บทที่ 458 ขอช่องทางการติดต่อ
โล่เฟยเอ๋อ!!?
ตอนที่ได้ยินชื่อนี้ซือเหม่ยหยวนก็อึ้งไป เธอคิดไม่ถึงเลยว่าโลกนี้จะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ คนที่กู้ชิงหลันเคยชอบตอนเรียนอยู่มหาลัยคือโล่เฟยเอ๋ออย่างงั้นเหรอ?!
“เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” เพื่อความแน่ใจ ซือเหม่ยหยวนก็ตั้งใจถามให้ชัดเจน
“ที่จริงฉันกับกู้ชิงหลันก็เป็นเพื่อนที่มหาลัยเหมือนกัน ตั้งแรกแวบแรกที่เห็นเขา ฉันก็ชอบเขาแล้ว แต่ว่าตอนนั้นเขากำลังสนิทอยู่กับโล่เฟยเอ๋อ……หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาก็ดูห่างเหินกับโล่เฟยเอ๋อขึ้นมา แล้วก็ไปสนิทกับคนที่ชื่อถังหซิวฉีแทน……”
“เอาล่ะเอาล่ะ เธอไม่ต้องพูดต่อแล้ว พี่พอที่จะเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว ซวงซวงพี่ว่าเธอจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้นะ!ต้องเป็นโล่เฟยเอ๋อคนนั้นแน่ที่ยั่วยวนกู้ชิงหลัน ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ กู้ชิงหลันทำไมถึงเลือกที่จะไปจากเธอในเวลานี้?” ซือเหม่ยหยวนเริ่มพูดแบบยุแยง
โจวซวงซวงก็ไม่ใช่คนโง่เธอก็ใช่จะถูกปั่นหัวได้ง่ายๆ แล้วเธอก็พูดขึ้น: “พี่อย่าล้อเล่นไปเลย ฉันเคยเห็นสามีของโล่เฟยเอ๋อ……พูดตามตรงดูดีกว่ากู้ชิงหลันไม่รู้ตั้งเท่าไร โล่เฟยเอ๋อคงจะไม่โง่ ไปยั่วยวนกู้ชิงหลัน……”
“เฮ้อ!เธออย่าถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอกซักล่ะ เอาเถอะ คุยกับเธอในโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง เรานัดเจอกันแล้วค่อยคุยกันดีกว่า ”
เมื่อพูดจบ โจวซวงซวงยังไม่ทันได้ตอบกลับ ซือเหม่ยหยวนก็วางสายไปแล้ว
เธอยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ คิดจนหัวแทบจะระเบิดก็ไม่รู้จะทำยังไงแต่นี่กลับได้มาอย่างไม่เสียแรง
คิดไม่ถึงว่ากู้ชิงหลันกับโล่เฟยเอ๋อจะมีความสัมพันธ์แบบนี้อยู่ด้วย
เธอก็คิดไปเองอย่างมั้นใจว่าซูซีมู่จะต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่ พูดตามหลักแล้วคนระดับซูซีมู่ชอบผู้หญิงคนหนึ่งก็ต้องมีความเป็นเจ้าข้าวเจ้ามากแน่นอนอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ของโล่เฟยเอ๋อ……
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซือเหม่ยหยวนก็ทนไม่ไหวยิ้มออกมาราวกับกำลังได้ชัย
แต่ ก่อนอื่นเธอต้องขอช่องทางการติดต่อของซูซีมู่ให้ได้สักก่อน
ตอนนั้นเอง เธอก็นึกถึงคนๆ หนึ่ง โจวเฉิงเป็นผู้ช่วยคนสนิทของซูซีมู่ เขาต้องมีช่องทางการติดต่อของซูซีมู่แน่
เธอโทรไปหาโจวเฉิง และโจวเฉิงก็รับสายขึ้นรวดเร็ว
“ฮัลโหล ใช่ผู้ช่วยโจวไหมค่ะ?”
“ใช่ครับผมเอง คุณซือโทรมาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” โจวเฉิงรู้สึกมึนงง,ซือเหม่ยหยวน ทำไมถึงโทรหากะทันหัน?เมื่อก่อนตอนที่ติดต่อซือเหม่ยหยวนเพื่อคุยงานเธอมักมีข้ออ้างที่จะบ่ายเบี่ยง หรือไม่ก็โยนงานไปให้กับผู้ช่วย ตัวเองไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย แต่ตอนนี้โทรมากะทันหัน เพราะเรื่องอะไรกัน?
“คือว่า อีเมลที่คุณส่งมาฉันดูแล้ว แต่มันมีปัญหาบางอย่าง ฉันคิดว่าปัญหานี้คุณน่าจะไม่สามารถจัดการได้ คุณเอาช่องทางการติดต่อของประธานซูให้ฉัน ฉันจะคุยกับเขาเอง ”
ซือเหม่ยหยวนพูดโกหกอย่างไม่รู้สึกอายเลยสักนิด แล้วยังพูดอย่างจริงจังอีกด้วย ราวกับว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
ความจริงแล้ว เอกสารนั้นพวกนั้นที่โจวเฉิงส่งไปทางอีเมล เธอไม่เคยเปิดออกมาดูเลย
“……” โจวเฉิงหมดคำพูด งานในการร่วมมือครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรยากเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ?ยังมีเรื่องที่เขาจัดการไม่ได้เหรอ?
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับคุณซือ ประธานซูสั่งเอาไว้ ถ้าไม่รับการอนุญาตจากเขาก็ห้ามให้ช่องทางการติดต่อของเขากับใครเด็ดขาด ” โจวเฉิงกล่าวขออภัย
แล้วซือเหม่ยหยวนก็กังวลขึ้นทันที ขอช่องทางการติดต่อของซูซีมู่ไม่ได้เธอจะไปพูดฟ้องได้ยังไง
“นี้!ฉันว่าคุณมันยังไงกันนะ?ที่ฉันขอช่องทางการติดต่อของซูซีมู่ ก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น ถ้าหากการร่วมมือในครั้งนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา และไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ทันเวลา,จะโทษใคร?คุณกับฉันจะรับผิดชอบไหวเหรอ?” ซือเหม่ยหยวนแกล้งทำเป็นพูดอย่างโมโห
โจวเฉิงอ่อนข้อลงพูดอย่างลำบากใจ: “คือว่า……คุณซือ,ต้องขอโทษจริงๆ ครับ,หรือไม่คุณก็ลองบอกปัญหากับผมดูก่อน ผมจะลองดูว่าจัดการได้ไหม?ถ้าหากว่าผมจัดการไม่ได้จริงๆ ผมค่อยติดต่อประธานซูให้คุณได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้!ฉันบอกว่าคุณจัดการไม่ได้ คุณก็จัดการไม่ได้สิ!” ซือเหม่ยหยวนพูดอย่างดูถูก
ถึงแม้ว่าโจวเฉิงจะนิสัยดี,แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาดูถูกสามารถในการทำงานของตัวเอง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นทันที “ต้องขอโทษด้วยครับ ประธานซูสั่งไว้ ห้ามให้ช่องทางการติดต่อกับคนนอกง่ายๆ ผมจะทำลายกฎของประธานซูไม่ได้ แน่นอน ว่าผมก็คงจะทุบหม้อข้าวของตัวเองไม่ได้?คุณซือ ต่างก็ออกมาทำงานเหมือนกัน ผมหวังว่าคุณเห็นใจกันบ้าง ” โจวเฉิงพูดแบบนี้ถือว่าให้เกียรติเธอมากแล้ว
“คุณจะพูดไร้สาระอะไรมากมาย?ฉันก็บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้ คุณจัดการไม่ได้ ต้องให้ประธานซูออกหน้าจัดการ และเรื่องนี้ฉันก็พูดกับคุณไม่รู้เรื่อง ฉันก็กลัวคุณจะไม่เข้าใจ เธอยังไม่เข้าใจเลย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดตัดบทไป “ฉันว่าคุณมันยังไงเนี่ย?โจวเฉิงเขาก็บอกไปแล้ว ไม่ให้ช่องทางการติดต่อของประธานซูกับคนนอก คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?อีกอย่าง ผู้หญิงอย่างคุณทำไมอยากได้ช่องทางติดต่อของคนที่เขามีภรรยาแล้วด้วย ฉันสงสัยว่าคุณจะมีจุดประสงค์แอบแฝง!”
คนที่พูดอยู่คือซูยุ่น เธอยื่นฟังอยู่ข้างๆ และได้ยินที่โจวเฉิงกับซือเหม่ยหยวนพูดคุยกันอย่างชัดเจน และทนไม่ไหวเลยโต้กลับไปแทนโจวเฉิง
เพราะนิสัยที่ดีของโจวเฉิงเลยทำให้เขาไม่มีทางโมโหใส่ใคร แต่ว่าซูยุ่นกลับทนดูไม่ได้ ที่ทำไมแฟนของตัวเองต้องถูกผู้หญิงคนอื่นว่าให้แบบนี้!
“คุณเป็นใคร?เราแค่กำลังพูดคุยเรื่องงานกันอยู่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดแสก?” ซือเหม่ยหยวนเริ่มกระวนกระวายขึ้น เธอพูดอย่างโมโห
“ฉันไม่สนว่าคุณกำลังพูดคุยเรื่องงานหรือเปล่า?
แต่ว่าซูซีมู่เป็นพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน แค่ดูจากจุดนี้ฉันก็มีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะให้หรือไม่ให้ช่องทางติดต่อกับคุณ!” ซูยุ่นตอบกลับอย่างดุดัน
อะไรนะ!?ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของซูซีมู่งั้นเหรอ!
ในหัวซือเหม่ยหยวนมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นทันที ถ้าเข้าทางเธอได้การที่จะเข้าหาซูซีมู่ก็จะมีโอกาสมากขึ้น
ตอนนี้ระหว่างทั้งสองคนกำลังตึงเครียด ซือเหม่ยหยวน คิดอย่างบ้าคลั่งในหัว คิดไปว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นยังไง
ตอนนี้การที่จะขอช่องทางติดต่อของซูซีมู่ก็ยากแล้ว แต่กับน้องสาวของเขาคนนี้ คงจะไม่ยากแน่
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซือเหม่ยหยวนก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แกล้งพูดอย่างแปลกใจ: “คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นน้องสาวของประธานซู ฉันมีเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับพี่สะใภ้คุณ ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจฟังหรือเปล่า?”
ฟังสิ ซูยุ่นทำนิ่ง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับโล่เฟยเอ๋อ จะว่าไปเธอก็อยากรู้มากอยู่เหมือนกัน
“คุณไม่ต้องรีบร้อนตอบฉัน ถ้าหากว่าคุณอยากรู้ ก็ส่งข้อความมาหาฉันที่เบอร์นี้ก็แล้วกัน ” ซือเหม่ยหยวนเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ก็คิดขึ้นว่าเรื่องนี้จะต้องสำเร็จแน่แล้ว เลยกดวางสายไป
ถึงแม้ว่าซือเหม่ยหยวนกดน้ำเสียงต่ำลง แต่ว่าโจวเฉิงก็ยังได้ยิน แล้วพูดเตือนขึ้น: “ยุ่นเอ๋อ คุณต้องระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ เธอเป็นคนที่เราเจอตอนไปเดินตลาดกลางคืนครั้งก่อน คุณอย่าเชื่อคำพูดของเธอเด็ดขาด!