Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 116

ตอนที่ 116

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 116
วันต่อมา, กองทัพได้ยอมตัดใจเรื่องการโจมตีทีเผลอแล้วบุกใส่พวกเราด้วยการโจมตีซึ่งๆหน้า

สำหรับผู้บัญชาการของพวกเขา, นี่เป็นแผนที่ชาญฉลาดจริงๆ

แบ่งกองทัพออกเป็นสี่กอง, พวกเขาจะล้อมพวกเราและโจมตีใส่ทั้งสีประตู

ด้วยวิธีนี้, กองกำลังของพวกเราก็จะต้องกระจายออกไปอีกแม้ว่าจะมีข้อเสียเปรียบด้านจำนวนอยู่แล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม, ผลลัพธ์นั้นต่างออกไป

“เหวออออ!!”

“ลงนรกไปซะ!!”

อัศวินกับทหารของเกลเลสกำลังป้องกันการโจมตีของกองทัพจักรวรรดิด้วยกำลังใจที่เปี่ยมล้น

ลูกศรและลูกหินกระหน่ำลงมาใส่กองทัพจักรวรรดิ

พวกเราเป็นฝ่ายตั้งรับแต่มันดูเหมือนกับว่าพวกเราเป็นฝ่ายรุกซะมากกว่าด้วยซ้ำ

ซึ่งมันไม่หลายเหตุผลสำหรับเหตุการณ์นี้

กลยุทธ์ของพวกเขาถูกมองออก, การสูญเสียทหารระดับสูงไปนับพันคน, การโจมตีด้วยไฟเมื่อวาน, และการปรากฎตัวของนักกลยุทธ์ลึกลับที่ควบคุมกระแสการโจมตีนี้

พวกนี้คือข่าวลือที่เพิ่มความระแวงและความกังวลในฝั่งทหารจักรวรรดิ

มันอาจจะมีกับดักบางอย่างอยู่ใกล้ประตู, หรือไม่พวกเขาก็อาจจะใช้ไฟจุดอะไรบางอย่างอีกก็ได้

ความระแวงและความกังวลเช่นนี้ได้บดบังการตัดสินใจของพวกเขา

“ทำลายประตูนั่น!”

“ครับท่าน!”

พอตอบรับคำสั่งของผู้บัญชาการ, พวกทหารก็เคลื่อนที่สู่แนวหน้า

อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่พวกเขาเห็นประตู

ภาพของทหารโดนเผาที่ถูกหามไปที่ค่ายเมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา แทนที่จะมุ่งหน้าตรงไปที่ประตู, พวกเขากลับเลือกที่จะไปจากทางด้านข้างแทน

อย่างไรก็ตาม, การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นนี้ทำให้พวกทหารกลายเป็นเหยื่อของห่าธนู

แต่ว่ามันก็แค่นั้น, ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องกระจายกำลังออกไปให้ครอบคลุมทั้งสี่ประตู, พวกเขาก็ยังคงเป็นทหารระดับสูงที่ต่อสู้กับไพร่พลที่ถูกจับเกณฑ์มา มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้พวกเขาแพ้

ดังนั้นต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นโดยหลักๆแล้วมาจากทางเกลเลส

พวกเขาไม่เคยพลาดช่องโหว่วที่เกิดจากความสับสนของทหารอีกฝ่ายนึงและทำตามคำสั่งของผู้บัญชาการอย่างเคร่งครัด พวกเขาแสดงความสามารถที่โดดเด่นในการจดจ่อกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหวด้วยแนวทางที่เหมาะสมที่สุดอยู่ตลอด

คุณภาพที่พวกเขาแสดงออกมานั้นทำให้ทุกคนสงสัยว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่เป็นทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี

เมื่อรับการโจมตีจากศัตรูระดับนี้อย่างต่อเนื่อง, ความสูญเสียของทางฝั่งจักรวรรดิก็เพิ่มขึ้นในแต่ละประตู, เมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีโอกาสที่จะฝ่าเข้าประตูไหนได้เลย, คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการอย่างเลทส์จึงยอมสั่งถอนกำลังชั่วคราวในที่สุด

“ทหารฝั่งศัตรูเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน!?”

