Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 115

ตอนที่ 115

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 115
ตอนนี้ถึงเวลาทำตามแผนแล้ว

อลัวส์กำลังยืนอยู่หน้าอัศวินและทหารของเขา

อัศวินนั้นมีขวัญกำลังในระดับนึงแต่ขวัญกำลังใจของพวกทหารมีน้อยอย่างเห็นได้ชัด

เอาเถอะ, มันก็แน่แหล่ะนะ จากมุมมองของพวกเขา, ต่อให้แม่ของเจ้านายพวกเขาจะถูกจับเป็นตัวประกัน, พวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในเมื่อจู่ๆพวกเขาก็ถูกควบรวมเข้าสมาพันธ์อย่างกระทันหัน นอกจากนี้สำนึกในฐานะประชาชนของจักรวรรดิที่อยู่ในตัวพวกเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถทำตัวให้กระตือรือร้นอย่างเต็มที่ในศึกนี้ได้

และคนๆเดียวที่สามารถส่งพวกเขาเข้าสู่การต่อสู้ได้,

ก็มีแค่อลัวส์เท่านั้น

“ขอโทษที่จู่ๆก็เรียกรวมพวกเจ้ามาแบบนี้ แต่มีเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องบอกตามตรง…..คนที่ออกคำสั่งลอบสังหารแม่ทัพจักรวรรดิก็คือลุงของข้าเอง ข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแต่ข้าคิดว่ากองทัพคงไม่ยอมเชื่อเรื่องนั้นหรอก”

“ไม่จริงหน่ะ…..นี่พวกเราต้องสู้กับพวกเขาตรงๆหรอ!?”

“ท่านบอกว่าพวกเราแค่ต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลงไม่ใช่หรอครับ!”

“ฝั่งนั้นมีเป็นหมื่นเลยนะครับ! พวกเราคงไม่มีโอกาสชนะหรอก!”

ทหารส่งเสียงบ่นและแสดงความกังวลของพวกเขาออกมา

ด้วยการยอมรับทั้งหมดนั้นด้วยความมุ่งมั่น, อลัวส์ก็ได้พยักหน้าให้พวกเขาอย่างจริงจัง

“ข้าตัดสินใจที่จะต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อสหพันธ์หรือจักรวรรดิ ข้าจะต่อสู้เพื่อความรับผิดชอบที่ข้าได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บ้านซิมเมลเป็นเจ้าของดินแดนนี้ ข้ามีหน้าที่ต้องปกป้องผู้คนของเรา ต่อให้พวกเรายอมแพ้, กองทัพก็จะช่วงชิงหลายๆอย่างจากพวกเราเพื่อพิชิตทางใต้ ในฐานะเมืองที่เป็นกบฎกับจักรวรรดิ, ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าพวกเรายอมแพ้, ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะถูกลงโทษอยู่ดี นี่จะนำไปสู่ความทรุดโทรมของดินแดนเราอย่างแน่นอนและนั่นคืออนาคตเดียวที่พวกเราต้องหลีกเลี่ยง”

ถ้าเขาซื่อสัตย์อย่างเต็มที่, เขาก็คงจะบอกว่าเขาอยากต่อสู้เพื่อแม่ของเขา

สำหรับเด็กชายอายุสิบสองที่สูญเสียพ่อไป, แม่จะสำคัญกับเขาขนาดไหนหล่ะ?

แต่ว่า, อลัวส์ก็ยังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างเยือกเย็น ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ปกครองของคนเหล่านี้

“ฝ่าบาทได้ส่งคณะผู้ส่งสารไปหาดยุคครูเกอร์ ในตอนที่คณะนั้นไปถึงและการเจรจาเริ่มต้นขึ้น, สงครามก็อาจจะไม่เกิดขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของมัน แต่ว่า, ถ้าพวกเราปล่อยให้กองทัพจักรวรรดิผ่านที่นี่ไปได้, การเจรจาก็จะไร้ความหมาย แค่ไม่กี่วันเท่านั้น! พวกเราแค่ต้องยื้อเอาไว้ไม่กี่วันและสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป! ถ้าการเจรจาล้มเหลว, สหพันธ์ก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากส่งกำลังเสริมมาให้พวกเรา ในอีกด้านนึง, ฝ่าบาทเองก็ไม่อยากให้เกิดสงครามกลางเมืองขนาดใหญ่ด้วย เขาจะต้องเข้าหาเมืองที่ต่อต้านอย่างรุนแรง ถ้าพวกเรายอมแพ้ในตอนนั้น, ความเสียหายที่เกิดกับดินแดนของเราก็จะลดลง เพราะฉะนั้น…..ตอนนี้, ข้าจะสู้”

ในตอนที่พูด, อลัวส์ก็ชักดาบที่เขาได้รับสืบทอดมาจากพ่อออก

จากนั้นเขาก็ประกาศกับอัศวินและทหารของเขาต่อ

“ข้าจะไม่ลงโทษใครก็ตามที่อยากหนี ถ้าเจ้าไม่อยากตายด้วยกันกับข้าก็เชิญไปได้เลย ข้าขอโทษด้วยที่ตัวข้าเป็นแค่ผู้ปกครองที่ไร้ค่า…….”

หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น, คนของเขาก็เงียบไปพักนึง

ในความเงียบนี้, มีทหารคนนึงส่งเสียงตะโกนออกมา

“ไม่ต้องมาคิดแต่งเหตุผลที่ดูสวยหรูแบบนั้นหรอกครับ ถ้าท่านอยากให้พวกเราช่วยเหลือแม่ของท่านก็แค่พูดออกมาก็พอ”

เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหยาบคาย

อายุของเขาประมาณสี่สิบปี

ในบรรดาทหารไร้ประสบการณ์, เขาเป็นคนเดียวที่ยังรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้อย่างดี

เขาน่าจะเป็นอดีตนักผจญภัยที่เกษียณมา

และบางทีเขาก็คงจะโดดเด่นมาตั้งแต่แรกแล้ว, เพราะสายตารอบๆได้มารวมกันที่เขาตามธรรมชาติ

“คุณยอร์ดัน……”

“พูดกับข้ามาตรงๆเถอะนายท่าน ท่านต้องการอะไรกันแน่?”

“…..ข้าอยากปกป้องแม่ของข้า….แล้วข้าก็, ข้าอยากปกป้องเมืองนี้ด้วย……”

“บรรพบุรุษของท่านคอยดูแลพวกเราทุกคนมาโดยตลอด….แน่นอนว่า, พวกเราอยากตอบแทนเขาด้วยการช่วยเหลือลูกของเขา! ให้ตายสิ, มีเด็กน้อยคนนึงมาพูดกับข้าแบบนี้แล้วจะให้ข้าทนเฉยได้ยังไง! ข้าจะขับไล่พวกทหารจักรวรรดิออกไปจากที่นี่เพื่อท่านเอง!”

จากคำพูดของชายที่ชื่อว่ายอร์ดัน, พลังก็ลุกโชนกลับมาในดวงตาของพวกทหาร

ความรู้สึกที่อยากจะหนีของพวกเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นกำลังใจที่จะต่อสู้

ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นทหารแล้ว

“ใช่แล้ว! พวกเราจะสู้!”

“ไว้ใจข้าได้เลย!”

ความเชื่อใจที่พวกเขามีให้เอิร์ลซิมเมลทำให้พวกเขากลายเป็นทหาร

ขวัญกำลังใจของพวกทหารพรุ่งพรวดในคราเดียวจนทำให้พวกอัศวินพากันตกตะลึง

จากนั้นอลัวส์ก็มองฉันด้วยสายตาเริงร่า

เอาหล่ะ, เพียงเท่านี้, พวกเราก็ต่อสู้ได้แล้ว

“ตอนนี้, ข้าจะเริ่มอธิบายแผนของเราแล้ว!”

ด้วยการตามกระแส, โฟ้กท์ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

พอได้ยินเสียงของเขา, ขวัญกำลังใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

….

“โอ้วววว!!!!!”

เสียงกู่ร้องเปิดสงครามดังมาจากอีกฝั่งของประตู

ที่มาของเสียงนี้ก็คือการโจมตีแรกของจักรวรรดิที่มารวมกันที่ประตูหลัก

ดูเหมือนว่าทัพหน้าของพวกเขาจะไม่ได้พกอาวุธปิดล้อมมาเลย พวกเขาน่าจะทำแบบนี้โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการจะสร้างภาพว่าพวกเขาเปิดศึกต่อสู้นี้ด้วยความบังเอิญ

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาจะใช้กลยุทธ์ต่อสู้แบบคลาสสิกซึ่งธนูกับลูกศรจะถูกนำมาใช้เพื่อยิงกดพวกเราในขณะที่มีทหารใช้ค้อนเพื่อทำลายประตูและใช้บันไดลิงพาดมาที่กำแพงเมือง

กองกำลังส่วนใหญ่ของพวกเขาจะรวมตัวกันอยู่ที่ประตูหลัก ในการต่อสู้ปกติ, ฝั่งรับนั้นจะมีข้อได้เปรียบในการต่อสู้เช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีมือดีมากแค่ไหน, กองทัพก็ไม่มีทหารที่แค่ตัวคนเดียวสามารถลุยเดี่ยวกับพันคนได้และอาวุธรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปที่กองทัพชายแดนหมดเพราะพวกเขามีความสำคัญมากกว่า

ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีอาวุธแปลกใหม่ที่สามารถใช้เพื่อเอาชนะความได้เปรียบในการตั้งรับของพวกเราได้

นี่คือสาเหตุที่พวกเขาต้องพึ่งเรื่องจำนวน

“นี่คุณนักกลยุทธ์, พวกเราจะชนะได้จริงๆหรอ?”

ยอร์ดัน, หนึ่งในทหารร้อยคนที่ถูกคัดสรรมาให้ฉันพูดขึ้นในขณะที่เขามองไปทางประตูตะวันออก

ป้อมที่อยู่เหนือประตูตะวันออกนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะ

เส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่ประตูนั้นไม่ต่างอะไรจากทางลาดเล็กๆเส้นเดียว

แต่เดิมแล้วมันคือประตูที่โจมตีได้ยุ่งยากที่สุด

ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาจะเล็งมาที่ประตูนี้

“ถ้าพวกเราคิดผิดก็แค่แก้ด้วยการที่พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังประตูอื่น แต่ก็นะ, พวกเราไม่น่าจะคิดผิดหรอก”

“เจ้าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?”

“มันเป็นการฝึกพื้นฐานของกองทัพจักรวรรดิ โจมตีประตูหลักในขณะที่ส่งอีกหน่วยออกไปโจมตีประตูอื่น พวกเขาจะทำการโจมตีทีเผลอดังนั้นพวกเขาจะโจมตีประตูที่ยากที่สุด, เพราะคาดว่าจากผลกระทบทางด้านจิตใจพวกเราจะนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะโจมตีประตูแบบนั้น นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาก”

ในตอนที่ฉันพูดออกมาเช่นนั้น, ศัตรูก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูตะวันออก

จำนวนของพวกเขามีประมาณพันคน พวกเขากำลังตรงมาที่ประตูโดยมีทหารม้าส่วนนึงเป็นแนวหน้าและมีทหารเดินเท้าคอยตามหลังพวกเขา

“มาถึงแล้วสินะ ยิงธนูใส่พวกนั้นซะ”

“พวกนั้นมาจริงๆด้วย…..น่าเหลือเชื่อจริงๆ…..”

ด้วยการทำตามคำแนะนำของฉัน, คนกลุ่มนึงบนกำแพงก็ยิงธนูของพวกเขา

เหตุผลที่มีคนอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่คนก็เพราะว่ามีทหารแค่กลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่สามารถยิงธนูได้อย่างแม่นยำ และแน่นอนว่า, ศัตรูคงไม่ถูกหยุดด้วยการกระทำเพียงเท่านี้

อีกฝ่ายก็ไม่คิดว่าพวกเราจะปล่อยให้ประตูไม่มีคนคุ้มกันอย่างที่คาดเอาไว้

การคาดการณ์ของพวกเขาน่าจะชัดเจนขึ้นด้วยลูกศรที่พวกเรายิงไปใส่พวกเขา

พอถูกศรดอกแรก, ทหารม้าที่นำพวกเขาก็ล้มลงด้วยเสียงดังสนั่นไปโดนอีกหลายคนที่วิ่งตามมาข้างหลังเขา

อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่ได้หยุด

“ลุยเข้าไปต่อ!!”

คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกเขาตะโกนลั่นในขณะที่ชักนำพวกเขาบนหลังม้า

นักธนูบนกำแพงเริ่มหวาดกลัวแต่ฉันก็บอกให้พวกเขาใจเย็นลงด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

“ไม่ต้องห่วง ยิงต่อไปก็พอ”

“ค, ครับ!”

“เตรียมการด้านล่างได้เลย”

“อา”

พอได้ฟังคำแนะนำของฉัน, ยอร์ดันกับคนอื่นๆก็เริ่มไปเฝ้าที่ประตู

หลังจากนั้นไม่นาน, พวกทหารที่นำหน้าก็มาถึงประตูแล้วเริ่มโจมตีมันด้วยค้อนของพวกเขา

นอกจากนี้พวกเขายังพยายามพาดบันไดขึ้นมาด้วยแต่ก็ถูกนักธนูหยุดเอาไว้ด้วยการผลักตกหรือยิงทหารที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม, สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้คงนำมาใช้กับประตูที่ค่อยๆถูกค้อนทุบจนแตกออกไม่ได้

“ดันเข้าไป! เร็วเข้าทำลายประตูนั่นซะ!”

“เหวอ!! ประตูรับไม่ไหวแล้ว!”

เสาไม้ที่ติดตั้งเอาไว้เพื่อค้ำประตูเริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด

พวกทหารยังพอต้านที่ประตูเอาไว้ได้อยู่แต่ฝ่ายโจมตีนั้นแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม, ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดการณ์ของฉัน

พอเห็นว่าได้จังหวะ, ฉันก็ส่งสัญญาณให้ยอร์ดัน

ในตอนที่เขาเห็นสัญญาณ, ยอร์ดันก็ทำการอพยพพวกทหารออกจากประตู

“ประตูรับไม่ไหวแล้ว! ถอย!!!”

“อ้ากกก!!”

“หนีเร็ว!!”

การหนีของพวกเขานั้นไม่ใช่การแสดง

มีแค่ไม่กี่คนที่รู้รายละเอียดของแผนนี้ดังนั้นเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของพวกเขาจึงสมจริง

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ศัตรูหลงเชื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น

เชื่อว่าการโจมตีของพวกเขาสำเร็จแล้ว

“เอาหล่ะ! ทำลายมันซะ!”

ในที่สุดค้อนของพวกเขาก็ทลายประตูได้

ในตอนนั้นเอง, ยอร์ดันกับคนอื่นๆที่ถอยกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็เขวี้ยงหอกใส่

พวกทหารที่พยายามจะฝ่าเข้ามาจู่ๆก็ถูกเสียบแต่ศัตรูไม่ได้กลัวเลย

“เห้ย! ไอ้พวกโอหัง! อย่าไปกลัว! บุกเข้าไปเลย!!”

ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการที่กระตุ้นพวกเขา, หน่วยขนาบข้างก็ฝ่าเข้าประตูตะวันออกพร้อมกันแล้วแห่เข้าไปข้างใน

อย่างไรก็ตาม, พวกเขาบุ่มบ่ามเกินไป

น้ำมันปริมาณมหาศาลได้ถูกเทกระจัดกระจายอยู่ในประตูและทหารที่รีบเข้ามาก็พากันลื่นล้ม

“เหวอ, อะไรกันเนี่ย!?”

“เหวอ!!”

“น้ำมันหรอ!? มันคือน้ำมันครับท่าน!!”

ฉากความวุ่นวายได้เกิดขึ้นข้างในประตูในทันที

โชคไม่ดีสำหรับพวกเขา, พวกทหารที่วิ่งเข้ามาข้างหลังพวกเขาถูกแรงผลักอย่างรุนแรงจนถลำเข้ามาในกับดักน้ำมันมากขึ้นไปอีก

ในขณะนั้นเอง, ยอร์ดันก็เตรียมคบเพลิงแล้วเดินมาหาฉัน

“นี่! คุณนักวางกลยุทธ์! จะให้ลุยเลยไหม!?”

“อา, จัดเลย”

“รู้ใช้ไหมว่าลมกำลังพัดไปทางตะวันออก!? ไฟมันจะไม่กระจายเข้าไปในเมืองหรอ!?”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น วันนี้, ในตอนนี้……ลมจะพัดไปทางตะวันออก”

“เจ้าแน่ใจนะ!? ก็ได้ข้าไม่สนอะไรแล้ว!!”

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ยอร์ดันก็โยนคบเพลิงใส่ทหารที่ตัวโชกไปด้วยน้ำมัน

ในตอนนั้นเอง

จู่ๆลมก็เปลี่ยนไปทางตะวันออกอย่างกระทันหัน และในตอนที่ไฟสัมผัสกับน้ำมัน, ระเบิดก็ปะทุขึ้น

ระเบิดเพลิงขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นและลมกรรโชกก็พัดไปทางตะวันออกทำให้เมืองไม่ได้รับผลกระทบ

กลับกัน, ไฟได้ปกคลุกคลุมทหารฝั่งจักรวรรดิที่เหลืออยู่ซึ่งเรียงแถวกันตามทางลาดเป็นแถวตอน

มันเหมือนกับมีมังกรพึ่งพ่นลมหายใจเพลิงจากประตูตะวันออก

ไฟแผดเผาหน่วยขนาบและพวกที่สามารถรอดไปได้อย่างหวุดหวิดก็คือพวกที่อยู่ข้างหลัง

ตอนนี้, ผู้รอดชีวิตกำลังง่วนอยู่กับการช่วยเหลือคนที่โดนไฟเผา

พวกเขาไม่มีลู่ทางโจมตีพวกเราอีกแล้ว

“ถึงผู้รอดชีวิตทุกคน! ข้า, เกราว์, นักกลยุทธ์พเนจรได้มาอยู่ที่นี่เพื่อเมืองเกลเลสแห่งนี้! ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเจ้าคนไหนเหยียบเข้ามาในเมืองนี้! จงไปบอกผู้บัญชาการของพวกเจ้าซะ!”

หลังจากที่ฉันพูดไปแบบนั้นฉันก็หัวเราะในขณะที่มองดูพวกทหารหนีไป

ในขณะนั้น, ยอร์ดันก็เข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“เจ้า….เป็นนักเวทย์หรอ?”

“ไม่หรอก, นี่มันการคำนวนล้วนๆ”

“จริงดิ……”

ในตอนนั้น, ฉันก็แลบลิ้นออกมาภายใต้ฮู้ดคลุม

แน่นอน, นั่นคือเวทมนตร์

ทิศทางลมคงไม่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติในเวลาที่ประจวบเหมาะแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม, นักกลยุทธ์ที่ใช้แผลการอันแยบยลนั้นน่ากลัวยิ่งกว่านักกลยุทธ์ที่ใช้เวทมนตร์ซะอีก

มันไม่มีปัญหาตราบใดที่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันใช้เวทมนตร์และเรื่องส่วนใหญ่ก็คงจะผ่านไปได้ถ้าฉันบอกพวกเขาว่าทั้งหมดนี้คือแผนการของฉัน ในการที่จะหลอกศัตรู, ขั้นแรก, มันจำเป็นต้องหลอกพันธมิตรก่อน

ในท้ายที่สุดแล้ว, ข่าวลือก็จะแพร่กระจายออกไปแล้วพวกเขาก็จะกลัวฉัน

ด้วยสิ่งนี้, กองทัพจักรวรรดิก็จะคิดมาตรการตอบโต้ฉัน ซึ่งนี่จะช่วยซื้อเวลาให้พวกเราและทำให้พวกเขาสูญเสียความเยือกเย็น

ถึงยังไง, พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก

“เอาหล่ะ, หลังจากนี้ก็ช่วยทำตามแผนต่อไปนะ”

“อา, เข้าใจแล้ว ไว้ใจข้าได้เลย”

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ยอร์ดันก็เรียกรวมลูกน้องของเขา

การเคลื่อนไหวขั้นต่อไปของพวกเราได้รับการตัดสินใจแล้ว

ถึงยังไงพวกเราเองก็มีเรื่องที่ต้องเตรียมการล่วงหน้าด้วย

“ตอนนี้, ข้าอยากรู้แล้วสิว่าพวกนั้นจะคิดแผนแบบไหนต่อ?”

ในขณะที่พูดเช่นนั้น, ฉันก็มองไปยังเมืองหลวงจักรวรรดิ

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท