บทที่468 เธอน่ารักมาก
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ตอนแรกนั้นซือเหม่ยหยวนบังคับให้ฉันเซ็นสัญญากับบริษัทซือซื่อสิบปี ตอนนี้เพิ่งผ่านไปได้แค่สองปีเอง……”
ขณะที่พูด ซ่งหมิ่นหมิ่นก็ก้มหน้าอย่างเศร้าโศก
ในชีวิตมีสิบปีได้อีกกี่ครั้ง ระยะนี้เป็นช่วงที่ดีในการดิ้นรนต่อสู้ ผู้หญิงเปรียบไม่ได้กับผู้ชายจำเป็นต้องดูแลครอบครัว พอถึงตอนนั้นแม้จะมีไฟในการทํางานแต่ก็ถูกครอบครัวรั้งไว้ จึงมีใจแต่ไร้กำลังไปเท่านั้น
“อย่าผิดหวังเลยครับ ต้องมีทางออกอย่างแน่นอน ผมกลับไปหาวิธีให้คุณเอง”โจวเฉิงพูดอย่างจริงจัง
ที่จริงแล้วตั้งแต่ที่ซ่งหมิ่นหมิ่นได้รู้จักกับโจวเฉิงนั้นในใจก็มีความรู้สึกดี เขาไม่เหมือนคนอื่นที่ดูถูกตัวเอง เขายอมรับในความสามารถตัวเอง แถมยังเอาของกินมาให้ตัวเองบ่อยๆ
แม้ว่าของกินทุกคนก็ได้ แต่โจวเฉิงก็ไม่เคยลืมของซ่งหมิ่นหมิ่น สำหรับซ่งหมิ่นหมิ่นแล้วนั่นคือการซาบซึ้งอันใหญ่หลวง
“อันที่จริง…..คุณอย่าไม่มั่นใจเช่นนี้ไปตลอด คุณก็น่ารักอยู่นะครับ เพียงไม่ต้องใส่แว่นหนาแบบนี้ แล้วตัดผมสั้นก็จะดูสวยมากแล้ว”โจวเฉิงเสนอความคิดเห็นอย่างเกรงใจเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมเธอเช่นนี้ ซ่งหมิ่นหมิ่นรู้สึกว่ามันไม่เป็นความจริงเล็กน้อย เธอตะลึงงันไปเบาๆ ผ่านไปหลายวินาทีถึงได้สติกลับมาแล้วพูด “ขอบคุณค่ะ……”
“ไม่ต้องเกรงใจ กิจกรรมยังไม่จบ รีบกลับไปเถอะครับ”พูดจบโจวเฉิงก็โบกมือลาซ่งหมิ่นหมิ่นทันที หลังจากโจวเฉิงกลับไปแล้ว ซ่งหมิ่นหมิ่นก็รีบกลับไปทันที
ลู่ยู่คิงแห่งการเสือกเห็นฉากนี้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะพูดแซวโจวเฉิง”โจวเฉิง เกิดอะไรขึ้นกับนาย ภรรยาสวยๆ ปล่อยไว้ในบ้านไม่เอา กลับไปโปรยเสน่ห์…..ฉันดูไม่ออกเลยว่านายจะมีรสนิยมที่หนักขนาดนี้”
“เฮ้ยๆๆ ประธานลู่ คุณพูดมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้นะ ผมจริงใจกับยุ่นเอ๋อนะครับ อีกอย่าง โปรดอย่าเรียกคนอื่นแบบนี้ มันไม่สุภาพมากๆ ……”โจวเฉิงพูดอย่างจนปัญญาเล็กน้อย
ตอนที่ลู่ยู่เตรียมจะอ้าปากพูด ซูซีมู่ก็ส่งสายตาดุๆ ไปให้ ลู่ยู่กลัวจนคำพูดไร้สาระสักคำก็ไม่มี
ไม่นานกิจกรรมก็เสร็จสิ้น โจวเฉิงส่งซูซีมู่กลับไป ลู่ยู่คนที่ถูกภรรยาคุมอย่างหนักก็ต้องรีบกลับไปอยู่กับหซิวหชูเฉียว
ส่วนเหซิงโม่กับซือจิ้งสวนนั้นอยู่ต่อ เตรียมอยู่เป็นเพื่อนกับพ่อซือแม่ซืออย่างดีๆ
“คุณพ่อ……”ซือจิ้งสวนยังคงเรียกชื่อพ่อซืออย่างเกรงๆ คำพูดที่กลั้นมาครึ่งวันในที่สุดก็พูดออกมาสักที “คุณพ่อ คืนนี้หนูไปอยู่เป็นเพื่อนกับคุณพ่อและคุณแม่นะคะ หนูกับเหซิงโม่ยังไม่เคยกลับบ้านไปรวมทานข้าวสักมื้อเลยค่ะ”
