั่งบนโซฟา
ซูยุ่นคิดไม่ถึงว่า โจวเฉิงจะไม่ได้มีปฏิกิริยากับคำพูดของเธอสักเท่าไหร่
หรือว่าเขาได้ยินไม่ได้ยิน?
ซูยุ่นลังเลไปเล็กน้อย แล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “นายอย่านอนบนโซฟาเลย นอนบนนี้ไม่สบายตัว ไปนอนบนห้องเถอะ…พรุ่งนี้นายต้องทำงานอีก…นอนบนเตียงจะได้สบายหน่อย…”
ถึงแม้ว่าซูยุ่นจะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งไปมากกว่าแค่อยากให้โจวเฉิงนอนบนเตียงจะได้หลับสบายตัวหน่อย แต่การเชื้อเชิญคนขึ้นเตียงอย่างโต้งๆ แบบนี้มันก็ทำให้เธอเขินอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นทันทีที่พูดจบ เธอก็รีบเดินขึ้นห้องด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอดึงผ้าขึ้นมาคลุมหัวตัวเองมิด เพื่อซ่อนตัวอยู่ข้างใต้ เธอตบใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองเบาๆ จากนั้นถึงได้หายใจออกมาช้าๆ
ผ่านไปพักใหญ่ๆ ซูยุ่นได้ยินเสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก เธอรีบกลั้นหายใจทันที
แม้จะมีผ้าห่มผืนหนากั้นอยู่ แต่ซูยุ่นก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของโจวเฉิงที่มองมา
เขายืนอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ปิดมันลงเบาๆ แล้วเดินเข้ามาในห้อง
ซูยุ่นฟังเสียงของโจวเฉิงที่เดินใกล้เข้ามา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงถอดเสื้อผ้า จากนั้นเธอจึงรู้สึกได้ถึงเตียงอีกฝั่งที่ยุบตัวลง
ตอนแรกเธอคิดว่าการที่เขานอนอยู่ข้างๆ แบบนี้ จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เพราะถึงยังไงเขาก็ยังไม่ได้คุ้นเคยกับเธอมากขนาดนั้น แม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันแล้วก็ตาม
แต่คิดไม่ถึง หลังจากที่เขาทิ้งตัวลงนอน เธอกลับไม่รู้สึกอึดอัดสักนิด ตรงกันข้าม กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ จากตัวเขา ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ก่อนที่ไม่นานเธอจะหลับไป…