บทที่461 ลบโพสต์
คำพูดเดียวของโล่เฟยเอ๋อมันทิ่มแทงใจซูยุ่น จึงซูยุ่นกับโจวเฉิงเป็นคู่ที่มีชีวิตลำบากจริงๆ ทีแรกที่อยู่ด้วยกันก็มีอุปสรรคมากมาย คบกับได้เพียงไม่นาน โอกาสพบหน้ากันกลับมีไม่มาก
ยังดีที่ซูซีมู่ใจดีหน่อยได้ส่งผู้ช่วยคนหนึ่งมาให้ ถ้าไม่งั้นโอกาสพบหน้ายิ่งน้อยลงไปอีก
ไม่นาน โจวเฉิงก็มาถึงวิลล่าซูซีมู่แล้ว
เขาแอบย่องเข้าไปหวังว่าจะไม่เจอซูซีมู่
แต่สวรรค์มักชอบแกล้งคนแบบนี้แหละ ยิ่งไม่อยากพบยิ่งได้พบ
จะว่าไปก็บังเอิญจริงๆ มาถึงห้องรับแขก โจวเฉิงและโล่เฟยเอ๋อพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับไม่กี่คำก็เตรียมจะไป แต่เวลานี้เองซูซีมู่ก็โผล่ออกมาพอดี
“โจวเฉิง เวลานี้นายควรไปที่บริษัทไม่ใช่เหรอ”ซูซีมู่ถามด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินเสียงซูซีมู่ โรคที่เกิดจากการทำงานของโจวเฉิงก็กำเริบอีก เขายิ้มเจื่อนพูด “คือว่า……ที่จริงแล้ว…..ผู้ช่วยโม่ที่มาใหม่บอกว่า เขาสามารถช่วยผมจัดการได้ เพราะก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นผมจึงตอบตกลงครับ……”
“ได้ เที่ยวให้สนุก”ซูซีมู่ก็ไม่ใช่พวกไม่มีเหตุผลขนาดนั้น ก็ปล่อยผ่านไป
ในตอนนั้น ความกังวลในใจของโจวเฉิงก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที จึงรีบจูงมือซูยุ่นเดินออกไปทันที
ทันใดนั้นเองก็เกิดความรู้สึกเหมือนได้ถูกปล่อยออกมาจากในคุกแล้ว โจวเฉิงพูดอย่างตื่นเต้น “ยุ่นเอ๋อ นานๆ ฉันจะมีเวลาอยู่กับเธอ เธอพูดสิว่าเธออยากไปไหน”
“ไปเดินเล่นดูหนัง หรือไปสวนสนุก ไปกินหม้อไฟ”ในทันใดนั้นซูยุ่นมีความคิดมากมาย เพราะช่วงเวลาแบบนี้มันไม่เยอะ จึงจำเป็นต้องวางแผนให้ดีสักหน่อย
“ไปหมดเลย”
“หากไปหมดเวลาต้องไม่พอแน่……”
ตอนนี้คือเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า อยากเล่นให้เพียงพอทุกอย่าง หากอยากเล่นให้พอนั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“ไม่เป็นไร เวลาของเรายังอีกยาว ไม่ต้องผิดหวังนะ” โจวเฉิงเห็นใบหน้าเรียวของซูยุ่นมีความผิดหวังเล็กน้อย ก็ยิ้มพลางปลอบใจ
“ได้ งั้นพวกเราสามารถเล่นอะไรได้ก็ไปเล่นอะไร ฉันอยากไปที่สวนสนุกก่อน”ซูยุ่นเสนอ
ฟังจบ โจวเฉิงก็ขับรถพามาถึงสวนสนุก
ทั้งสองเล่นกันอย่างกสนุกสนาน แถมยังถ่ายเซลฟีไม่น้อยโพสต์ลงในวีแชท
คอมเมนต์เต็มไปด้วยความอิจฉาของผู้หญิงที่ไม่เคยไป
หลังจากเล่นที่สวนสนุกไปประมาณสองชั่วโมงกว่า ก็เตรียมจะไปกินหมูกระทะ ในร้านหม้อไฟเสฉวนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซูยุ่นพบกับซือเหม่ยหยวนอีกครั้ง
