ตอนที่ 138: สมาคมนกนางนวลสีขาว
ขุนนางหนุ่มที่ตกลงเข้าร่วมสนธิสัญญานกนางนวลได้รับการตอบสนองจากจักรพรรดิผ่านพ่อของพวกเขาและแอบก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่าสมาคมนกนางนวลสีขาวขึ้นมาโดยมีลอว์เรนซ์เป็นหัวหน้าสมาคม
มันถูกก่อตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์เพื่อกำจัดเจ้าชายไร้ค่า ถ้าเจ้าชายยั่วยุให้พวกเขาพยายามกำจัดเขาพวกเขาก็จะทำแบบนั้นจริงๆ ฉันมีความรู้สึกว่าพวกเขาจะมาจัดการฉันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับวิธีที่ฉันจะจัดการกับพวกเขาด้วย เขาน่าจะตัดสินใจฝากฝังเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้กับฉัน ส่วนใหญ่มันเป็นความผิดของเขามาตั้งแต่แรกแล้วดังนั้นถ้าเขาให้สิทธิฉันไม่ได้ถึงขนาดนี้ฉันก็คงจะมีปัญหาเอาได้
“แต่ว่า สมาคมนกนางนวลสีขาวสินะ”
พวกเขาคงจะใช้สีขาวเพื่อแสดงความเป็นปรปักษ์ของพวกเขาที่มีต่อฉัน ฉันค่อนข้างประทับใจกับรสนิยมการตั้งชื่อของพวกเขา
“เจ้าคิดว่าไง? เซบาส?”
“ต่อให้ท่านถามข้าแบบนั้น ข้าก็คงพูดได้แค่ว่าขุนนางหนุ่มพวกนี้ไม่รู้จักเกรงกลัวจริงๆครับท่าน”
“อืม มันก็นะ คนที่อยู่รอบตัวพวกเขาน่าจะควบคุมพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน”
พวกเขาคือคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหรือถูกคาดหวังว่าจะได้เป็นหัวหน้าคนต่อไป ฉันมั่นใจว่าพวกเขาต้องได้รับคำเตือนแต่พวกเขาน่าจะหลุดจากการควบคุมไปแล้ว
“พวกเขาเป็นพวกคลั่งไคล้ที่กำลังจะช่วยฟีเน่ให้พ้นจากข้าสินะ”
“ถึงยังไงมันก็เป็นความคิดของพวกคนหนุ่มนี่ครับ”
“ปัญหาก็คือว่ามันมีพวกโง่อยู่เยอะเลยน่ะสิ”
“ท่านอาร์โนลด์ ในเมื่อท่านรู้ข้อมูลของศัตรูแล้ว ท่านวางแผนจะจัดการกับพวกเขายังไงดีครับ? ท่านคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าการโน้มน้าวศัตรูที่ใช้แต่อารมณ์ด้วยเหตุผลมันไม่มีประโยชน์?”
