ตอนที่ 66 เสี่ยวป๋ายกลายเป็นเสี่ยวหง(1)
“เสี่ยวป๋าย” ซินเหยาพูดออกมาก็ต้องกลืนน้ำลายไป เพราะเธอพบเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
ขนของเสี่ยวป๋ายฉับพลันกลายเป็นสีแดงเลือด!
เสี่ยวป๋ายกลายเป็นเสี่ยวหงหรือ?
สีแดงคล้ายกับกลุ่มดอกไม้สีสันสดสวย ช่างงดงามและแปลกประหลาดไปพร้อมๆกัน
“เสี่ยวป๋าย! เจ้าไม่สบายหรือ?”
ซินเหยาใช้แรงเขย่าเสี่ยวป๋ายแต่มันกลับนิ่งเหมือนกับตายไปแล้ว
“มันผิดปกติ!”
ซินเหยาตระหนักว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะเลวร้าย
“ปกติเสี่ยวป๋ายชอบกินชอบนอน แต่ก็ไม่เคยนอนนานจนไม่ตื่นแบบนี้นิ!”
“มันต้องตื่นมาร้องหาอาหารแล้วสิ!”
ซินเหยาตรวจลมหายใจของมันยาวนานและสม่ำเสมอไม่เหมือนป่วยเลยสักนิ
“แต่ว่า…”
“ขนของมันทำไมถึงเปลี่ยนเป็นสีแดงกัน?”
ซินเหยาดึงขนออกมาสองสามเส้นก็พบว่าจากขนสีขาวนุ่มราวหิมะกลับกลายเป็นสีแดงแข็งกระด้างให้ความรู้สึกเหมือนกับตัวเม่น….
“เสี่ยป๋ายทำไมถึงกลายเป็นตัวเม่นละ?”
ซินเหยาแปลกใจ
เธอพยายามใช้อาหารล่อลวงเรียกคนงานให้นำผลไม้ ถั่ว และเนื้อจานใหญ่มาให้ แต่ไม่ว่ากลิ่นอาหารจะหอมยั่วยวนเพียงไหน เสี่ยวป๋ายก็นอนนิ่งเหมือนกับตายไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแม้แต่นิด
“เสี่ยวป๋ายเปลี่ยนเป็นเสี่ยวป๋ายสีแดงหรือ?”
“และยังไม่สนใจอาหารอีกเสียด้วย?”
“ทำไมจู่ๆเสี่ยวป๋ายก็แปลไปแบบนี้? ตั้งแต่ที่ดื่มเหล้าเมื่อวานมันก็ยังไม่ตื่น…”
“ใช่!”
“เหล้า!”
“เสี่ยวป๋ายดื่มเหล้าเข้าไป!”
ซินเหยาคิดได้ขึ้นมาทันทีหรืออาจจะเป็นเพราะเสี่ยวป๋ายดื่มเหล้าเข้าไปขนของมันเลยกลายเป็นสีแดง เหมือนกับหลายๆคนที่พอดื่มเหล้าแล้วหน้าและหูก็จะกลายเป็นสีแดง
ทว่า….
สัตว์อะไรกันที่ดื่มเหล้าแล้วจากขนสีขาวกลายเป็นขนสีแดง?
หรือว่าเพราะเสี่ยวป๋ายดื่มเหล้าเพราะฉะนั้นก็เลยเปลี่ยนเป็นสีแดง?
แม้แต่ขนนิ่มยังกลายเป็นแข็งกระด้าง?
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
ดีที่ลมปราณของเสี่ยป๋ายยังยาวและสม่ำเสมอไม่อย่างนั้นซินเหยาคงคิดว่ามันตายแล้วแน่ๆ
ไม่ว่าจะพยายามปลุกเสี่ยวป๋ายยังไงมันก็ยังนอนนิ่งสุดท้ายซินเหยาก็ปล่อยให้มันนอนต่อไป
“จะดูสิว่าจะนอนไปถึงเมื่อไรกัน”
ซินเหยานั้นกำลังภายในแข็งแกร่งสามารถรับรู้ลมปราณของเสี่ยวป๋ายได้ว่ามันยังคงแข็งแรงอยู่
แต่เธอก็ยังคงรู้สึกแปลกใจอยู่ดี…
หรือว่าบางทีเสี่ยวป๋ายจะไม่ใช่สัตว์ป่าปกติทั่วไป
พอดื่มเหล้าเข้าไปก็นอนหลับใหลไม่ได้สติแบบนี้…..
และขนทั่วทั้งร่างกายยังเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก….
ฉับพลันซินเหยาก็รู้สึกว่าร่างกายของเสี่ยวป๋ายนั้นเหมือนกับว่าปกปิดความลับอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่
อย่างน้อยก็ลูกปัแก้วสีฟ้าที่เสี่ยวป๋ายทำก็ทำให้กำลังภายในของซินเหยาเพิ่มขึ้นราวปาฏิหาริย์ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่สัตว์ป่าธรรมดาจะทำได้
ซินเหยานั่งยองอยู่ข้างเก้าอี้สังเกตเสี่ยวป๋ายที่หลับสนิทอย่างสนใจ
ทันใดนั้น….
ข้างล่างก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมา
“ไอ้พวกสารเลว!”
“ไสหัวออกไป!”
“ข้ามาหาท่านอาจารย์!”
“ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์หญิง! ข้ามาแล้ว! ท่านรีบออกมา!”
เสียงนี่ทำไมมันคุ้นๆนะ?
ทันใดนั้นซินเหยาก็นึกขึ้นมาได้ว่าใช่นักกระบี่โหมคนเมื่อวานที่สร้างความวุ่นวายที่จวนอ๋องโจ๋วหรือเปล่านะ?
“เขามาคารวะอาจารย์จริงๆหรือเนี่ย?”
เมื่อวานค่ำซินเหยาต้องการยั่วโมโหเลยตั้งใจหยอกเล่นและพนันกับเขาถ้าหากว่าแพ้ให้เรียกเธอว่าท่านอาจารย์และยังเรียกให้เขามาคารวะอาจารย์ที่ร้านพักป่ายเหอในวันพรุ่ง
ความจริงแล้วซินเหยาแค่หยอกล้อเพียงเท่านั้น เธอไม่ได้คิดว่าจะรับลูกศิษย์ที่อายุมากขนาดนี้มาก่อน
อีกทั้งเธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหนึ่งในสี่สุดยอดปรมาจารย์นักกระบี่โหมจะยอมรับและแพ้ให้กับการพนันแล้วกลายมาเป็นลูกศิษย์เธอที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาอายุไม่ถึงยี่สิบแบบนี้!
ชายคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ?
ทำไมถึงแยกคำหยอกล้อหรือความจริงไม่ออกกัน?
และทำไมสุดปรมาจารย์ถึงต้องมาคารวะอาจารย์จริงๆด้วย?
นี่มันสมองมีปัญหาชัดๆ
ดูเหมือนข้างล่างยังคงเอะอะโวยวายไม่หยุดเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง
“ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์! ท่านมาแล้ว!”
นักกระบี่โหมที่เหมือนยาจกแก่ที่ไม่ได้อาบน้ำมาสิบปีผมยาวกระเซอะกระเซิงพอห็นซินเหยาก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น
เถ้าแก่ร้านกับคนงานที่เห็นยาจกตัวเกม็นคนนี้เข้าร้านมาสร้างความวุ่นวายและยังมาโวกเวกโวยวายหาท่านอาจารย์อีกก็คิดไปว่ายาจกคนนี้เป็นบ้าเสียสติ แต่คาดไม่ถึงถึงว่าจะมาหาท่านอาจารย์จริงๆแถมอาจารย์ที่ว่ายังเป็นสาวที่สวยงามหยดย้อยอีกด้วย!