บทที่ 436 ซือจิ้งสวนถูกเหซิงโม่ขืนใจ
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ หซิวหชูเฉียวก็ลากโล่เฟยเอ๋อไปถามเรื่องเหซิงโม่กับซือจิ้งสวน
ลู่ยู่ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ลากซูซีมู่ไปยังห้องหนังสือ
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” ซูซีมู่ขมวดคิ้วถาม
ลู่ยู่ไม่เปลืองน้ำลาย รีบถามสิ่งที่เขาสงสัยออกไปตรง ๆ “ซูซีมู่ ผู้หญิงคนนั้นยุแยงเฟยเอ๋อ ทำให้เฟยเอ๋อรังเกียจเขา นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
ซูซีมู่มองลู่ยู่อย่างเรียบ ๆ จากนั้นก็ตอบว่า “ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“อะไรคือไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น? เหซิงโม่บอกว่า……” ลู่ยู่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซูซีมู่พูดขัดขึ้นมา “เป็นเพราะเขาทำตัวเอง”
“ใครทำตัวเอง?” ลู่ยู่เอ่ยถาม
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบคำถามเขา เพียงแต่พูดว่า : “นายไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้หรอก”
ลู่ยู่เข้าใจดีว่าเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ซูซีมู่พูดอย่างนี้แล้ว เขาก็ได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า : “ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ ฉันไม่ยุ่งก็ได้”
ทางด้านนี้ที่กำลังพูดถึงเรื่องของเหซิงโม่กับซือจิ้งสวนกันอยู่ แต่ทางด้านเหซิงโม่นั้น ได้กลับไปยังที่พักของซือจิ้งสวน
ตั้งแต่แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ เหซิงโม่ที่ไม่เคยเหยียบเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้เลย ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่นี่ล่ะ?
ง่ายมาก ก็เป็นเพราะเรื่องที่โล่เฟยเอ๋อรังเกียจเขา มีสาเหตุมาจากการยุแยงของซือจิ้งสวนไงล่ะ
หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงกับพวกลู่ยู่เสร็จ เลยกลับมายังที่พักของซือจิ้งสวนทันที
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าซือจิ้งสวนจะไม่อยู่
คิดว่าซือจิ้งสวนออกไปข้างนอกแล้ว เหซิงโม่ที่กำลังโมโห เลยได้แต่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
คิดไม่ถึงเลยว่าเขารอเธอ รออยู่สองวัน
เพราะคำแนะนำจากหมอ ซือจิ้งสวนเลยพักอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน วันถัดมาตอนบ่ายถึงได้ออกจากโรงพยาบาล
ปรากฏว่า เมื่อเธอเข้าบ้านมา ก็ได้ยินเสียงเย็นชาดังขึ้นมาทันที
“เธอยังรู้จักกลับมาบ้านเหรอ?”
ซือจิ้งสวนตกใจเงยหน้าขึ้น ถึงพบว่าเหซิงโม่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา
ตั้งแต่แต่งงานกันมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบจะครึ่งเดือนแล้ว เหซิงโม่ที่โผล่มาอย่างกะทันหัน ทำให้ซือจิ้งสวนรู้สึกประหลาดใจมาก
“คุณ……ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะ?”
“ฉันกลับมาไม่ได้เหรอ?” เหซิงโม่หัวเราะเยาะเย้ย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปตรงหน้าซือจิ้งสวน ยกมือขึ้นเสยคางเธอขึ้น “หรือว่าฉันกลับมาแล้ว ทำให้เธอเสียโอกาสที่จะไปนัดพบกับคนอื่นล่ะ?”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ซือจิ้งสวนคิดไม่ถึงว่าเหซิงโม่จะพูดกับเธอแบบนี้ เลยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ฉันหมายความว่ายังไงเหรอ? ต้องให้ฉันพูดให้ชัดเจนกว่านี้อีกเหรอ? หรือว่าต้องให้ฉันใช้การกระทำแสดงออกให้ดู?” เมื่อพูดจบ เหซิงโม่ก็ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของซือจิ้งสวนเอาไว้ จากนั้นก็กระชากเธอโยนลงไปบนโซฟา
ซือจิ้งสวนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ชุดนอนที่เธอสวมใส่อยู่ก็ถูกเขาฉีกขาดออกเป็นชิ้น ๆ แล้วทิ้งลงบนพื้น
“จึก……” เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ซือจิ้งสวนมีสติขึ้นมา เริ่มออกแรงดิ้น ผลักเหซิงโม่ออกไป
แต่ทว่าพละกำลังของเธอ สู้แรงของเหซิงโม่ได้ที่ไหนกัน? ไม่เพียงไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ แต่กลับทำให้ตัวเองหายใจเหนื่อยหอบด้วย
กังวลว่าโรคหอบหืดของตัวเองจะกำเริบ ซือจิ้งสวนเลยพยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่งลง
เมื่อเธอสงบนิ่งลง ก็เหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เหซิงโม่โกรธ เขาเหมือนสัตว์ป่าที่โหดร้ายทารุณตัวหนึ่ง ที่กระทำชำเราร่างกายของเธออย่างหยาบคายและรุนแรง จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังจุดสำคัญ
ขณะที่เข้าไปนั้น ก็รู้สึกติดขัดอะไรนิดหน่อย ทำให้เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปต่อ
เหมือนกับถูกจับฉีกทั้งเป็น ความเจ็บปวดทำให้สมองของซือจิ้งสวนสับสนงุนงงอยู่นานถึงตั้งสติขึ้นมาได้
เขากดทับร่างกายของเธอเอาไว้อย่างแรง ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย ท่าทางที่ป่าเถื่อนของเขาทำให้เธอเหมือนถูกลงโทษอยู่ในนรกยังไงยังงั้น เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
การครอบครองโดยการทรมานและลงโทษอย่างนี้ ทำให้หัวใจของซือจิ้งสวนรู้สึกเย็นชา เธอกำผ้าปูที่นอนไว้จนแน่น กัดฟันด้วยความอดทน ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ยอมให้ตัวเองส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาแม้แต่นิด
ตอนสุดท้าย เมื่อซือจิ้งสวนเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้ว เธอก็ได้เริ่มนับเลขอยู่ในใจ ทุกครั้งที่เธอนับถึงเก้าสิบเก้า เธอก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดไปทั้งตัว จากนั้นก็เริ่มนับหนึ่งใหม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองนับไปจนถึงเก้าสิบเก้ากี่ครั้งแล้ว เขาถึงได้หยุดการกระทำลง
เธอหายใจแทบไม่ทัน เหซิงโม่พลิกตัวออกจากบนตัวของเธอ ราวกับว่าถ้าอยู่บนตัวเธอนานกว่านั้นอีกวินาทีเดียว ตัวเขาจะติดอะไรขึ้นมา
ขณะที่เหซิงโม่พลิกตัวไปมานั้น ซือจิ้งสวนรู้สึกตึงเครียดอยู่ตลอด หลังจากที่เหซิงโม่ออกไป เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงแล้วสลบไสลไป
ตอนที่เหซิงโม่อาบน้ำเสร็จแล้วออกมานั้น เห็นซือจิ้งสวนยังคงนอนเปลือยกายอยู่บนโซฟา
มุมปากของเขาก็แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยามออกมา “หน้าไม่อายจริง ๆ ยังคิดจะยั่วคนอื่นต่ออีก”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวจะจากไป
จังหวะนั้นได้ชำเลืองเห็นสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ติดขัดอะไรนิดหน่อย แล้วสายตาเขาก็หยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง
แน่นอนว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
ตอนที่ซือจิ้งสวนตื่นขึ้น ในห้องก็มืดมิดไปหมด และรอบ ๆ ก็เงียบจนน่าแปลกใจ
ยังมีกลิ่นอายแห่งความรักเมื่อตอนบ่ายลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ช่างทำให้รู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน
เธอฝืนพยุงตัวขึ้น ลุกขึ้นมา แล้วเดินซวนเซเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลย
ซือจิ้งสวนเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ
เตรียมจะกลับไปยังห้องนอน โทรศัพท์ของเธอที่หล่นอยู่บนพื้นก็ดังขึ้น
ซือจิ้งสวนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไป เก็บโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากโล่เฟยเอ๋อ
เธอก็รีบรับสายทันที “ฮัลโหล?”
“หมอเฉิงบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว?”
“ใช่ค่ะ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อตอนบ่าย” ถ้าหากไม่ออกจากโรงพยาบาล ก็คงไม่ต้องพบกับเหซิงโม่ คงจะไม่…… นัยน์ตาของซือจิ้งสวนมืดลง จากนั้นก็กลับมาสนใจโทรศัพท์ต่อ
“……ถ้าไม่สบาย ก็รีบโทรหาหมอเฉิงเลยนะ”
“ค่ะ”
……
คุยกับโล่เฟยเอ๋อเสร็จ ซือจิ้งสวนก็กลับไปยังห้องนอน เพื่อพักผ่อน
หลังจากครั้งนั้น เหซิงโม่ก็ไม่ได้กลับมาที่ซือจิ้งสวนอีก
แต่หลังจากที่ซือจิ้งสวนผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมา ทั้งร่างกายและจิตใจก็เหนื่อยล้ามาก และไม่ได้คิดอยากให้เขากลับมาอีก
เธอเริ่มไปมาหาสู่กับโล่เฟยเอ๋อและหซิวหชูเฉียวบ่อยขึ้น จนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
วันนั้น เธอและหซิวหชูเฉียวไปบ้านโล่เฟยเอ๋อด้วยกัน แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเหซิงโม่
เหซิงโม่โผล่มาโดยบังเอิญมาก เขาเองก็น่าจะคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับซือจิ้งสวน เลยนิ่งอึ้งไป
แต่เพราะที่นี่คือคฤหาสน์ของโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ เขาเลยไม่แสดงอาการออกมาเท่าไหร่นัก ได้แต่มองเธออย่างเย็นชา แล้วเดินไปคุยกับซูซีมู่และลู่ยู่
ซือจิ้งสวนเห็นเขาไปแล้ว ก็แอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
ในสายตาของโล่เฟยเอ๋อและหซิวหชูเฉียว กลับคิดว่าเธอเสียใจ ทั้งสองคนไม่ได้ปลอบเธอ แต่พาเธอไปที่สวนหลังบ้าน เพื่ออยู่ให้ห่างจากเหซิงโม่
หลังจากที่อยู่ในสวนหลังบ้านสักครู่ ซือจิ้งสวนก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เลยกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าขณะที่อยู่ตรงระเบียงทางเดิน ก็ได้พบกับเหซิงโม่อีกครั้ง
เหซิงโม่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ วินาทีที่เห็นเธอเข้า สีหน้าก็เย็นชาขึ้นทันที จากนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเขา ก็ได้ทุบเข้าใส่ซือจิ้งสวน “เธอ ยัยผู้หญิงบ้านี่ จะหยุดได้หรือยัง?