“ข้ารู้ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าข้าจะขยี้พวกเขา”
ในตอนที่พูด ฉันก็เขียนจดหมายเสร็จสองฉบับ
สถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่วุ่นวาย มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ฉันจะยอมแพ้ไปง่ายๆและปล่อยเรื่องทุกอย่างไปหรือสถานการณ์ที่มือที่สามสามารถใช้กำลังแทรกแซงได้
เหตุผลก็เพราะว่าศัตรูในครั้งนี้เป็นพวกอ่อนไหว
สำหรับตอนนี้ ฉันควรจะทำให้พวกเขาหัวเย็นลงก่อน
ในขณะที่คิดเช่นนั้น ฉันก็ปิดผนึกจดหมายสองฉบับ
…
“คือชื่ออุตซ์ ฟ็อน เลอร์มาน ด้วยคำสั่งจากเจ้าชายลีโอนาร์ด ข้ามาที่นี่เพื่อให้ความช่วยเหลือท่านครับ องค์ชาย”
“ไม่จำเป็น กลับไปเถอะ”
คนที่เข้ามาช่วยฉันและทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจก็คือลูกชายของมาร์ควิสเลอร์มาน เขาเป็นคนสนิทของลีโอที่พึ่งกลับมาที่เมืองหลวง แต่เดิมนั้นเขามีหน้าที่ในการรวบรวมผู้สนับสนุนจากขุนนางตามท้องถิ่นแต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีคนอื่นรับหน้าที่นั้นแล้วดังนั้นเขาจึงกลับมาสนับสนุนลีโอที่ค่อนข้างยุ่งในช่วงนี้
ผมสีน้ำเงินและดวงตาสีน้ำตาล หน้าตาของเขาค่อนข้างดีแต่สายตาของเขาดูร้ายกาจเล็กน้อย เขาน่าจะไม่ยอมรับฉันสินะ”
“ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ องค์ชาย”
เขาไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ บางทีเขาก็คงอยากกลับเหมือนกัน นี่เขาโน้มน้าวคนอื่นให้สนับสนุนพวกเราได้ยังไงกันทั้ง ๆที่อารมณ์แสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจนขนาดนี้
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย แค่เซบาสคนเดียวก็พอแล้ว”
“ไม่ว่าองค์ชายจะมีพ่อบ้านที่น่าภาคภูมิใจแค่ไหน แต่การให้เขาคนเดียวคลี่คลายปัญหานี้มันไม่มากเกินไปเหรอครับ?”
“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้ามีประโยชน์งั้นสิ?”
“ถ้าตอบตามเหตุผลก็ใช่ครับ”
ฉันมองเห็นความมั่นใจบนหน้าของอุตซ์ ฉันมั่นใจว่าเขาได้รับความภาคภูมิใจมาจากการที่โน้มน้าวขุนนางท้องถิ่นได้
เอาเถอะ ถ้าเขามีความมั่นใจขนาดนั้นฉันก็จะขอทดสอบเขาซักหน่อย
“ถ้างั้นข้าจะให้เจ้าตอบคำถามบางอย่าง”
“เชิญถามมาได้ทุกเรื่องเลยครับ”
“ใครจะเป็นคนแรกที่ทำการเคลื่อนไหวเพื่อต่อกรกับข้า?”
มันเป็นคำถามที่ง่ายมาก
ดังนั้น คนที่รู้เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานภายในของพวกเขาก็คงจะสามารถตอบได้
อย่างไรก็ตาม
“โปรดอย่าถามคำถามที่ไม่มีคำตอบเลยครับ ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องแบบนั้นได้หรอก”
“หา…ว่าแล้วเชียว กลับไปเถอะ ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ประเมินข้าแบบนั้นมันเกินไปนะครับ ฝ่าบาท!”
เขาน่าจะคิดว่าฉันกำลังดูถูกเขาสินะ
อุตซ์ก้าวมาข้างหน้าแต่ฉันหยุดเขาลงด้วยสายตา
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจบางอย่างผิดไปสินะ?”
“!!??”
“คำถามก่อนหน้านี้ไม่ได้ยากขนาดนั้น มีขุนนางหัวรุนแรงจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวหัวหน้าของพวกเขา ลอว์เรนซ์ และในบรรดากลุ่มคนพวกนั้นก็คือเอิร์ลฟาร์เนอร์ที่ไม่ได้คิดจะเก็บซ่อนความดูถูกของเขาที่มีต่อข้าเลย ตราบใดที่มันไม่เกิดความวุ่นวายมากเกินไป เขาจะเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว ถ้าอย่างน้อยเจ้ามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการภายในของพวกเขาเจ้าก็น่าจะสามารถตอบคำถามของข้าได้”
“น..นั่นมัน…..”
“ข้าไม่สามารถใช้คนที่ถือวิสาสะเข้ามาช่วยข้าแต่ไม่รู้แม้กระทั่งสถานการณ์ภายในของศัตรูหรอกนะ กลับไปซะเถอะ”
ฉันไล่อุตซ์กลับไปอีกครั้ง ฉันรู้สึกผิดกับลีโอแต่การปล่อยให้คนที่ไม่รู้แม้แต่เรื่องพวกนี้อยู่ข้างฉันมันก็มีแต่จะทำให้การประสานงานของฉันวุ่นวาย
ช่วยละเว้นฉันจากการรับมือกับตัวภาระหน่อยเถอะ
“…พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นช่วยประเมินข้าใหม่ด้วยเถอะครับ”
“ไม่ต้องหรอก ถ้าเจ้าอยากจะทำตามคำสั่งของลีโอจากใจจริงอย่างน้อยวันนี้เจ้าก็ต้องพอมีข้อมูลอยู่ในหัวแล้ว เจ้าไม่ได้เต็มใจที่จะร่วมมือกับข้าเจ้าก็เลยมองข้ามเรื่องนั้นไป นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่ต้องการเจ้า เพราะฉะนั้นไปซะเถอะ”
“….ข้าจะกลับมาอีกครับ”
ในขณะที่กัดฟันด้วยความผิดหวัง อุตซ์ก็โค้งคำนับแล้วออกจากห้องไป
เขาไม่ต้องมาก็ได้ ช่างเป็นตัวปัญหาจริงๆ
“เขาเป็นคนที่น่าสนใจใช้ได้เลยนะครับ”
“เขาเป็นพวกไม่ชอบยอมแพ้เหมือนกับผู้ช่วยคนอื่นๆของลีโอ แต่เอาจริงๆเขาไม่ต้องทำตามคำสั่งเจ้านายขนาดนั้นก็ได้”
“ถึงยังไงคนที่มีลักษณะคล้ายกันมักจะอยู่ด้วยกัน ข้ามั่นใจว่าพรุ่งนี้เขาจะมาอีกแน่ ท่านวางแผนจะทำยังไงกับเขาครับ?”
“ไล่เขากลับ”
“แต่ข้าคิดว่านั่นคงจะเสียเวลานะครับ ทำไมไม่ให้โอกาสเขาอีกซักครั้งล่ะ? ถึงยังไงเขาก็จะมาในวันถัดๆไปอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าเขาเป็นคนประเภทนั้นครับ”
“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วย? คนที่ทำงานเล็กน้อยแค่นั้นก็ยังไม่ได้ข้าไม่ต้องการหรอก”
“การรู้จักให้อภัยและวิธีการใช้คนคือสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่อยู่ระดับสูงนะครับ”
“น่าเสียดายนะ ข้าไม่ใช่คนที่ยืนอยู่เหนือคนอื่นซักหน่อย”
“แต่ท่านถูกสั่งให้รักษาเกียรติของตัวเองนะครับ”
“….”
เขาหยิบเรื่องแบบนั้นขึ้นมาพูดในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ
มันควรจะมีขีดจำกัดสำหรับเรื่องที่สร้างปัญหาบ้างสิ
มันเป็นเพราะคำสั่งบ้าๆนั่นฉันถึงไม่สามารถจัดการเรื่องด้วยวิธีของตัวเองได้
ถ้าฉันไม่ให้โอกาสอุตซ์ฉันก็จะถูกมองว่าเป็นคนใจแคบ ส่วนตัวแล้วฉันไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมันแต่ข่าวลือนั่นจะขัดกับคำสั่งของท่านพ่อที่ให้รักษาเกียรติของฉัน
มันไม่สำคัญว่าชื่อเสียงของฉันที่มีต่อศัตรูจะเป็นยังไงแต่มันจะน่ารำคาญถ้ามีชื่อเสียงแบบนั้นในกลุ่มพันธมิตร
“ข้าคิดว่าท่านจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการเพิ่มชื่อเสียงของท่านอีกซักหน่อยผ่านการกระทำของท่านนับจากนี้ครับ”
“เห้อ….นั่นมันก็แค่ความพยายามที่สูญเปล่ารู้ไหม?”
“มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ”
เมื่อได้ฟังเซบาส ฉันก็ยอมรับข้อเสนอของเซบาสอย่างไม่เต็มใจ
เขาไม่ได้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีประโยชน์แต่ฉันควรรับเขาเข้ามาเพื่อรักษาชื่อเสียงของฉันสินะ
“เห้อ….แล้วการเตรียมการไปได้ดีใช่ไหม?”
“ครับท่าน แต่ว่า ครั้งนี้พวกเราค่อนข้างใช้เงินไปเยอะอยู่”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องใช้อย่างประหยัดก็ได้ ใช้มากได้ตามที่เจ้าต้องการเลย ขอแค่อย่าให้สมาคมนกนางนวลสีขาวมีโอกาสชนะแม้แต่นิดเดียวก็พอ สิ่งเดียวที่พวกเขาสมควรได้รับก็คือความสิ้นหวัง”
มันเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาในอนาคตแล้วมันก็ยังมาจากความรู้สึกส่วนตัวของฉันด้วย
ฉันไม่ชอบพวกเขา นี่คือความรู้สึกจากใจจริง
มันไม่ใช่เพราะพวกเขาพยายามจะทำอะไรซักอย่างกับฉัน แต่มันเป็นเพราะพวกเขาพยายามกันฉันออกจากฟีเน่ และพวกเขาก็ยังมองฟีเน่เป็นแค่เครื่องมือเพิ่มคุณค่าของตัวเอง
เรื่องพวกนี้มันยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดของฉัน
พวกเขาบางคนอาจจะทำแบบนี้เพราะความรักที่บริสุทธิ์แต่วิธีการของพวกเขาก็ยังผิดอยู่ดี ฉันไม่สามารถทำความเข้าใจตรรกะของพวกเขาที่ว่าถ้าเป็นลีโอก็ไม่เป็นอะไรแต่พวกเขาจะไม่พอใจถ้าเป็นฉัน
พวกเขาคิดอยู่ฝ่ายเดียวว่าฟีเน่จะต้องเจอกับความโชคร้ายถ้าแต่งงานกับฉันแต่ในตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่เธอจะลงเอยกับลีโอมีมากกว่า 80% ถ้าพวกเขาจะลุกฮือเพียงเพื่อกำจัดโอกาส 20% ที่เหลือมันก็ชวนให้น่าหงุดหงิดจริงๆ
ฉันไม่คือควรกับเธอ นี่คือสิ่งที่พวกเขาใช้เป็นข้ออ้างแต่ว่าแล้วใครล่ะที่คู่ควร?
“นี่มันไร้สาระชะมัด”
ถ้าเธอไม่สามารถเลือกได้แม้แต่คนที่เธออยากจะใช้ชีวิตด้วย ฟีเน่ก็คงไม่ต่างอะไรจากนกที่อยู่ในกรง
นกส่วนใหญ่จะงดงามในตอนที่พวกมันได้โบยบิน
พวกเขาอาจจะไม่ทันสังเกตถึงเรื่องนั้น
“แต่ว่า มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอครับ? ถ้าเรื่องมันเป็นไปตามแผนไม่เพียงแค่พวกขุนนาง แต่ชื่อเสียงของท่านในมุมมองของประชาชนจะดิ่งลงเหวไปด้วยรู้ใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าข้าไม่ทำถึงขนาดนั้นปัญหานี้ก็คงจะไม่สามารถคลี่คลายได้ ไม่ต้องสนใจข้าหรอก แผนนี้จะไม่ได้ผลเว้นเสียแต่ว่าขุนนางกับประชาชนไม่ไว้ใจข้า แถมถ้าพวกเราไม่ทำแบบนี้พวกเขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้”
“นี่มันค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ”
“เรื่องมันมักจะยุ่งยากตลอดนั่นล่ะเวลาที่พวกเราจัดการกับพวกโง่”
ในขณะที่ประเมินฝ่ายศัตรูเอาไว้เช่นนี้ ฉันกับเซบาสก็ทำตามแผนการของพวกเราต่อ