บทที่ 431 โล่เฟยเอ๋อแอบตามซูซีมู่ไปที่บริษัท
โล่เฟยเอ๋อตอบออกไปโดยแทบไม่ต้องคิด : “กลับไป”
ที่เธอมาเมือง S ก็เพื่องานแต่งของซือจิ้งสวนกับเหซิงโม่
โล่เฟยเอ๋อหันสายตามาด้านหน้า
เหซิงโม่ในตอนนี้ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้าคำหนึ่ง “ก็ได้”
“อะไร?” บาทหลวงไม่เข้าใจความหมายของเขา
เหซิงโม่จึงได้พูดออกมาอย่างรำคาญ “ผมจะแต่งงานกับเธอ”
“คุณเหซิงโม่ขอรับคุณซือจิ้งสวนเป็นภรรยา! ซือจิ้งสวน คุณจะรับคุณเหซิงโม่เป็นสามีของคุณไหม? ยินดีเป็นภรรยาของเขาไหม ไม่ว่าจะช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี ยามรวยหรือยามจน ในยามไข้และสบายดี ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ จะรักเขา ซื่อสัตย์ต่อเขาตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่?”
ซือจิ้งสวนหันกลับมา มองไปยังเหซิงโม่ จากนั้นก็ตอบออกมาอย่างช้า ๆ ทีละคำ “ฉัน ซือจิ้งสวน ยินดีรับคุณเหซิงโม่เป็นสามี ยินดีเป็นภรรยาของเขา ไม่ว่าจะช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี ยามรวยหรือยามจน ในยามไข้และสบายดี ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ จะรักเขา ซื่อสัตย์ต่อเขาตราบชั่วชีวิตของฉัน!”
คนที่อยู่ในงาน ใครที่ได้ยินซือจิ้งสวนพูด ก็สามารถฟังออกถึงความรักและความจริงใจที่เธอมีต่อเหซิงโม่
แต่ทว่า เหซิงโม่ที่ถูกบังคับให้แต่งงาน กลับมีสีหน้าประชดประชันเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน : “เสแสร้งจริง ๆ ”
แววตาของซือจิ้งสวนมืดลง แต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
บาทหลวงดำเนินพิธีการในงานแต่งต่อไป
หลังจากที่พิธีการเสร็จสิ้น ผู้คนเริ่มค่อย ๆ แยกย้ายกันไป
เหซิงโม่ที่แสดงบทเจ้าบ่าวมานาน ในที่สุดก็ถอดหน้ากากออก มือหนึ่งดึงดอกไม้ที่ติดอยู่บนเสื้อสูทออก แล้วเขวี้ยงทิ้งลงบนหาดทราย
ซือจิ้งสวนเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คิดจะเก็บขึ้นมา แต่กลับถูกเหซิงโม่ผลักออก
“คนไปหมดแล้ว ยังเสแสร้งอะไรอีก?”
ซือจิ้งสวนไม่ตอบเหซิงโม่ เพียงแต่พูดว่า : “ดอกไม้ประดับอกนั้น เดี๋ยวคุณไปที่โรงแรมยังต้องติดมันอีกนะ”
เหซิงโม่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า : “ใครจะติดก็ติดไปสิ อย่ามาทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนอีก”
พูดจบ เหซิงโม่ก็หันตัวจะเดินจากไป
“เหซิงโม่ คุณอย่าไปนะ” ซือจิ้งสวนยื่นมือไปคว้าแขนของเขาไว้
“ปล่อย” เหซิงโม่พูดพลางยกมือขึ้น แล้วใช้แรงสะบัดออก
ซือจิ้งสวนไม่ทันได้ระวังตัว เลยถูกเขาสะบัดจนล้มลงบนหาดทราย
“เหซิงโม่ นายกำลังทำอะไรน่ะ?” น้ำเสียงโมโหดังขึ้น เป็นโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ที่เดินเข้ามา
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อจะเข้าไปพยุงซือจิ้งสวนขึ้นมา แต่ซูซีมู่ที่เร็วกว่าหนึ่งก้าว ได้เป็นคนดึงซือจิ้งสวนขึ้นมาก่อน
โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความเป็นห่วง “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ซือจิ้งสวนฝืนยิ้มออกมา แล้วตอบ “ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นไร”
เหซิงโม่ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว “เฟยเอ๋อ ยัยนั่นเสแสร้ง เธออย่าไปหลงเชื่อนะ”
“เหซิงโม่ ตอนนี้ฉันไม่อยากพูดกับนาย” โล่เฟยเอ๋อจ้องเขม็งใส่เหซิงโม่ จากนั้นก็หันกลับไปพูดกับซือจิ้งสวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “สายแล้ว พวกเราเข้าโรงแรมกันเถอะนะ?”
ซือจิ้งสวนลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้า “ตกลง”
โล่เฟยเอ๋อและซือจิ้งสวนจะไปแล้ว ซูซีมู่ก็ต้องตามไปด้วยเป็นธรรมดา
แต่เขาเพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็ถูกเหซิงโม่ดึงเอาไว้
“ซูซีมู่ เฟยเอ๋อเป็นอะไรไป? ยัยผู้หญิงบ้าคนนั้นมีอะไรดี ถึงทำให้เธอปกป้องยัยนั่นขนาดนั้น?”
ซูซีมู่ชำเลืองมองเขาอย่างเรียบ ๆ จากนั้นก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “บางเรื่อง อย่ามองแต่ภายนอก” แล้วก็รีบเดินตามโล่เฟยเอ๋อกับซือจิ้งสวนไป
“บางเรื่อง อย่ามองแต่ภายนอก?” เหซิงโม่รู้สึกว่าคำพูดของซูซีมู่นั้นประหลาดนัก เมื่อหันกลับมาเขาก็ลืมมันหมดแล้ว
รอถึงวันนั้น ตอนที่เขาเข้าใจคำพูดประโยคนั้นของซูซีมู่ขึ้นมาจริง ๆ คงรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ซือจิ้งสวนเอ่ยขอบคุณโล่เฟยเอ๋ออย่างจริงใจ “ขอบคุณเธอนะ ที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสแต่งงานกับเขา”
ก็จริง ที่ซือจิ้งสวนได้แต่งงานกับเหซิงโม่ เป็นเพราะโล่เฟยเอ๋อช่วยเธอคิดหาวิธี
โล่เฟยเอ๋อให้ซือจิ้งสวนแกล้งทำเป็นเสียใจแล้วจากไป หลังจากนั้นคนของบ้านเหซิงต้องการให้เธอและลูกในท้องของเธออยู่ต่อ เลยรับปากว่าจะทำทุกทางเพื่อให้เหซิงโม่แต่งงานกับเธอ
จากนั้นโล่เฟยเอ๋อก็ตั้งใจให้ซูซีมู่พาเธอกลับในเมือง รอให้เหซิงโม่ทนไม่ได้จนตามกลับมา ก็แจ้งคนของบ้านเหซิงให้จับตัวเหซิงโม่เอาไว้
ไม่อย่างนั้น จะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ พอเหซิงโม่กลับถึงในเมือง คนบ้านเหซิงก็รู้ทันที
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยถาม “เห็นท่าทีของเหซิงโม่แล้ว เธอเสียใจไหมที่แต่งงานกับเขา?”
“มีอะไรต้องเสียใจเหรอ? ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตฉัน ก็คือแต่งงานกับเขา” ซือจิ้งสวนตอบออกมา
ได้ยินซือจิ้งสวนพูดอย่างนี้ โล่เฟยเอ๋อก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่บอกว่า : “มีเรื่องอะไรให้ช่วย เธอก็โทรหาฉันนะ”
“ฉันจะโทร ขอบคุณนะ” ซือจิ้งสวนพยักหน้าเอ่ยขอบคุณ
“ไม่ต้องเกรงใจ เธอไปเถอะ พวกเขากำลังรอเธออยู่” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังคนของครอบครัวเหซิงที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วเอ่ยพูด
“อืม ได้” ซือจิ้งสวนมองไปทางนั้น จากนั้นพยักหน้าแล้วจากไป
มองตามหลังซือจิ้งสวนที่จากไป แล้วโล่เฟยเอ๋อถึงได้เดินไปหาซูซีมู่ที่ยืนรอเธออยู่ไม่ไกล
ซูซีมู่ยกมือขึ้นมาปัดผมที่กระจายอยู่บนหน้าผากของโล่เฟยเอ๋อ แล้วเอ่ยถาม “คุยกันเสร็จแล้วเหรอ?”
“คุยเสร็จแล้ว” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
ซูซีมู่ “อืม” คำหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ : “ฉันให้คนของโรงแรมเตรียมเกี๊ยวกุ้งขึ้นชื่อของพวกเขาเอาไว้ อยากลองชิมสักหน่อยไหม?”
“ค่ะ” หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อพูดคำว่า ค่ะ จบ ก็ถามเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “นายไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันกับซือจิ้งสวนคุยอะไรกัน?”
“ไม่ถาม” ซูซีมู่ทำท่าราวกับรอให้เธอเป็นคนบอกฉันเอง ทำให้โล่เฟยเอ๋อมีสีหน้าลำบากใจ “ฉันยังบอกนายไม่ได้ในตอนนี้”
ซูซีมู่พยักหน้า “รอให้เธออยากบอกฉันเมื่อไหร่ ก็ค่อยบอกละกัน”
“ตกลง” โล่เฟยเอ๋อมุมปากโค้งขึ้น ยิ้มออกมา
สายตาของซูซีมู่มีรอยยิ้มละมุนเปล่งประกายออกมา แล้วเอ่ยถาม “ไปทานเกี๊ยวกุ้งไหม?”
“ไปค่ะ……”
หลังกลับมาจากเมือง S โล่เฟยเอ๋อก็ได้อยู่บ้านเพื่อรอคลอดอย่างสบายใจ
พูดเป็นเล่นไป ตั้งท้องตั้งแปดเดือนกว่าแล้ว ต่อให้เธออยากไปเที่ยวเล่นที่ไหน ก็ต้องรอให้ซูซีมู่อนุญาตก่อนอยู่ดี
แต่หลายวันมานี้ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ไม่สิ รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเลยล่ะ
เดิมที ช่วงนี้ที่บริษัทมีลูกค้าสำคัญมาดูงาน จำเป็นต้องให้ซูซีมู่มาต้อนรับด้วยตัวเอง
ที่จริงซูซีมู่ต้องต้อนรับลูกค้าก็ต้อนรับไป โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สนใจอะไร ยังไงก็เป็นลูกค้าสำคัญของบริษัท และทุกวันซูซีมู่ก็คอยต้อนรับเพียงแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ช่วงบ่ายเขาจะกลับบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
แต่ว่า ทุกวันที่ซูซีมู่กลับมา บนตัวจะมีกลิ่นน้ำหอมฟุ้งติดมาด้วย นั่นหมายความว่าไปใกล้ชิดกับผู้หญิงมาน่ะสิ
ถ้าโล่เฟยเอ๋อสบายใจก็คงแปลกแล้วล่ะ……
ดังนั้นวันนี้ หลังจากซูซีมู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วไปบริษัทได้ไม่นาน
โล่เฟยเอ๋อก็เก็บของ แล้วลุกขึ้น
ที่จริงคนรับใช้ไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อออกจากบ้าน แต่โล่เฟยเอ๋อบอกกับคนรับใช้ว่าเธอเบื่อที่อยู่แต่บ้าน อยากไปเดิน ๆ ที่บริษัทสักหน่อย และเธอก็เต็มใจพาคนรับใช้ไปด้วยกัน
คนรับใช้ได้ยินเธอพูดดังนั้น ก็ไม่ได้รั้งเธอไว้อีก
หลังจากเก็บของเรียบร้อย ก็ตามเธอขึ้นรถไป..