ผู้ชายที่เธอพามาด้วยในครั้งนี้กับที่เห็นในครั้งก่อนไม่เหมือนกัน
เดิมทีความทรงจำครั้งแรกที่ซูยุ่นเจอเธอก็ไม่ค่อยจะดี แถมเธอยังใส่ร้ายโล่เฟยเอ๋ออีก ความรู้สึกดีในใจสักนิดก็ไม่มีให้เธอ
ยังดีที่เธอไม่รู้จักตัวเอง……เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูยุ่นก็โล่งใจ
ตอนที่โจวเฉิงสั่งอาหารเสร็จ เตรียมจะถามซูยุ่นว่าอยากทานอะไรนั้น ทันใดนั้นเองซูยุ่นก็นึกถึงการโพสต์ที่ไปเที่ยวในวันนี้ ถ้างั้นซือเหม่ยหยวนจะจำได้ไหม……
ในวีแชทยังสามารถแกล้งแสดงความญาติดีกับซือเหม่ยหยวนได้ แต่ในชีวิตจริง ถ้าตัวเองได้เห็นทีเสแสร้งของซือเหม่ยหยวนแล้วก็คาดว่าอาจจะสามารถอ้วกออกมาได้
“ยุ่นเอ๋อ……ยุ่นเอ๋อ”โจวเฉิงเรียกซ้ำๆ หลายรอบแต่ซูยุ่นยังคงนิ่งไม่ขยับ
“หา……มีอะไรมีอะไร”จู่ๆ ซูยุ่นก็ได้สติขึ้นมา ยิ้มเจื่อนๆ ถาม
โจวเฉิงรู้สึกว่าซูยุ่นมีเรื่องปิดบังตัวเองไว้ จึงถามออกไปอย่างเป็นหวัง”ยุ่นเอ๋อ เธอมีเรื่องอะไรเก็บไว้ในใจรึเปล่า พูดออกมาเถอะฉันจะรับแบกมันไปกับเธอเองนะ”
เหมือนเรื่องใหญ่ขนาดนี้ตัวซูยุ่นเก็บไว้ในใจต้องทรมานมากแน่นอน แต่รับปากโล่เฟยเอ๋อแล้วว่าจะไม่พูดไปเรื่อย เธอจึงต้องเก็บความลับไว้เป็นอย่างดี
“ไม่มีอะไรหรอก……”
เธอในตอนนี้อยากเจรจากับโจวเฉิง ว่าสามารถลบรูปที่โพสต์ก่อนได้ไหม……เพราะเพื่อนในรายชื่อของโจวเฉิงต้องมีซือเหม่ยหยวนอยู่แน่นอน
การเคลื่อนไหวเมื่อกี้ที่เพิ่งโพสต์ไป กลับมาลบในตอนนี้ จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกไหม ซูยุ่นอยู่ในระหว่างการสับสน
เธอสั่งอาหารไม่กี่อย่างเสร็จด้วยจิตใจล่องลอย ช่วงที่รออาหารมาเสิร์ฟ ในที่สุดซูยุ่นก็ฝืนพูดออกไป “คือว่า……คุณดูสิว่าเราสามารถลบรูปที่โพสต์ลงไปออกก่อนได้ไหม ความสัมพันธ์ของเราดีแบบนี้ พวกเรารู้ก็เพียงพอแล้ว พวกเราโพสต์อย่างไม่แคร์ไม่เกรงกลัวใดๆ เช่นนี้ ก็ควรคิดถึงจิตใจคนโสดบ้าง ใช่ไหม”
ข้ออ้างนี้ ตัวซูยุ่นก็รู้สึกฝืดๆ ฟังไม่ขึ้น คาดว่าในใจโจวเฉิงก็คงเสียใจแน่นอน
นี่คือการถ่ายรูปคู่ครั้งแรกของพวกเขา และเป็นการโพสต์ครั้งแรกเช่นกัน ในใจโจวเฉิงดีอกดีใจเป็นอย่างมาก แต่จู่ๆ มาได้ยินว่าลบออก ก็ต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน
เขาตามใจซูยุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพูดรับปาก “ได้สิ……”
เมื่อเห็นโจวเฉิงรับปากอย่างยิ้มเจื่อนๆ กับไม่เต็มใจ ในใจซูยุ่นไม่สบายเป็นอย่างมาก
“ไม่ลบแล้วไม่ลบแล้ว……”ซูยุ่นเปลี่ยนคำพูด
ทำไมสักพักลบสักพักถึงไม่ลบ โจวเฉิงมึนงงไปหมดแล้ว เลยพูดอย่างระงับอารมณ์ “งั้นฉันต้องลบหรือไม่ต้องลบ”
“ไม่ลบ”ซูยุ่นตัดสินใจแล้ว ว่าจะเป็นเพราะซือเหม่ยหยวนคนเดียวลบความทรงจำที่งดงามขนาดนี้ออกมันไม่คุ้มค่าเลย
ถามเธอยังเตรียมสารภาพความผิดโทษหนักจะได้เป็นเบา เธอชี้ไปที่ข้างหลังของข้างหลังของโต๊ะเธออย่างเงียบ ๆ โจวเฉิงมองไปทางที่ชี้ ซือเหม่ยหยวนเหรอ
ตัวเองกับเธอคงต้องประชันกันแล้วเหรอ ทำไมเวลาที่ตัวเขาเองออกมาต้องเจอเธอด้วย นี่คือคำสาปความซวยอะไรเนี่ย
แต่ว่าเธอกับการลบโพสต์มันเกี่ยวข้องยังไงกัน
“ฉันรู้ว่าในใจคุณต้องมีข้อสงสัยมากมายแน่ แต่เรื่องนี้เวลาอันสั้นอธิบายไม่รู้เรื่อง รอกลับไปแล้ว ฉันจะค่อยอธิบายให้คุณเข้าใจดีไหม “ซูยุ่นพูด
“แล้วยังมีคือว่าฉันไม่อยากให้การโพสต์ของคุณให้เธอ……”ซูยุ่นพูดเสริม พูดด้วยความอ้อน
เธอไม่ชอบซือเหม่ยหยวน ดังนั้นก็ไม่อยากซือเหม่ยหยวนให้เข้าใกล้ชีวิตของคนที่เธอชอบ
“และแน่นอนว่าไม่ให้เธอดูอยู่แล้ว เมื่อกี้ตอนเพิ่มเป็นเพื่อน ฉันซ่อนการโพสต์แล้ว ปกติฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ดูความสัมพันธ์ภายหลัง ถ้าดีก็จะปลดล็อค”โจวเฉิงยิ้มพลางลูบหัวซูยุ่นเบาๆ พูด
“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ฉันจำได้ว่าการโพสต์ของคุณฉันอ่านได้ตลอดนะ ” ซูยุ่นถามอย่างสงสัย “นั่นก็เพราะว่าฉันชอบเธอตั้งแต่พบแรกแล้ว ฉะนั้นฉันถึงยอมเผยชีวิตความเป็นอยู่ให้เธอเห็น” โจวเฉิงตอบด้วยรอยยิ้ม
อย่ามองว่าคำพูดนี้พูดได้จริงจังดี แต่ก็สามารถได้ใจคนมากที่สุด
ใบหน้าของซูยุ่นแดงขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ พูด”ถือว่าคุณพูดปลอบใจคนเป็น”
“นี่คำพูดฉันทำไมถึงพูดได้ถูกล่ะ เป็นเรื่องจริงนะ”โจวเฉิงพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง
คุณคิดว่าผู้ช่วยที่อยู่ภายใต้มือของซูซีมู่นั้นที่ถูกเขาทำลายอย่างหนักตลอดทั้งวันจะยังสามารถพูดจีบหญิงสาวได้เหรอ
แต่โดยตลอดมานั้นการจีบที่จริงจัง มักได้ใจคนที่สุด
“เธอกับซือเหม่ยหยวนนั้นช่วงนี้มีการติดต่อกันใช่ไหม ฉันเห็นว่าช่วงนี้หล่อนเดี๋ยวๆ ก็ทักมาถามฉันตลอดว่าเธอชอบอะไร ฉันจะบอกเธอให้นะว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เธออย่าเชื่อคำพูดของเธอเด็ดขาด ”
“คุณวางใจได้ ฉันไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย ไม่โดยเธอหลอกง่ายๆ หรอกนะ”ซูยุ่นยิ้มพลางพูด