บทที่ 433 ความเข้าใจผิดเหล่านั้น
ซูซีมู่ไม่ได้คำถามของเธอ เพราะรปภ. เข้ามาพอดี
เขาได้กวักมือ “ส่งแขกด้วย”
“ครับ ประธานซู” รปภ. พยักหน้า จากนั้นก็พยุงผู้หญิงคนนั้นออกไป
“พวกเธอจะต้องเสียใจภายหลัง……” ผู้หญิงคนนั้นดิ้นไปมาพลางตะโกนพูด
ขณะนั้นเอง โล่เฟยเอ๋อก็เอ่ยขึ้นมา “รอเดี๋ยว”
ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าโล่เฟยเอ๋อเห็นแก่ผลประโยชน์ของซูซีมู่ เลยยอมให้เธอ ดวงตาก็ฉายประกายความได้ใจออกมา
โล่เฟยเอ๋อเดินไปตรงหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างช้า ๆ แล้วกดเสียงพูดลงต่ำ : “ได้ยินว่าอัญมณี 80% ของ AL มาจากบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ?”
“หมายความว่ายังไง?” หญิงสาวรู้สึกว่าคำพูดของโล่เฟยเอ๋อนั้นฟังดูแปลก ๆ ชอบกล
“ไม่มีอะไร เพียงแต่จะบอกเธอเอาไว้ หลังจากนี้บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อจะไม่ส่งอัญมณีให้ AL อีกต่อไป” ใช่แล้ว โล่เฟยเอ๋อโมโหแล้ว ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้กล้ามาแอบมองซูซีมู่ของเธอกันล่ะ? ดังนั้นเธอจึงตั้งใจตอบผู้หญิงคนนี้ให้สาสม
ได้ยินที่โล่เฟยเอ๋อพูด หญิงสาวก็ร้อนรนขึ้นมา “เธอเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ?”
โล่เฟยเอ๋อจะตอบคำถามหล่อนไหม? แน่นอนว่าไม่ตอบ เธอได้แต่หัวเราะคิกคักแล้วให้รปภ. พาตัวผู้หญิงคนนั้นออกไป
รอให้ผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว หน้าของโล่เฟยเอ๋อก็บึ้งลงทันที
พูดเป็นเล่นไป เมื่อสักครู่นี้อยู่ต่อหน้าคนอื่น เลยจำเป็นต้องไว้หน้าซูซีมู่
ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว ถึงเวลาคิดบัญชีกับซูซีมู่แล้วล่ะ
ซูซีมู่รู้จักโล่เฟยเอ๋อเป็นอย่างดี เห็นเธอหน้าเปลี่ยนสี เขาก็รีบเดินเข้าไป ตั้งใจจะง้อเธอ “เฟยเอ๋อ……”
ปรากฏว่าเขาเพิ่งเอ่ยเรียกเธอ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อผลักออกทันที
“อย่ามาใช้มือนายที่กอดผู้หญิงคนอื่นมาโดนตัวฉันนะ”
ได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็รีบยกมือขึ้น “ขอโทษครับ”
โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยความโมโห : “ไปล้างมือ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
“ฉันอาบน้ำเลยดีกว่า แบบนั้นจะสะอาดกว่าน่ะ” ซูซีมู่ตอบอย่างน่าสงสารเหลือเกิน
ได้ยินที่ซูซีมู่พูด โล่เฟยเอ๋อก็หลุดหัวเราะออกมา
ซูซีมู่ได้ยินเธอหัวเราะ ก็รีบพูดเอาใจทันที : “ของที่หล่อนสัมผัส ฉันจะให้คนมาเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลย”
โล่เฟยเอ๋อทำเสียงไม่พอใจ แล้วพูด : “มาพูดเอาตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่เล่า?”
“เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรคิดร่วมมือกับ AL เพื่อจะเซอร์ไพรส์เธอเลย ไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้หญิงคนนั้นมีเจตนาอื่นแอบแฝง” ซูซีมู่ยอมรับผิดแต่โดยดี
“ยังมีอะไรอีก?”
ยังมี? ซูซีมู่งงงวยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบออกมา “ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้ไป จะไม่นัดเจอกับคู่ค้าที่เป็นผู้หญิงตามลำพังอีก”
ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อพอใจแล้ว เธอได้พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ตามฉันมา” จากนั้นก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ถึงแม้ไม่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อต้องการทำอะไร แต่ซูซีมู่ก็ยังคงเดินตามหลังเธอไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้ว โล่เฟยเอ๋อได้ชี้ไปยังห้องน้ำแล้วเอ่ยพูด : “นายไปอาบน้ำซะ ฉันจะหยิบเสื้อผ้าให้”
“ครับ” ซูซีมู่พยักหน้า แล้วปลดกระดุมเสื้อพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำ
โล่เฟยเอ๋อเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องนั่งเล่นออก เพื่อจะหยิบเสื้อผ้าให้ซูซีมู่
ทันใดนั้น เธอก็เห็นหีบที่มีรหัสลับอยู่ในตู้เสื้อผ้า
ทำไมตู้เสื้อผ้าของซูซีมู่ถึงได้มีหีบที่มีรหัสลับซ่อนอยู่? โล่เฟยเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบมันออกมา
เธอจ้องไปยังเลขศูนย์หกตัวที่อยู่บนนั้นอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปกดรหัสผ่านของประตูใหญ่ที่บ้าน แต่ปรากฏว่ารหัสผ่านไม่ถูกต้อง ไม่สามารถเปิดออกได้
หีบที่มีรหัสลับนี้เปิดไม่ออก โล่เฟยเอ๋อเลยตั้งใจจะเอากลับไปวางไว้ตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม
แต่เธอนึกขึ้นมาได้ว่ารหัสผ่านของสิ่งของต่าง ๆ ของซูซีมู่ล้วนตั้งเป็นวันเกิดเธอทั้งนั้น เธอเลยกดรหัสเป็นวันเกิดเธอเข้าไป
ครั้งนี้รหัสถูกต้อง หีบรหัสลับนั้นสามารถเปิดออกแล้ว
สิ่งของเหล่านั้นผ่านเข้ามาในสายตาเธอ ทั้งหมดล้วนเป็นของที่เธอคุ้นเคยดี
ยกตัวอย่างเช่น คืนนั้นที่ถูกถังหซิวฉีและกู้ชิงหลันรังแก เธอได้เขียนโน้ตขอบคุณทิ้งไว้ในห้องพิเศษของเขา
อย่างเช่น ชาดอกเก็กฮวย ชาดอกสายน้ำผึ้ง ที่ดื่มไม่หมด ที่เธอได้ช่วยซื้อให้เขา หลังจากที่เขาเมาค้าง
อย่างเช่น น้ำยาทาเล็บขวดนั้นที่เขาทาเล็บให้เธอ ตอนที่อยู่เมืองหลวง
……
หีบรหัสลับนั้นมีสิ่งของมากมายเหลือเกิน มีของหลายอย่างที่เธอเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่ซูซีมู่กลับเก็บรักษามันไว้อย่างดีในนี้
“เฟยเอ๋อ……” ซูซีมู่เห็นว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาให้ในห้องน้ำ เลยใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมา เมื่อออกมา ก็ได้เห็นโล่เฟยเอ๋อกำลังจ้องหีบรหัสลับที่เขาซ่อนเอาไว้นานมากแล้วอย่างเหม่อลอย เขาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
โล่เฟยเอ๋อหันกลับมามองเขา “ทำไมนายถึงได้เก็บของพวกนี้เอาไว้ล่ะ?”
ซูซีมู่กระแอมออกมาสองครั้งอย่างเคอะเขิน แล้วเอ่ยพูด : “ตอนแรกเพียงแค่เก็บวาง ๆ ไว้ด้วยกัน แต่ต่อมาไม่ใช่เป็นเพราะเธอโกรธจนจากฉันไปเหรอ? ฉันเลยเอาของพวกนั้นเก็บรวบรวมไว้ด้วยกัน จากนั้นก็ดูมันในทุก ๆ วัน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โล่เฟยเอ๋อได้ตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์ “นายจัดแจงหาแฟนให้ฉันด้วยตัวเอง ฉันไม่ควรโกรธหรือไง?”
“เป็นความผิดของฉันเอง” หลังจากที่ซูซีมู่กล้ายอมรับผิด ก็เอ่ยพูด : “ที่จริงตอนนั้นที่ฉันแนะนำคนพวกนั้นให้เธอ เพียงแค่ทำ ๆ ตามพวกลู่ยู่พอเป็นพิธี เดิมทีตั้งใจหาโอกาสพูดกับเธอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า……”
ซูซีมู่ยังพูดไม่ทันจบ โล่เฟยเอ๋อก็ขัดเขา “นายหมายถึง ที่จริงไม่ได้ตั้งใจหาแฟนให้ฉัน? เพียงแต่ทำเพื่อพวกลู่ยู่ไปอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม” ซูซีมู่พยักหน้า จากนั้นก็พูดต่อ : “ลู่ยู่และเหซิงโม่ทั้งวันเอาแต่ยื่นรูปกองหนึ่งมาให้ฉันเลือกแฟนให้เธอ ถึงแม้ตอนนั้น ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจว่ารู้สึกกับเธอยังไง แต่ในใจฉันรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก หลังจากนั้นก็ถูกพวกเขาแหย่จนรำคาญ เลยเลือก ๆ ไปไม่กี่คน เพื่อให้พวกเขาหยุดสักที”
คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ขอบตาของโล่เฟยเอ๋อก็เริ่มแดง “ฉันคิดว่านายรำคาญฉันเสียอีก เลยตั้งเตะฉันไปให้คนอื่น”
ซูซีมู่ยื่นมือไปดึงโล่เฟยเอ๋อเข้ามากอด เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ยัยบื้อ ฉันจะรำคาญเธอได้ยังไงล่ะ?”
“นายหลอกฉัน นายรำคาญฉัน แถมยังจงใจหลบหน้าฉันอีก” โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างไม่พอใจ
“ฉันหลบหน้าเธอ เป็นเพราะฉันรู้ตัวเองว่าฉันเริ่มมีความคาดหวังกับเธอแล้ว” ซูซีมู่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ : “ก็วันนั้นเธอเท้าแพลง ฉันก็นวดเท้าให้เธอ หลังจากนั้นร่างกายของฉันก็มีปฏิกิริยากับเธอ แต่เธอก็เห็นฉันเป็นแค่เพื่อนมาตลอด ฉะนั้น ฉันเลยหลบหน้าเธอ อยากให้ตัวเองสงบสติอารมณ์สักหน่อย”
โล่เฟยเอ๋อหรี่ตาลง เอ่ยถาม “ไม่ใช่เป็นเพราะนายรู้ว่าฉันชอบนาย เลยหลบหน้าฉันเหรอ?”
“ถ้าหากรู้ว่าเธอชอบฉัน ฉันก็คงขอเธอแต่งงานพากลับบ้านนานแล้ว จะอ้อมไปมามากมายอยู่ทำไมล่ะ” ซูซีมู่ลูบผมโล่เฟยเอ๋อ แล้วตอบออกมา
“นั่นก็ไม่แน่หรอก นายเคยพูดเอาไว้ นายจะไม่แต่งงาน ไม่ต้องการความรัก และยิ่งไม่มีวันชอบผู้หญิงคนไหน” โล่เฟยเอ๋อไม่เคยลืม เป็นเพราะเธอได้ยินซูซีมู่พูดแบบนี้กับคนอื่น เลยได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาไว้ในใจ
คำพูดที่ตัวเองเคยพูด ซูซีมู่นั้นจำได้ดี
ตอนนั้นเขากับโล่เฟยเอ๋อเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน มีวันหนึ่งลู่ยู่โทรนัดเขาออกไปข้างนอก เขาปฏิเสธไป แต่ลู่ยู่พูดแหย่เล่นกับเขาว่า ถ้าไม่ออกไป จะหาแฟนได้ยังไงกัน
เขาไม่พอใจเลยใช้คำพูดพวกนั้นโต้ตอบลู่ยู่กลับไป
คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นโล่เฟยเอ๋อจะมาได้ยินประโยคนี้พอดี
เขายังจำได้ว่าเดิมทีโล่เฟยเอ๋ออยู่ที่บ้านเขา แต่หลังจากนั้นก็บอกว่ามีธุระ แล้วจากไป
ที่แท้เป็นเพราะได้ยินคำพูดประโยคนี้ ถึงจากไป
“ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันไม่รู้..