เมื่อเผชิญกับการอ่อนข้อแบบกะทันหันของซือจิ้งสวน ทั้งร่างพ่อซือก็เกิดความไม่ชินเหมือนกัน แต่ถึงจะยังไงนั่นก็คือลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองเขาจะใจแคบลงได้ยังไง”ได้ ฉันกลับไปจะให้แม่เธอทำอาหารอร่อยๆ หลายอย่างไว้ให้”
เดิมทีเตรียมอยู่ต่อเพื่อจะสั่งสอนซ่งหมิ่นหมิ่นดีๆ สักชุด คิดไม่ถึงว่าซือจิ้งสวนกับเหซิงโม่จะไปทางพ่อซือ ซือเหม่ยหยวนรู้สึกประหม่าทันที จึงรีบเดินเข้าไป” คุณพ่อ น้องสาว น้องเขย นี่พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่คะ”
ซือจิ้งสวนเพียงเห็นซือเหม่ยหยวนไฟแห่งโกรธก็เต็มท้อง เธอมองบน แล้วในเวลานี้เองเหซิงโม่ก็ดึงมุมเสื้อของเธอ ซือจิ้งสวนถึงจะพยายามระงับความรู้สึกรังเกียจลงได้
“พวกเราคุยกันอยู่ว่า คืนนี้ทานอะไรนะ เตรียมจะร่วมทานข้าวกับครอบครัวด้วย พี่สาวมาไหมคะ”ซือจิ้งสวนถาม
เมื่อก่อนอย่าว่าแต่ทานข้าวด้วยกัน แค่ใช้ชีวิตด้วยกันกับซือเหม่ยหยวนด้วยกัน ซือจิ้งสวนนั้นยังรู้สึกรังเกียจจนแทบจะบ้า ถ้าไม่ใช่เพราะต้องคิดดีๆเพื่อตระกูลซือนะ
ซือจิ้งสวนก็ไม่อยากจะสนซือเหม่ยหยวนสักนิด
ซือเหม่ยหยวนรู้สึกเหลือเชื่อ เธอคิดว่าซือจิ้งสวนตั้งแต่จนจบต้องไม่สนใจไยดีตัวเอง อันที่จริงเธอก็หวังให้ซือจิ้งสวนทำเช่นนั้น แบบนั้นก็ยิ่งสามารถเพิ่งรอยร้าวให้ความสัมพันธ์ของพ่อซือกับซือจิ้งสวนมากขึ้น
“ได้……ได้สิ……”
ซือเหม่ยหยวนทำได้เพียงตอบตกลง ซือจิ้งสวนยอมแสดงความญาติดีด้วยแล้ว ถ้าตัวเองยังไม่ตกลงนั้นจะไม่เป็นการเสแสร้งเหรอ
เหซิงโม่ขับรถ พ่อซือนั่งข้างคนขับ ส่วนซือจิ้งสวนทำได้เพียงนั่งข้างซือเหม่ยหยวนอย่างไม่มีทางเลือก
ก่อนขึ้นรถเหซิงโม่ได้สั่งซือจิ้งสวนไว้แล้ว บอกเธอว่าไม่ว่าซือเหม่ยหยวนจะพูดยังไงเธอก็ต้องห้ามโมโหเด็ดขาด
พ่อซือกับเหซิงโม่อยู่ข้างหน้าคุยเรื่องบริษัทกัน ทั้งสองที่เป็นพวกเดียวกันมาอยู่ด้วยกันก็ต้องมีเรื่องจะคุยมากเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้ พ่อซือนั้นพอใจเหซิงโม่เป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนก็กล่าวขอโทษแล้ว ความสัมพันธ์ก็อยู่ในช่วงค่อยๆ ดีขึ้น เป็นธรรมดาที่พ่อซือจะดีอกดีใจจากก้นบึ้งหัวใจ
ซือเหม่ยหยวนมองภาพครอบครัวสุขสันต์เช่นนี้ภายในใจไม่พอใจอย่างมาก หากพวกเขาคืนดีกันเช่นนี้ งั้นสิ่งที่เธออุตส่าห์วางแผนไว้มากมายก็สูญเปล่าสิ
เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็เลยเริ่มสร้างความร้าวฉาน เธอจึงเริ่มคุยกับซือจิ้งสวนก่อน “จิ้งสวน พี่ขอเผือกหน่อยนะ เดิมที่เธอกับน้องเขยมีความสัมพันธ์น่าเป็นห่วงมากไม่ใช่เหรอ พวกเราคือดีกันได้ยังไง พวกเราคือคนในครอบครัวเดียวกัน พูดเรื่องนี้ก็น่าจะไม่เป็นไรเหรอ”
ความทรงจำนี้คือเป็นความทรงจำที่ซือจิ้งสวนลืมยากและเจ็บปวดที่สุด เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอไม่อยากจะกล่าวถึง แต่ซือเหม่ยหยวนก็ยังรนหาที่ตายจะพูดให้ได้
เหซิงโม่ที่ขับรถอยู่ข้างใบหน้าแสดงออกมาถึงเคร่งขรึมเล็กน้อย ซือเหม่ยหยวนนี่เลือกหัวข้อได้ดีจริงๆ อะไรไม่ควรพูดก็จะพูดให้ได้
แม้แต่พ่อซือก็รู้สึกว่าไม่สมควรจึงพูด “เหม่ยหยวน เรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ เธอไม่ต้องจี้ถามมันอีก”
“ได้ค่ะ……ในเมื่อน้องไม่อย่าจะพูด งั้นหนูก็จะไม่ถามแล้วค่ะ”ใบหน้าซือเหม่ยหยวนแสดงออกถึงความได้ใจ เธอต้องการเห็นซือจิ้งสวนแสดงความโกรธเช่นนี้แหละ แต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้
“สิ่งที่พี่สาวถามนั้น ฉันพูดๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ก็พูดแล้ว ว่าพวกเราคือคนในครอบครัวเดียวกัน คนในครอบครัวเดียวกันจะรู้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อก่อนพวกเราสองคนเพราะเรื่องบางเลยทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ต่อมาก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดีค่ะ”ซือจิ้งสวนตอบอย่างใจเย็น ใบหนาไม่เผยให้เห็นถึงความโกรธใดๆ สามารถฟังจากน้ำเสียงว่าเธอไม่ได้มีความสุขมากนัก
ทีนี้ถือว่าซือเหม่ยหยวนพลาดแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ซือจิ้งสวนโกรธตรงกันข้ามกลับทำให้ความรู้สึกๆ ที่มีต่อเธอในใจของพ่อซือลดน้อยลง
จากกระจกรถสามารถมองออกได้ว่าสีหน้าของพ่อซือไม่ค่อยจะดี
มาถึงในบ้าน แม่ซือรู้ว่าซือจิ้งสวนกับเหซิงโม่กลับมาด้วย
ก็ดีใจอย่างมากจึงไปทำอาหารกับแม่บ้านอร่อยๆ อย่างหลาย
ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์ ซือจิ้งสวนไม่ได้สนใจซือเหม่ยหยวน ส่วนแม่ซือนั้นก็เพิกเฉยไปตรงๆ พ่อซือแค่รู้สึกว่าคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมาก
จู่ๆ ซือเหม่ยหยวนก็รู้สึกว่าตัวเองราวกับเป็นคนนอก ในใจไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เมื่อก่อนเป็นซือจิ้งสวนที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แท้ๆ ตอนนี้ทำไมถึงย้ายมาที่ร่างตัวเองแล้ว
แม่ซือไม่อย่าให้ไปมากๆ จริงๆ ซือจิ้งสวนจึงนอนที่นี่คืนหนึ่ง เหซิงโม่ก็อยู่ด้วยอย่างไม่คิด
เดินทีซือเหม่ยหยวนทานข้าวเสร็จก็เตรียมจะไปทันที แต่ตอนนี้ซือจิ้งสวนอยู่ที่นี่ต่อ เธอกลัวว่าซือจิ้งสวนจะพูดอะไรออกไป แม้ว่าพ่อซือกับตัวเองจะสนิทกันแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับความจริงที่ซือจิ้งสวนเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา