Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 131

ตอนที่ 131

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 131
“เห้อ……”

วันต่อมาหลังจากที่ฉันออกไปแจกจ่ายอาหารกับฟีเน่ ฉันก็ได้เห็นเรื่องผิดปกติบางอย่าง

ลินเฟียกำลังถอนหายใจอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเธอดูเหมือนกำลังมีปัญหาด้วย

มันหายากมากที่จะได้เห็นลินเฟียที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาเป็นแบบนี้

“มีอะไรรึเปล่า? ลินเฟีย”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ โปรดอย่าใส่ใจเลย”

ลินเฟียพูดในขณะที่โค้งทำความเคารพ

เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันก็อดห่วงไม่ได้ ถ้าลินเฟียมีปัญหาฉันก็อยากจะช่วยเธอ ถึงยังไงฉันก็ได้รับความช่วยเหลือจากเธอหลายอย่าง

“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกข้าได้นะ ข้าจะช่วยเอง”

“คือว่า….ข้าบอกไม่ได้ค่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะฉะนั้นอย่าใส่ใจเลยนะคะ องค์ชายอาร์โนลด์ไม่ต้องมาลำบากด้วยหรอกค่ะ”

จากนั้นลินเฟียก็โค้งคำนับและออกไปจากห้องพร้อมกับเอกสารสำคัญ

หืม?

นี่มันอะไรกัน?

“เซบาส”

“มีเรื่องอะไรหรอครับ?”

ในตอนที่ฉันเรียกชื่อเขา เซบาสก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอดจนฉันหยุดถามแล้วว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

“รู้เรื่องอะไรบ้างรึเปล่า?”

“ข้าไม่อยากพูดนะครับ แต่การไปสืบงานอดิเรกของผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะครับ”

“มันเป็นปัญหาส่วนตัวขนาดนั้นเลยหรอ?”

เธอมีปัญหาเรื่องผู้ชายรึเปล่า?

ถ้าแบบนั้นฉันก็คงจะดูสอดรู้เกินไปที่ไปสืบสวนเพิ่มเติมหล่ะนะ แต่มันเป็นเรื่องยากที่ฉันจะนึกภาพลินเฟียมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ถึงแม้ว่าฉันจะดูค่อนข้างหยาบคายก็เถอะ

“ถ้าบอกว่ามันเป็นปัญหาส่วนตัวมันก็คงจะส่วนตัวจริงๆนั่นแหล่ะครับ”

“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าลำบากใจที่จะบอกก็ช่วยบอกมาเถอะ ถ้าไม่ก็เจ้าก็เงียบต่อไป จะเอาแบบไหน?”

“แน่นอนว่า ข้าไม่ได้มีปัญหากับการบอกเรื่องนี้ครับแต่มันไม่ใช่ปัญหาที่แก้ได้ง่ายๆนะครับเข้าใจใช่ไหมครับ?”

นี่คือวิธีการเตือนของเซบาสในตอนที่มันจะเป็นปัญหา ไม่ว่าฉันจะสอดเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอหรือไม่ นี่ก็คือสิ่งที่เซบาสถามฉัน

ฉันขมวดคิ้วให้กับเซบาสที่เป็นแบบนี้

พูดตามตรง ฉันไม่อยากหาปัญหาใส่ตัวให้มากกว่าเดิม เนื่องจากเมื่อวานฉันทำงานหนักมาก ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของฉันก็เลยมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อ

อย่างไรก็ตาม การปล่อยลินเฟียที่กำลังมีปัญหาไปแบบนี้มันไม่ดีเลย ถ้าลินเฟียทำอะไรผิดพลาดเพราะเรื่องนั้น มันก็คงจะเป็นฝ่ายเราที่ได้รับผลกระทบนั้นและถ้ามันทำให้ลินเฟียออกจากขุมอำนาจ มันก็คงจะเป็นความเสียหายหนักสำหรับพวกเรา

“เห้อ….บอกมาเถอะ”

“ตามประสงค์ครับ เท่าที่ข้ารู้ มีวันนึงท่านลินเฟียนั้นได้รับจดหมายมาจากน้องสาวของเธอ วันเกิดของน้องสาวใกล้เข้ามาแล้ว และท่านลินเฟียก็ได้ส่งรางวัลส่วนใหญ่ของเธอกลับไปที่หมู่บ้านของเธอแล้ว มันมีอยู่สามประเด็นเหล่านี้ครับ”

“เข้าใจหล่ะ…..ของขวัญวันเกิดสินะ”

เธออยากซื้ออะไรบางอย่างเป็นของขวัญให้น้องสาวแต่เธอมีเงินทุนไม่มากพอ นี่คือเรื่องที่เธอกังวล

น้องสาวของลินเฟียอยู่ด้วยกันกับพวกเด็กๆที่เราช่วยมาจากทางใต้และตอนนี้ก็ได้รับการคุ้มครองจากท่านพี่ลีเซอยู่ที่ชายแดน แน่นอนว่าท่านพี่ลีเซดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีแต่ถึงยังไงการหาของเล่นในกองทหารนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องยากอยู่ดี

ตราบใดที่เธอไม่สามารถอยู่กับน้องสาวได้ มันก็เป็นธรรมดาที่เธอคิดจะซื้อของขวัญให้น้อง

อย่างไรก็ตาม ลินเฟียกำลังส่งเงินไปให้หมู่บ้านของเธออยู่ เธอไม่สามารถลดจำนวนได้ด้วยดังนั้นเธอน่าจะคิดวิธีหาเงินเพิ่มอยู่

“ถึงยังคนที่พวกเรากำลังพูดถึงอยู่ก็คือลินเฟียนี่นะ เธอคงจะไม่ยอมรับเงินเพราะปัญหาส่วนตัวหรอกต่อให้ข้าให้เธอเองก็ตาม”

“ใช่ครับ พวกเราไม่สามารถมอบเงินให้เธอไปเฉย ๆเพื่อแก้ปัญหาได้”

การที่ฉันจะซื้อของขวัญให้เธอนั้นมันเป็นเรื่องง่ายๆแต่ลินเฟียไม่มีวันยอมรับแน่เพราะฉะนั้น จะทำยังไงดีนะ?”

ความกังวลของลินเฟียจะไม่หายไป ฉันรู้สึกผิดที่ฉันไม่สามารถปล่อยให้ลินเฟียไปอยู่กับน้องสาวได้ ความรู้สึกผิดนี้คงจะไม่หายไปต่อให้ฉันใช้เงินซื้อของขวัญให้เธอก็ตาม

“คิดว่าข้าควรทำยังไงดี?”

“ข้าเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันครับ”

“งั้นหรอ”

แม้ว่าจะเก่งรอบด้าน แต่เซบาสก็ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง มีวิธีคิดหาคำตอบที่ถูกต้องอยู่รึเปล่านะ?

ฉันควรจะทำยังไงดี?

การให้เงินเธอมันไม่มีประโยชน์อะไร และฉันก็ไม่สามารถซื้อของขวัญให้เธอได้เหมือนกัน

นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ

“ถ้างั้นก็คงช่วยไม่ได้ ข้าขอไปหาคำปรึกษาก่อนแล้วกัน”

“จากใครครับ?”

“เจ้านายเก่าของเจ้า”

“อย่างนี้นี่เอง เธอเป็นที่ปรึกษาที่เหมาะสมจริงๆครับ”

ด้วยการตัดสินใจนี้เอง ฉันก็ลุกขึ้น

“และนี่ก็คือเรื่องที่ข้าอยากจะมาปรึกษา”

ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในตำหนักใน

เบื้องหน้าฉันก็คือผู้หญิงที่มีผมสีดำคนนึง

มิทสึบะ สนมลำดับหก และยังเป็นแม่ของฉันด้วย

“อุ๋ยตาย แม่ของเจ้ามีความสุขขึ้นเยอะเลยนะในตอนที่ได้คุยกับเจ้าเรื่องเด็กผู้หญิงแบบนี้เนี่ย”

“ไม่ครับ นี่ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงซักหน่อย ข้าแค่อยากถามเรื่องของขวัญที่จะซื้อให้น้องสาวของผู้ร่วมมือของเรา”

“มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ เจ้าถูกใจเธอก็เลยเกณฑ์เธอมาช่วยไม่ใช่รึไง?”

“มันก็แค่เพื่อขอบคุณเธอที่เธอคอยช่วยเหลือข้าเท่านั้นครับ”

“แค่ขอบคุณงั้นหรอ? เจ้านี่น่าเบื่อจังเลยนะ”

“ข้าโอเคกับการเป็นคนน่าเบื่ออยู่แล้ว”

“ช่างเป็นลูกชายที่น่าเบื่อจริงๆ แต่การที่เจ้าเป็นคนริเริ่มทั้งๆที่ชอบบ่นในตอนที่เจอปัญหายุ่งยากแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าไว้ใจเด็กคนนั้นไม่ใช่น้อยเลยสินะ”

“ก็พอประมาณครับ”

เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ แม่ของฉันก็ยิ้มออกมา

ดูเหมือนว่าเธอจะสนุกกับเรื่องนี้ เอาเถอะ มันเป็นเรื่องหายากจริงๆที่ฉันกับลีโอจะมาขอคำปรึกษาจากเธอ ที่เธอสนุกกับเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะมันเป็นเรื่องหายากที่ฉันมาหาเธอแบบนี้

“แล้วสรุปคิดว่าข้าควรทำยังไงดี?”

“เจ้าคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยคนอดอยากคืออะไรหล่ะ?”

นี่ก็หายากเหมือนกัน มันเป็นเรื่องหายากที่ท่านแม่จะพูดแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องด้วย ถึงยังไงแต่ละคนก็มีคำตอบของตัวเอง

“ท่านกำลังถามว่าถ้าเป็นข้าจะทำยังไงสินะครับ?”

“อืม จะมองแบบนั้นก็ได้ ว่าไงหล่ะ เจ้าจะช่วยคนที่อดอยากเป็นจำนวนมากยังไง?”

คำถามได้ถูกเปลี่ยนหัวข้อ

วิธีการช่วยคนอดยากจำนวนมาก ถ้าฉันให้อาหารกับพวกเขาเยอะๆ อาหารก็อาจจะหมดไป ด้วยวิธีนั้น คงจะไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่

“ถ้าให้ช่วยคนอดอยากจำนวนมาก ข้าคงจะหางานให้พวกเขาและรวบรวมพวกเขาให้เกิดเป็นชุมนุมขึ้นมา”

“ถูกต้อง และคำตอบที่เจ้าตามหาก็สามารถหาได้ในคำตอบนี้ ถ้ามันเป็นรางวัลจากการทำงานไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือคนรอบตัวเจ้าก็คงจะบ่นไม่ได้ ถ้าเจ้าเอาใจคนๆเดียว ความไม่พอใจก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และคนที่ได้รับการเอาใจจากเจ้าก็จะรู้สึกถึงภาระนั้นด้วย เพื่อป้องกันเรื่องนั้น การหางานให้พวกเขาทำจะเป็นการดีกว่า”

“เข้าใจแล้วครับ แบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลอยู่”

“อืม แต่ในโลกนี้มันมีสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เจ้าคาดเอาไว้ด้วยนะ การหางานและรวบรวมพวกเขาให้เกิดไปชุมนุม เจ้าจะต้องสร้างงานเพิ่มขึ้นและถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็จะล้มเหลว ซึ่งคนที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนั้นก็คงจะเป็นคนที่อยู่เบื้องล่างเจ้า เจ้าจะต้องให้ความสำคัญกับคนพวกนั้นก่อน ข้าคิดว่าการแจกจ่ายอาหารเป็นความคิดที่ดี แต่นั่นก็ยังไม่พอหรอก”

“เรื่องพวกนั้นมันเป็นงานของลีโอ และสิ่งที่ข้ามาขอคำปรึกษาก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่ลึกซึ้งขนาดนั้นเพราะฉะนั้นช่วยอย่ายกขึ้นมาพูดโดยตรงแบบนี้เถอะครับ”

การสร้างงานเป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ระดับสูง

การแจกจ่ายอาหารไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ถ้าจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ช่วยแสดงวิธีที่แก้ปัญหาได้มาให้หน่อย ด้วยการที่เธอบอกใบ้แบบนั้นกับฉัน ฉันจึงขมวดคิ้วแล้วรีบตัดบทสนทนา

เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของฉัน ตั้งแต่แรกแล้ว ฉันมาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องลินเฟีย ฉันไม่มีความตั้งใจจะเข้าชนปัญหาแบบนั้น

“นี่เจ้าไม่อยากคุยเรื่องหนักๆกับแม่หน่อยหรอ?”

“ครับ เกรงว่าจะใช่”

“ถ้างั้นเอาเรื่องเบาๆก็ได้ เจ้าคิดจะรับใครเป็นเจ้าสาว?”

“ข้ายังไม่มีแผนแต่งงานกับใครครับ ท่านก็น่าจะรู้นี่”

ด้วยความตกตะลึงกับคำถามของเธอ ฉันก็ถอนหายใจแล้วยกชาขึ้นมาจิบ

เมื่อเห็นแบบนี้ ท่านแม่ก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมาโดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนเลย

“มีวันนึง ฝ่าบาทเข้ามาถามข้าเรื่องการแต่งงานของเจ้าด้วย”

“ผรืดด!”

ฉันพ่นน้ำชาออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อสักครู่นี้เธอว่ายังไงนะ?

ท่านพ่อเข้ามาคุยกับเธอเรื่องการแต่งงานของฉันหรอ? พูดอีกนัยนึงก็คือ เขาพยายามจะใช้ฉันเพื่อจัดการแต่งงานทางการเมืองใช่ไหม?

ไม่นะ ฉันก็เข้าใจอยู่หรอกว่าการเอาฉันมาใช้เพื่อจุดประสงค์นี้มันง่ายกว่าลีโอ หรือว่าที่เขาตั้งฉายาให้ฉันก็เพราะเรื่องนี้? แสดงว่าเขาพยามจะลบล้างชื่อเสียงของฉันในฐานะเจ้าชายไร้ค่าใช่ไหม?

ที่เขาสั่งให้ฉันรักษาภาพลักษณ์ก็เพราะมันจะช่วยให้การเจรจาง่ายขึ้นรึเปล่า?

เธอคนนั้นเป็นใครกัน? เธอมาจากจักรวรรดิรึเปล่า? หรือว่ามาจากประเทศอื่น?

ถ้าดูจากช่วงเวลาแบบนี้ มันน่าจะเป็นคนจากภายนอก แขกผู้ทรงเกียรติจากประเทศอื่นจะมาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองการครองราชครบ 25 ปี นี่เขาวางแผนจะจับฉันแต่งงานโดยอาศัยช่วงเวลานี้หรอ?

แบบนี้แย่แล้วสิ ไอ้พ่อบ้านั่น เขาเล่นงานฉันลบหลังซะแล้ว

“แต่มันเป็นเรื่องจากความฝันของข้านะ”

“…..ครับ?”

“ก็อย่างที่ข้าพูดไป มันมาจากความฝันของข้า แต่ว่าข้าตื่นขึ้นในตอนที่พวกเรากำลังจะมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าฝ่าบาทจะยอมปล่อยให้เจ้าแต่งงานกับใคร?”

“……..”

ท่านแม่…..

เมื่อเห็นท่าทีของฉัน ท่านแม่ก็เริ่มแสยะยิ้ม

ด้วยพ่อแม่แบบนี้ ไม่แปลกเลยที่ฉันจะมีนิสัยแบบนี้ แสดงว่าลีโอถือเป็นกรณีพิเศษสินะ

ฉันเช็ดน้ำชาที่ฉันเผลอพ่นออกมาแล้วลุกขึ้นอย่างเงียบๆ

ฉันไม่รู้ว่าเธอจะแกล้งฉันยังไงอีกถ้าฉันอยู่กับเธอต่อ

“อะไรกัน? จะไปแล้วหรอ?”

“ครับ ถึงยังไงข้าก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”

“เจ้าไม่อยากมีช่วงเวลาพูดคุยสนุกๆกับแม่ของตัวเองหน่อยหรอ?”

“ข้าคิดว่ามีแต่ท่านแม่นั่นแหล่ะที่สนุก”

“เจ้าไม่รู้หรอ? ลูกๆหน่ะเป็นของเล่นของแม่อยู่เสมอนะ”

เธอพึ่งพูดเรื่องไร้สาระออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแบบนั้นเนี่ยนะ

ถ้าเป็นในครอบครัวปกติลูกๆจะตัดความสัมพันธ์ด้วยก็คงไม่แปลกเลย

ในขณะที่ฉันกำลังคิดเช่นนั้น ท่านแม่ก็แสยะยิ้ม

“ว่างๆก็มาหาอีกหล่ะ แล้วก็ครั้งหน้าพาใครซักคนมาด้วยนะเข้าใจไหม”

“แต่ท่านพึ่งบอกว่าข้าเป็นของเล่นนะครับ……”

“ถ้างั้นเจ้าก็รีบโตจนไม่ถูกแกล้งเหมือนเป็นของเล่นได้แล้ว”

“ไม่ว่าข้าจะโตแค่ไหน ข้าก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้หรอกครับ”

“ก็ถูก ไม่ว่ายังไง ลูกชายของข้าก็เป็นของเล่นของข้าไปโดยตลอดอยู่แล้ว เจ้าเอาชนะแม่ของเจ้าไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมกลับมาให้ข้าเล่นกับเจ้าอีกตกลงไหม”

ในตอนที่พูด ท่านแม่ก็ยิ้มให้ฉันแล้วโบกมือลา

เมื่อเห็นแบบนี้ฉันก็ถอนหายใจแล้วหันหลังเตรียมตัวกลับ อย่างไรก็ตาม เธอได้ทิ้งประโยคบอกลาไว้ให้ด้วย

“อัล ได้ฟังเรื่องมาจากเอลน่ารึเปล่า?”

“ท่านหมายถึงเรื่องอะไร?”

“ถ้าเจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร นั่นสินะ มันยังเร็วเกินไปนี่หน่า”

เธอพึมพำเหมือนกับว่าเธอกำลังมีปัญหาบางอย่าง

นี่เธอพูดเรื่องบ้าอะไรของเธออีกเนี่ย?

ฉันเอียงคอด้วยความสงสัยแต่ท่านแม่ก็ไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากบอกฉันสินะ

ฉันยอมตัดใจแล้วจากไป ถึงยังไงเป้าหมายเดิมของฉันก็ได้รับการเติมเต็มแล้ว

ไปเตรียมงานให้ลินเฟียดีกว่า

ตอนนี้งานแบบไหนถึงจะดีนะ

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท