บทที่ 37 คิดถึงเงินจนเป็นบ้า(2)
“แม่นาง ที่เจ้าสั่งมามีทั้ง …..กุ้งผัดเอย ไหนจะเยียนหยุ่ย ยังมีนกเยียนยาง ของพวกนี้ร้านเราไม่มี”
“อย่างนั้นพวกเจ้ามีอะไร”
ซินเหยาอยู่ดีๆ ก็คิดถึงมาได้ อาหารชาวบ้านธรรมดาจะเอามาตรฐานของจวนท่านอ๋องมาเทียบได้ยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกมาลำพัง แล้วก็เป็นครั้งแรกที่กินข้าวข้างนอก เลยรู้สึกแปลก ๆ
“หมู ,วัว, แกะ,ปลา,ไก่ หรือจะพวกผักก็มีหมด”
เด็กโรงเตี้ยมรู้สึกว่าแม่นางคนงามเห็นได้ชัดว่ามีเจตนาหาเรื่อง แต่จะว่าไปชื่ออาหารเหล่านั้นก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูจากท่าทางก็แย่ไปหน่อย
“งั้นก็เอาหัวหมูมาหนึ่ง หัววัวมาหนึ่ง หัวแกะมาหนึ่ง ปลาครึ่งตัว ไก่ครึ่งตัว แล้วก็ผักครึ่งโลแล้วกัน “ซินเหยาพูดอยากตั้งใจ
“แม่นาง เจ้า…..อย่าล้อเล่นเลย เมื่อกี้นี้ข้าอาจจะทำท่าทางไม่ค่อยดี แม่นางได้โปรดอภัย “ เด็กโรงเตี้ยมรีบขอโทษอย่างยิ้ม ๆ แม่นางคนนี้ไม่ควรล่วงเกิน ท่าทางพลาดไปนิดเกือบโดนนางโกรธเข้าแล้ว ! ท่าทางแม่นางที่ดูเป็นหญิงบอบบาง จริงๆแล้วข้างใจดูร้ายกาจ
“ ร้านพวกเจ้ามีกับข้าวอะไรแนะนำไหม” ซินเหยาทำใจกว้าง ไม่ได้จะคิดบัญชีกับเขา คนเรายอมรับผิดแล้ว ก็แล้ว ๆ กันไป
“ อาหารแนะนำหรือ มีอันนี้! เป็ดย่างปักกิ่ง”
เด็กโรงเตี้ยมพูดอย่างยิ้มแย้ม
“อ๊า เจ้า…..เจ้าพูดอีกรอบซิ”
“อาหารขึ้นชื่อของเราคือเป็นย่างปักกิ่ง”
“พรื๊ว!”
ซินเหยาอดไม่ไหวที่จะขำ “ พี่ชาย เจ้าเคยไปปักกิ่งไหม”
เด็กโรงเตี้ยมส่ายหน้า สีหน้ามึนงง “ ปักกิ่งหรือที่ไหนกัน หรือว่าจะเป็นบ้านเกิดของเป็ดย่างปักกิ่ง ! แต่ทว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดถึงบ้านเกิดของเป็ดย่างปักกิ่ง ก็น่าสนุกดี “
นี่มันน่าสนใจจริง !
ยุคนี้ก็นิยม แม้กระทั่งเป็ดย่างปักกิ่ง!
ซินเหยารู้สึกดีใจเป็นครั้งแรก รู้สึกคุ้นเคย สนุกดี
เด็กโรงเตี้ยมถามอย่างงง “แม่นาง เจ้าหัวเราะอะไร”
ซินเหยาถาม:“อาหารขึ้นชื่อของร้านเจ้าคือเป็ดย่างปักกิ่งใช่ไหม หรือว่าเถ้าแก่ของร้านไปเหอะจะทะลุมิติมา แต่รู้แล้วเจ้าไม่น่าเข้าใจคำว่าทะลุมิติมา อย่างนั้นเจ้าต้องบอกมาให้ละเอียด เป็ดย่างปักกิ่งนี้มาได้อย่างไร”
เด็กโรงเตี้ยมพูดว่า ; “ได้ยินมาว่ามาจากราชวงศ์เทียนเยว่ที่ไกลโพ้นและได้ตกทอดมายังประเทศเรา”
ซินเหยา: งั้นเอาเป็ดย่างปักกิ่งมาแล้วกัน แล้วก็หั่นเนื้อวัว เนื้อไก่ หมั่นโถว ทั้งหมดนี้ไม่ต้องใส่เครื่องปรุง เพียงใช้แค่น้ำร้อนต้มเดือดก็พอแล้วก็ใส่ถั่วลิสง, อัลมอนด์และถั่วอื่นๆ ก็เอามาแค่นี้ก่อน “
“ ได้ครับ! ริมหน้าต่างโต๊ะ 5 เอาเป็ดย่างปักกิ่งจานนึง เนื้อวัว……”
เด็กโรงเตี้ยมรับคำแล้วเดินลงไปสั่ง
“ท่านพี่ ท่านคิดว่า ให้ความสำคัญกับเจี้ยงหูแล้วหรือ”
“ชุ่วววว! เสียงเบา. ๆ “
“ พี่ชาย ถ้าหากคัมภีร์เทพบู๊ให้ความสำคัญกับเจี้ยงหู ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าโลกคงไม่สงบแน่ ๆ ! ข้างในหนังสือคัมภีร์เทพบู๊มีความลับของสวรรค์ เกรงว่าจะ……”
“ ชู่วววว! ที่นี่คนเยอะ พวกเราเปลี่ยนที่…….”
โต๊ะด้านข้างมีผู้ชายสองคนแต่งตัวคล้ายกับนักดาบพูดอะไรกันลึกลับๆ “คัมภีร์เทพบู๊” ก็ลุกลี้ลุกลนรีบวางเงินไว้ก้อนหนึ่งแล้วก็เช็คบิลออกจากร้านพักไปเลย.
เนื่องจากซินเหยาใช้มนตร์ของหมาป่าสองหัวไป เลยทำให้กำลังภายในเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพียงในข้ามคืนบรรลุถึงจื่อกู้ชั้นเก้า กลายเป็นโจว๋อี้เฉินหลังจากนั้น ผ่านมหนึ่งร้อยสามสิบปีราชวงศ์เทียนส้งหนึ่งในสิบฝีมือชั้นสูง
ยุคนี้มีกำลังสนับสนุน
นักบู๊ยุคนี้ถูกแบบตามกำลังภายในแบบตื้นลึกแบ่งออกเป็นสิบขั้น
ถ้าใช้หมัดทำลายก้อนหินได้ก็เป็นนักบู๊อยู่ขั้นหนึ่ง เป็นระดับต่ำมาก ไม่ว่าจะมีกำลังภายนอกภายในฝึกฝนมาก็กลายเป็นนักบู๊ขั้นหนึ่ง
นักบู๊ขั้นหนึ่งเป็นระดับพื้นฐานที่สุดที่ก็มีขอบเขต เช่นการรับสมัครเข้าใหม่ หรือเข้ากองกำลังทหาร หรือบ้านตระกูลใหญ่รับสมัครคน เป็นคนดูแล ทั้งหมดนี้ก็จำเป็นต้องผ่านกระบวนการเป็นนักบู๊ขั้นหนึ่ง
นักบู๊ขั้นสองต้องทำร้ายร่างกายได้จากกำลังภายในที่ผสมในชี่ (นักบู๊ระดับนี้จะกลายเป็นจื่อกู้ จื่อกู้ก็ยังแบ่งเป็นอีกเก้าชั้น จื่อกู้ที่ทำลายชั้นหนึ่งได้ ก็จะกลายเป็นผู้ฝึกกำลังภายในได้ และได้เป็นนักบู๊ขั้นสอง นักบู๊ขั้นสองก็ยังเป็นตำแหน่งที่ตำที่สุดในการฝึกกำลังภายใน
จื่อกู้ที่ทำลายชั้นสามได้ กำลังภายในก็จะสูงขึ้นไปอีกขั้นในเวลานี้ก็สามารถใช้แรงตัดต้นไม้ให้ขาดได้ ตัดลมปรานและอวัยวะภายใน ก็จะนับว่าเป็นนักบู๊ขั้นกลาง คนในวัง ตำแหน่งทหารหน้า หรือท่านอ๋อง หรือตำแหน่งขุนนางมีอำนาจไปจนถึงองครักษ์หรือคนรักษาจวนระดับสูง จะต้องเป็นนักบู๊ขั้นสามเป็นอย่างต่ำ
นักบู๊ขั้นหนึ่งถึงสาม เป็นเป้าหมายทั่วไปของประชาชนในการฝึกบู๊ นักบู๊ขั้นหนึ่งยังไงก็ไม่หิวตาย จะหางานทำทั่วไปใช้ชีวิตได้ หาเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวเล็ก ๆ ไม่มีปัญหา ส่วนนักบู๊ขั้นที่สาม เป็นคนสั่งแล้ว ซื้อบ้านซื้อรถใช้ชีวิตสะดวกสบาย ไม่มีตกงานแน่นอน เพราะว่านักบู๊ขั้นสามไม่ว่าเดินออกไปไหน ใครก็ต้องการ
นักบู๊ขั้นสี่ถึงหก นับได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงแล้ว
โดยทั่วไปที่เจอจะเป็นสำนักยุทธภพ หรือเจิ้งเสวีย จะกุมความลับในการฝึกและการเรียนเอาไว้ ถึงจะสามารถถ่ายทอดไปยังศิษย์ได้ใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีขึ้นไปก็จะขึ้นขั้นเป็นนักบู๊ขั้นสี่ถึงขั้นหก ทั้งนี้ก็ต้องดูระยะเวลาในการฝึก นั่นคือศักยภาพของศิลปะการต่อสู้
อย่างนายท่านโจ๋วที่ได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งนั้นฝึกบู๊มาตั้งแต่สามขวบ แปดขวดก็ได้ขั้นสี่ สิบสามปีได้ขั้นหก และถ้าเป็นศิษย์สำนักยุทธภพทั่วไป คุณสมบัติไม่ค่อยดี อาจต้องใช้เวลาฝึกถึงห้าสิบปี และคงไม่ได้เป็นนักบู๊ขั้นสูงไปได้