เลทส์ทุบโต๊ะแล้วตะโกนออกมาในเต้นท์บัญชาการ

ความรู้สึกที่อยากจะตะโกนอะไรซักอย่างออกมานั้นได้แบ่งปันกันในหมู่ผู้บัญชาการที่มารวมอยู่ด้วยกันข้างใน

พวกเขาคือผู้บัญชาการที่เป็นหัวหน้าการโจมตีในแต่ละประตูซึ่งทำทุกอย่างด้วยพลังที่พวกเขามีเพื่อบุกเข้าไปในเมืองแต่ว่าก็ยังพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า พวกเขาสูญเสียทั้งเวลาและทหารอันล้ำค่าไป

พวกเขาทำได้เยี่ยมในช่วงครึ่งแรกแต่ทั้งหมดก็เลวร้ายไปหมดในช่วงครึ่งต่อมา

ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะคนๆเดียว

“มันเหมือนกับว่าพวกนั้นใช้เวทมนตร์เลย….ทหารฝั่งศัตรูแตกต่างจากพวกที่เราต่อสู้ด้วยเมื่อวานมากเกินไป”

“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนทหารมือใหม่เป็นทหารระดับสูงได้นะ…..ข้าพอเข้าใจอยู่ว่าพวกนั้นได้รับความมั่นใจมาจากชัยชนะเมื่อวานและขวัญกำลังใจก็เพิ่มขึ้นแต่ความเปลี่ยนแปลงในวันนี้มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ…..”

“อ่านกระแสลมและเปลี่ยนไฟธรรมดาเป็นลมหายใจมังกร…..ความกลัวได้กระจายในกลุ่มทหารของพวกเราเพราะข่าวลือบ้าๆนี่”

เลทส์กัดริมฝีปากของเขาเมื่อได้ฟังคำพูดของพวกผู้บัญชาการ

แผนเดิมของพวกเขาคือทำการยึดเมืองในทันทีและลุยต่อไปข้างหน้าแต่ในความเป็นจริงนั้น, เขาสูญเสียทหารไปมากมายและพวกเขายังขยับไปไม่ได้ซักก้าว

คนจากบ้านซิมเมลที่เตรียมพลแม่นปืนให้พวกเขาก็เงียบกริบดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก่อความวุ่นวายจากภายใน มันแทบจะไม่มีแผนการเหลือให้เลทส์ใช้แล้ว

ถ้าเขาไม่สามารถยึดเกลเลสได้, แผนการของกอร์ดอนก็จะถูกทำลายและตัวเลทส์ก็จะตกอยู่ในอันตราย ต่อให้แม่ทัพของพวกเขาถูกลอบสังหาร, แต่จักรพรรดิไม่อยากให้เกิดสงคราม ในเมื่อเขาเปิดการโจมตีกับพวกทางใต้ไปแล้ว, มันก็จะต้องมีบทลงโทษรอเขาอยู่อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น, โครงสร้างอำนาจในขุมอำนาจของกอร์ดอนจะเปลี่ยนไปด้วย

เลทส์มีหลายเรื่องที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายนั่นคือสาเหตุที่เขาต้องทำการตัดสินใจในทันที

“ไปเรียกโซเนียมา…..พวกเราต้องใช้นักกลยุทธ์ของเราจัดการอีกฝ่าย”

“พวกเราจะไว้ใจยัยครึ่งเอลฟ์นั่นได้จริงๆหรอครับ?”

“เธออาจจะต้อนเราจนมุมยิ่งกว่าเดิมก็ได้นะครับ!”

“เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก ตราบใดที่พวกเรามีตัวประกัน, โซเนียก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อฟังพวกเรา”

“แต่ว่า…..”

“พอ…..ข้าตัดสินใจแล้ว ไปเอาตัวเธอมาให้ข้าก็พอ”

ด้วยการทำตามคำสั่งของเลทส์, ทหารคนนึงก็ออกไปเรียกโซเนีย

หลังจากนั้นซักพัก, โซเนียก็เข้ามาในเต้นท์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เรียกข้าหรอ?”

“ศัตรูของพวกเรามีนักกลยุทธ์ พวกเราต้องการให้เจ้าคิดมาตรการตอบโต้เจ้านักกลยุทธ์นั่น”

“ข้าว่าข้าเคยเสนอไปแล้วไม่ใช่หรอ?”

“พวกเราเสียเวลาใช้ศึกยืดเยื้อไม่ได้!”

ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น, โซเนียได้เสนอให้ล้อมเมืองเอาไว้เพื่อทำให้ศัตรูอ่อนแอ

แต่ว่า, เพื่อแผนการของกอร์ดอน, พวกเขาต้องยึดเมืองให้ได้ในเวลาอันสั้นดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใช้แผนของเธอ

อย่างไรก็ตาม, สำหรับโซเนียแล้ว, มันเป็นแผนที่ดีกว่า

“พวกเราสูญเสียไปพันคนในวันแรกและอีกพันคนในวันนี้ใช่ไหมคะ? พวกเรามีคนเหลืออยู่แค่แปดพันคนเท่านั้น แค่นี้ข้าก็มองเห็นผลลัพธ์แล้วถ้าพวกเราตัดสินใจโจมตีต่อไปทั้งแบบนี้ แผนการของท่านล้มเหลวไปตั้งแต่ตอนที่พวกเราโจมตีทีเผลอเมื่อวานไม่สำเร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ศัตรูของพวกเราร่วมมือกันเป็นปึกแผ่นและป้องกันเมืองด้วยขวัญกำลังใจที่สูงลิ่ว ถ้าเป็นข้าคงไม่โจมตีศัตรูแบบนั้นหรอก”

“พวกเราต้องโจมตีต่อไป! ถ้าเจ้าเรียกตัวเองว่านักกลยุทธ์ก็คิดแผนมาซะ! เจ้าไม่สน”แล้วรึไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวประกัน!?”

“…..ไม่ว่าจะพูดยังไง, คำตอบของข้าก็ยังไม่เปลี่ยน ถ้าอยากไปให้ถึงเป้าหมาย, ท่านก็ต้องยึดเกลเลสให้ได้ตั้งแต่วันแรก, ส่วนวิธีที่สองก็คือปิดล้อมเมืองเอาไว้และอย่าให้อีกฝ่ายมีโอกาสรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พูดตามตรงข้าตั้งใจให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาตั้งแต่แรกแล้ว”

เธอเคยแนะนำวิธีไปแล้ว ตอนนี้เธอกำลังบอกว่ามันเป็นความผิดของพวกเขาที่ไม่ยอมทำตาม แต่จะว่าไป, เธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาจะไม่มีวันใช้แผนแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม, แม้แต่จากมุมมองของโซเนียเอง, การโจมตีทีเผลอของพวกเขานั้นก็มีโอกาสสำเร็จสูงอยู่

ศัตรูของพวกเขาเป็นมือใหม่ ไม่สิ, พวกเขาควรที่จะเป็นอย่างนั้น แต่ทั้งหมดกลับเปลี่ยนไปเพราะนักกลยุทธ์แค่คนเดียว

“พวกเขามีนักกลยุทธ์ที่รวบรวมทหารเอาไว้ภายใต้เจ้านายของพวกเขาได้อย่างชาญฉลาดและคิดหาวิธีขัดขวางการโจมตีของพวกเราได้ ตอนนี้, เกลเลสไม่ใช่เมืองที่พวกเราจะขยี้ได้อย่างง่ายดายอีกต่อไปแล้ว ถ้าพวกเราฝืนโจมตีตอนนี้, พวกเราก็เตรียมรับการตอบโต้จากอีกฝ่ายได้เลย”

“พวกเราไม่มีทางอื่นนอกจากฝืนโจมตีพวกนั้น! แค่คิดแผนดีๆมาให้พวกเราก็พอ!”

เมื่อถูกเลทส์กดดัน, โซเนียก็ถอนหายใจออกมา

พวกเขาจะต้องเสียหายหนักแน่ๆถ้าโจมตีเมืองนี้โดยไม่มีอาวุธปิดล้อม

มันคงจะต่างไปคนละเรื่องถ้าพวกเขามีหน่วยนักเวทย์แต่หน่วยแบบนั้นคงจะไม่ตามมากับทหารในภารกิจสอดแนมหรอก

ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง, มันก็ไม่มีวิธีที่จะยึดเมืองได้ในทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม, ถ้าเธอไม่คิดมาตรการตอบโต้ออกมา, เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีชะตากรรมแบบไหนที่รอตัวประกันอยู่

นอกจากนี้, ถ้าเกลเลสล่มสลาย, มันก็จะผลักดันให้ทางใต้กับจักรวรรดิเข้าสู่ช่วงสงครามเต็มตัว

โซเนียครุ่นคิดอยู่พักนึงแล้วถามคำถามขึ้นมา

“พวกเรามีเวลาเหลืออยู่มากแค่ไหน?”

“น่าจะประมาณสองวัน หลังจากนั้น, หน่วยผู้ส่งสารคงจะไปถึงดินแดนของดยุคครูเกอร์แล้ว”

ต่อให้พวกเขาสามารถยึดเกลเลสได้, มันก็คงจะไม่มีสงครามอยู่ดีถ้าหัวหน้าของศัตรูถูกจับกุมแล้ว

สิ่งที่กองทัพจักรวรรดิต้องต่อสู้ด้วยนั้นไม่ใช่เกลเลสแต่เป็นเวลา

ด้วยเหตุนี้เองโซเนียจึงเสนอวิธีนึงให้กับพวกเขา

“ถ้างั้นก็พักการรุกไปวันนึงแล้วสร้างอาวุธปิดล้อมขึ้นมา”

“ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าพวกเราไม่มีเวลา!? นี่เจ้าวางแผนจะยื้อพวกเราเอาไว้หรอ!? รู้ไหมว่าอย่างเร็วที่สุดคณะผู้ส่งสารก็อาจจะไปถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว!?”

“นี่คือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพนันกับมัน ถ้าพวกเราพอมีเวลาอยู่ประมาณสองวันก็ควรใช้มันซะ ข้าขอถามท่านกลับนะ, นี่ท่านยังดูถูกศัตรูอยู่อีกหรอ?”

เลทส์เงียบกริบ

โค่นต้นไม้และทำอาวุธปิดล้อม ด้วยสิ่งนี้, เธอก็จะซื้อเวลาได้มากขึ้นและมอบความเป็นไปได้ในการยึดเกลเลสให้กับพวกเขา

ความผิดพลาดเดียวในวิธีนี้ก็คือว่ากองทัพจักรวรรดิอาจจะยึดเกลเลสได้จริงๆแต่โซเนียตัดสินใจที่จะเชื่อนักกลยุทธ์ของเกลเลส

โดยปกติแล้ว, ถ้าศัตรูหยุดโจมตีไปวันนึงอย่างกระทันหัน, ก็คงจะเผลอลดการป้องกันลงแต่ว่านักกลยุทธ์มีฝีมือที่อ่านกระแสของสถานการณ์เป็นอย่างเกราว์นั้น, คงไม่ทำเรื่องผิดพลาดแบบนั้น เขาต้องคิดแผนที่ต่อกรกับการเคลื่อนไหวของจักรวรรดิเอาไว้แล้วแน่ๆ

จากสถานการณ์ที่เกลเลสสร้างมาจนถึงตอนนี้, พวกเขาต้องมีแผนที่จะยื้อต่อไปอีกสองสามวันแน่ๆ

โซเนียอ่านความคิดของเกราว์แล้วเสนอแผนที่มีโอกาสสำเร็จครึ่งต่อครึ่ง

ไม่ว่าฝ่ายไหนก็มีโอกาสชนะพอๆกัน

นี่คือขีดจำกัดที่โซเนียสามารถทำได้, และมันก็เป็นแผนที่คุ้มค่าที่จะลองสำหรับกองทัพจักรวรรดิ

“เอาหล่ะ…..เริ่มกันเลย สั่งให้พวกทหารสร้างอาวุธปิดล้อมในทันที!”

เลทส์ออกคำสั่ง

เมื่อเห็นเขาตัดสินใจเช่นนี้, โซเนียก็เริ่มเดินออกจากเต้นท์ไปอย่างช้าๆ

จุดหมายของเธอก็คือหน้าผาที่กูลเวอร์ถูกลอบสังหาร

เธอปีนขึ้นไปบนหน้าผาแล้วมองสภาพของเกลเลส

เธอไม่รู้เหตุผลที่แน่นอนแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะครึกครื้นกันดี มันคือลักษณะของศัตรูที่แข็งแกร่ง

ถ้าเธอมีเวลาเธอก็คงจะสามารถคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาได้แต่เวลาคือสิ่งที่เธอไม่มี

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น, เธอก็ตระหนักได้ ก่อนที่เธอจะรู้ตัว, เธอก็พยายามคิดวิธีจัดการกับนักกลยุทธ์ของศัตรูแล้ว

“เจ้าเป็นคนแบบไหนกันนะ, เกราว์? อ่อนโยน, หรือว่าโหดเหี้ยม”

โซเนียมองไปทางเกลเลส, แล้วถามคำถามที่ไม่น่าจะมีใครได้ยิน

จากนั้น, ชายคนนึงก็ปีนขึ้นมาบนกำแพงของเกลเลส

เขาปกปิดร่างกายเอาไว้ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าด้วยเสื้อคลุมสีเทา

เขามองไปทางโซเนีย

จากนั้นเขาก็โค้งทักทายเธอ

ในขณะที่เธอกำลังตกตะลึงกับการกระทำของเขา, เขาก็เพิ่มเสียงขึ้นมา

“เจ้ามีเวลาว่างขนาดมาเยี่ยมศัตรูเลยหรอเนี่ย! คุณนักกลยุทธ์สาว! ข้าได้ยินข่าวลือมาว่ามีครึ่งเอลฟ์ที่ชิงไหวชิงพริบมาใด้ในศึกสงครามผู้สืบทอดที่เมืองหลวง! ข้าคาดหวังอยู่นะว่าเจ้าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้!”

“…..รู้แม้กระทั่งเรื่องพวกนี้เลยหรอ, ข้อมูลเจ้าแน่นใช้ได้เลยนะเนี่ย!”

“อา, ข้ารู้อะไรเยอะเลยหล่ะ! คนของเจ้าถูกจับเป็นตัวประกันใช่ไหมหล่ะ? สิ่งที่เจ้าเผชิญอยู่มันก็ดูหนักเอาเรื่องเลยนี่! ข้ารู้สึกสงสารนะที่เจ้าไม่สามารถเลือกเจ้านายของตัวเองได้!”

“!?”

โซเนียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นโซเนียในสภาพนี้, เกราว์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ปรับท่าทางของเขาแล้วพูดออกมาอีกครั้ง

“เคลื่อนไหวโดยคิดแค่เรื่องตัวประกันของเจ้าซะ! ต่อให้เจ้าใส่เต็มข้าก็ไม่สนใจหรอก! เพราะข้าจะเป็นคนที่ทำให้ความพยายามของเจ้าสูญเปล่าเอง!

“….ถ้างั้นข้าจะขอรับข้อเสนอของเจ้าก็แล้วกัน”

พอได้ฟังเกราว์พูดเช่นนี้, โซเนียก็มองไปข้างหน้า

นี่มันยั่วยุกันชัดๆ

อย่าใช้ตัวประกันเป็นข้ออ้างแล้วลุยเข้ามาด้วยทุกอย่างที่มีซะ ถึงยังไงข้าก็ชนะอยู่ดี

ในเมื่อพูดมาขนาดนี้ฉันก็จะเอาจริงด้วย

ด้วยความคิดเช่นนี้, โซเนียก็กลับไปที่เต้นท์บัญชาการแล้วไล่ทหารที่วาดแผนสำหรับอาวุธปิดล้อมออกไป

“ส่งมา เดี๋ยวข้าจัดการเอง”

ถ้าเขาลงทุนมายั่วยุเธอถึงขนาดนี้ก็แสดงว่าเขาต้องเตรียมการเอาไว้ดีแล้วแน่ๆ

เธอไม่สามารถต่อกรกับเขาด้วยอาวุธปิดล้อมครึ่งๆกลางๆได้

โซเนียจะเขียนแผนอาวุธปิดล้อมขึ้นมาอย่างเต็มที่ตามที่เกราว์แนะนำเพื่อที่กอร์ดอนจะได้ไม่มาพูดทีหลังว่าเธอไม่ค่อยให้ความร่วมมือ

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท