บทที่ 429 ผู้หญิงบ้าซือจิ้งสวน
เพื่อหลบหนีการบังคับแต่งงาน เหซิงโม่จึงอยู่ใช้ชีวิตต่อในปราสาทวิลล่า
เดิมทีเขาคิดว่า แบบนี้ก็จะไร้ข้อผิดพลาดแล้ว ในเมื่อที่นี่ของซูซีมู่ แม้แต่บิดาของเขา ก็ต้องให้เกียรติไว้หน้า
กลับคิดไม่ถึง ว่าหลายวันผ่านไป ผู้หญิงคนนั้นจะตามมาถึงหน้าประตู
เมื่อได้ฟังคนใช้รายงาน ว่ามีคนชื่อซือจิ้งสวนมาเยี่ยมเยียน ทีแรกเหซิงโม่ที่กำลังนั่งสบายๆ บนโซฟา ก็รีบกระโดดขึ้นมา
“ผู้หญิงบ้านั้นตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง”
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างประหลาดใจ “เธอคือคนนั้นที่คุณบอกเหรอ”
“คือเธอนั่นแหละ คือเธอนั่นแหละ”เหซิงโม่พูดคือเธอนั่นแหละติดต่อกันสองครั้ง จากนั้นก็รีบร้อนไปที่บันได ขณะที่เดิน ก็พูดไปด้วย” เฟยเอ๋อ เธออย่าบอกเขานะ ว่าฉันอยู่ที่นี่”
อันที่จริงโล่เฟยเอ๋ออยากจะบอกออกไปมากๆ ว่าที่คนเขามาหาถุงหน้าประตู ต้องได้ข้อมูลที่แน่ชัดมาแล้วอย่างแน่นอน ว่าเขาอยู่ที่นี่
แต่วพอเห็นเหซิงโม่ตกใจจนหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดออกมา
รอหลังจากเหซิงโม่ออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อมองไปทางซูซีมู่ “คุณไปห้องสมุดเถอะ”
ซูซีมู่ขมวดคิ้วถาม”ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“ไม่ต้อง ระหว่างผู้หญิงด้วยกันคุยกันได้ดีกว่า”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธโดยตรง
ซูซีมู่เงียบไปหลายวินาที แล้วตอบตกลง “ฉันอยู่ในห้องโถงเล็กข้างๆ มีเรื่อง เธอเรียกฉันได้”
“อือ คุณไปเถอะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
รอหลังจากที่ซูซีมู่ออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อจึงสั่งคนใช้ให้พาคนเข้ามา
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อคิดว่าซือจิ้งสวนเป็นยัยเด็กไม่รู้เรื่องอะไร หรืออาจจะเป็นคนที่นิสัยมีปัญหา เพราะเหซิงโม่พูดมาตลอดว่าเธอคือผู้หญิงบ้า
แต่หลังจากที่ซือจิ้งสวนเข้ามาแล้ว โล่เฟยเอ๋อถึงพบว่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด
ซือจิ้งสวนคนนี้มีรูปหน้าตาที่สะสวย เธอใส่เดรสสีชมพูอ่อน ผมยาวเกล้าขึ้น เผยให้เห็นถึงคอเรียวระหง โดยสวมต่างหูไข่มุกสีขาว ดูสวยสง่าเรียบหรู
แม้จะดูยังไง ก็ดูไม่เกี่ยวกับผู้หญิงบ้าที่เหซิงโม่เคยพูดสักนิด
หรือว่า มองครั้งแรกจะมองไม่ออกถึงสิ่งที่เธอซ่อนไว้
โล่เฟยเอ๋อพูดเช่นนี้กับตัวเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ทักทายกับอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ”
“คุณนายสวัสดีค่ะ มาหาโดยไม่บอกไม่กล่าว ให้อภัยด้วยนะคะ “ซือจิ้งสวนตอบโล่เฟยเอ๋ออย่างมีมารยาท
“ไม่เป็นไร เชิญนั่งค่ะ”โล่เฟยเอ๋อเชิญซือจิ้งสวนนั่ง แล้วสั่งคนใช้เตรียมน้ำชาไปด้วย
“ขอบคุณค่ะ”ซือจิ้งสวนกล่าวขอบคุณเสร็จ ก็นั่งลงบนโซฟา
“ไม่ทราบว่าคุณซือ มาหาฉันมีเรื่องอะไรคะ”
โล่เฟยเอ๋อถาม พร้อมกับสังเกตการณ์ฝ่ายตรงข้ามอย่างเนียนๆ ไปด้วย
พบว่าฝ่ายตรงข้ามตอนที่ยกน้ำชาให้เธอ ไม่เพียงรับไว้ทั้งสองมือ แถมยังกล่าวขอบคุณกับคนใช้อย่างมีมารยาทสุดๆ ไม่มีการดูถูกคนรับเลยสักนิด นี้ทำให้โล่เฟยเอ๋อมีความประทับใจเธอมากยิ่งขึ้น
ซือจิ้งสวนวางแก้วชาในมือลง จากนั้นจึงกระตุกมุมปากตอบ “ฉันอยากเล่านิทานหนึ่งให้คุณนายฟังค่ะ”
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่าซือจิ้งสวนจะมาเล่านิทานให้เธอฟัง เธอนิ่งอึ้งชะงักไปทันที”เล่านิทานเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”ซือจิ้งสวนพยักหน้า จากนั้นถาม”ไม่ทราบว่าคุณนายจะให้โอกาสนี้กับฉันไหมคะ”
โล่เห็นเอ๋อจ้องมองซือจิ้งสวนแวบหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณนาย”ซือจิ้งสวนยิ้มอ่อนโยนให้โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็เริ่มเล่านิทานของเธอ
เมื่อก่อน มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านพวกเขาอยู่ใกล้กัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับหญิงสาวก็ดีมากเช่นกัน
มีวันหนึ่ง บ้านหญิงสาวเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน พ่อแม่ทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบิน หญิงสาวจึงถูกคุณลุงที่รีบมาหาพาออกนอกประเทศ แม้แต่โอกาสบอกลาเด็กผู้ชายหนุ่มก็ไม่มี หญิงสาวคิดถึงชายหนุ่มมาก เธออยากกลับไปหาเขา แต่คุณลุงของเธอไม่อนุญาต จนกระทั่งปีผ่านไป หญิงสาวจึงแอบบินกลับมาหาชายหนุ่ม น่าเสียดาย ที่บ้านของชายหนุ่มย้ายออกไปนานแล้ว
เพราะแบบนี้ชายหนุ่มกับหญิงสาวจึงสูญเสียการติดต่อกัน จนถึงหลายปีผ่านไป หญิงสาวได้บังเอิญ พบกับชายหนุ่ม
ถึงแม้จะผ่านไปเก้าปีแล้ว รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มได้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เธอเห็นครั้งแรกก็สามารถจำเขาได้เช่นเดิม แต่เขากลับจำเธอไม่ได้เลยสักนิด หญิงสาวเสียใจมาก เธอชอบเขามากขนาดนั้น คอยคิดถึงเขา แต่เขากลับลืมเธอตั้งนานแล้ว
เพื่อให้เขาจำจดได้ เธอจึงตามอยู่ข้างหลังชายหนุ่มมาตลอด แม้ชายหนุ่มจะเกลียดเธอมาก ถึงกับเพื่อหลบเธอ หนีกลับบ้าน
หญิงสาวไม่อยากเสียชายหนุ่มไป ความคิดถึงในหลายปีนี้มันทรมานมาก ดังนั้นเธอจึงไล่ตามไปถึงบ้านของชายหนุ่ม
เธอพูดกับคนในบ้านของชายหนุ่มว่าเธอท้องลูกชายหนุ่ม อยากจับชายหนุ่มให้อยู่หมัด
พูดมาถึงตอนนี้ ซือจิ้งสวนกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับโล่เฟยเอ๋อ “คุณนายค่ะ นิทานของฉันจบแล้วค่ะ”
“คุณ…..ผู้หญิงทำไมถึงไม่บอกผู้ชายว่าเธอคือหญิงสาวที่รู้จักเขาตั้งแต่เด็กของเขาคะ”โล่เฟยเอ๋อถามอย่างลังเล
“อาจเป็นเพราะกลัวเธอพูดออกมาแล้ว ชายหนุ่มยังคงจำไม่ได้ว่าเคยมีคนอย่างเธอมั้งคะ”ใบหน้าซือจิ้งสวนเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับโล่เฟยเอ๋อ ” เดิมทีวันนี้ที่มาหาคุณนาย เพราะต้องการมาหาเขา แต่หลังจากเห็นคุณนายแล้ว กลับล้มเลิกความคิดเดิม แล้วอดไม่ได้ที่จะเล่านิยายให้ฟัง”
โล่เฟยเอ๋อประหลาดใจเล็กน้อย”ไม่คิดจะไปหาเขาแล้วเหรอ”
“ไม่หาแล้วค่ะ ฉันตัดสินใจว่าจะกลับแล้วค่ะ”ซือจิ้งสวนนิ่งชะงักไปสักพัก จากนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “อยากจะขอให้คุณนายช่วยอะไรนิดหน่อย ”
โล่เฟยเอ๋อถาม “ช่วยอะไรคะ”
“หวังว่าจะไม่เอานิทานนี้ไปเล่าให้เขาฟังนะคะ”ซือจิ้งสวนยิ้มออกมาเล็กน้อย ตอบ
โล่เฟยเอ๋อจ้องเธอแวบหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า ” ได้ค่ะ ฉันจะไม่บอกเขา”
“ขอบคุณค่ะ”ซือจิ้งสวนกล่าวขอบคุณเสร็จ จากนั้นกล่าวลาโล่เฟยเอ๋อ
หลังจากที่เธอออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อนั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ขยับมาตลอด
ซูซีมู่เดินออกมาจากห้องโถงเล็ก เห็นโล่เฟยเอ๋อนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว ถาม “คนไปแล้วเหรอ”
“ไปแล้ว”โล่เฟยเอ๋อตอบโดยที่ก้มหน้าลง
ซูซีมู่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ก็คิดว่าซือจิ้งสวนรังแกเธอ สีหน้าจึงเย็นชาขึ้นมาทันที “เขาทำเธอลำบากใจเหรอ”
โล่เฟยเอ๋อนิ่งชะงักไปสักพัก ส่ายหัว “เปล่า เธอแค่เล่านิทานให้ฉันฟัง”
“นิทานเหรอ”ซูซีมู่เลิกคิ้ว
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้เล่าเรื่องราวของซือจิ้งสวนให้ซูซีมู่ฟัง
เพียงแค่ถาม “ซูซีมู่ คุณรู้จักเหซิงโม่เมื่อไหร่”
“ประมาณแปดปีก่อน ทำไมเหรอ”ซูซีมู่ถามอย่างสงสัย
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว” เปล่าค่ะ แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ ”
ซูซีมู่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อต้องมีเรื่องอยู่แน่นอน แต่แค่ไม่ซักไซ้เท่านั้น
ถ้าโล่เฟยเอ๋ออยากจะบอกเขา ก็จะบอกเขาเอง
แต่ถ้าเธอไม่อยากจะบอกเขา เขาก็จะไม่ถาม
สองวันต่อมา จู่ๆ โล่เฟยเอ๋อก็บอกว่าจะกลับในเมือง
เดิมทีเหซิงโม่วางแผนจะอยู่ในปราสาทวิลล่าไปตลอดมาได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าจะกลับไปในเมือง ทันใดนั้นก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา “เฟยเอ๋อ ปราสาทวิลล่าที่นี่ดีมากไม่ใช่เหรอ เธอจะกลับไปในเมืองทำไม”
“ฉันอยากกลับ ทำไม คุณมีปัญหาเหรอ”โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างแผ่วเบา
ตั้งแต่สองวันก่อน เหซิงโม่สังเกตเห็นถึงความเย็นชาที่โล่เฟยเอ๋อมีต่อตัวเอง
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองคิดผิดไปเอง แต่วันนี้เขาแน่ใจแล้ว ว่าไม่ใช่เขาที่คิดผิด
โล่เฟยเอ๋อปฏิบัติต่อเขา ได้อย่างเย็นชาจริงๆ
เพียงแต่ เขายั่วโมโหเฟยเอ๋อตอนไหนกัน
เหซิงโม่ใช้สายตาสอบถาม มองไปยังซูซีมู่