บทที่ 173 มนตร์วิเศษร้ายกลายเป็นดี2
“เร็วเข้า! พวกเจ้าสองคนรีบพาฮองเฮาที่เมามายไป….”
ในมุมมืดมิดก็ปรากฏใบหน้าอันสวยงามและมารยา…..
ป๋ายกุ้ยเหรินเหมือนกับแมวยามค่ำคืนนางก้มตัวลงแต่งตัวเป็นนางสนมทั่วไปแอบตามหลัง หยิงเฟยและแสร้งทำเป็นผู้ติดตามของนาง
ป๋ายกุ้ยเหรินกระซิบถาม “จัดการเด็กนั่นแล้วใช่ไหม?”
หยิงเฟยตอบกลับไปว่า “เรียบร้อย! เหม่ยเฟยพานางสนมสองคนไปพาตัวนางไปยังศาลเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”
“ศาลเจ้ามีแค่ฮ่องเต้เท่านั้นที่เข้าออกได้อย่างอิสระ ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน!”
“เลือดม่านหลั้วของเหม่ยเฟยเป็นพิษขนานแรง!”
“ไม่ว่ายอดฝีมือคนไหนก็ล้วนแต่หนีไม่พ้นพิษที่รุนแรงนี้”
“แต่พิษนั้นก็รุนแรงเกินไปถ้าหากนางเกิดตายขึ้นมาข้ากลัวว่าจะไม่เป็นการดีเท่าไรนัก! พวกเรารีบไปที่ศาลเจ้ากันเถอะ!!”
ป๋ายกุ้ยเหรินพูดเร่ง
หยิงเฟยรู้สึกประหลาดใจจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “ป๋ายกุ้ยเหริน! เจ้าถูกไทเฮาสั่งเข้าตำหนักเย็นไปแล้ว ถ้าหากมีคนมาเจอว่าเจ้าแอบออกมาละก็ เกรงว่าไทเฮาคงไม่ปล่อยเจ้าไว้!ถึงตอนนั้นเมื่อใดเจ้าตายแน่!”
ป๋ายกุ้ยเหรินตกตะลึง ช่างดูถูกเหยียดหยามเกินไปแล้ว
หยิงเฟย “ในเมื่อพิษของเลือดม่านหลั้วนั้นรุนแรงมากนัก พวกเราก็เพิ่มพิษเข้าไปให้นางตายไปเลยสิ! จะเสียเวลามากมายพานางไปที่ศาลเจ้าทำไม? ถ้าหากถูกฮ่องเต้จับได้ว่าพวกเราเข้าไปที่ศาลเจ้าโยพลการ ไม่เพียงแค่เจ้าข้ากับเหม่ยเฟยก็ต้องโดนโทษไปด้วย!”
ป๋ายกุ้ยเหรินยิ้มออกมาอย่างมีลับลมคมใน “เจ้าวางใจเถอะ! ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งข้าแล้ว ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังแน่นอน! รับรองได้เลยว่าพวกเจ้าต้องดีใจจนแปลกใจและได้ประโยชน์แน่ๆ!”
“แปลกใจ?”
“แปลกใจอย่างไร?”
“มันคุ้มค่ากับชีวิตที่จะต้องเสี่ยงหรือไม่?”
หยิงเฟยทำหน้าเนื้อใจเสือแต่เพื่อความละเอียดรอบคอบนางจึงต้องคอยสังเกตท่าทีของป๋ายกู้ยเหรินอยู่ตลอดเวลา!
ถ้าอยากจะจัดการซินเหยาก็ต้องวางยาพิษนางจนถึงแก่ความตาย!
ไม่จำเป็นต้องพานางเข้าไปยังศาลเจ้าเลย…
ป๋ายกุ้ยเหรินต้องมีแผนเล่ห์เพทุบายแน่ๆ!!
“จะถึงแล้ว! รีบเข้าไปข้างในเถอะ!” ป๋ายกุ้ยเหรินพูดเร่ง
“ข้ารู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาทางพวกเรา ป๋ายกุ้ยเหรินเจ้าเข้าไปก่อนสิ! ข้าจะตามเจ้าเข้าไปทีหลัง!”
“ก็ได้! ระวังตัวไว้ด้วย!”
ป๋ายกุ้ยเหรินไม่ได้ทันสังเกตเห็นเขาทิ้งหยิงเฟยไว้ข้างนอกเขาอ้อมประตูหน้าศาลเจ้าและปีนเข้าทางด้านหลังเข้าไปข้างใน…
หยิงเฟยเห็นว่าป๋ายกุ้ยเหรินเดินไปไกลแล้วก็แอบซ่อนตัวไว้
“มู่หลาง! ออกมา!”
หยิงเฟยกระซิบเรียก
เงาดำมืดปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของหยิงเฟย
ใบหน้าซีดขาว ผิวหนังแห้งเหี่ยวราวกับเปลือกไม้ ไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับศพอย่างไงอย่างนั้น
จริงที่ว่ามีคนคอยตามสอดส่อง….
เพียงแค่คนนั้นคือมือสังหารที่หยิงเฟยเก็บไว้เป็นความลับ!
“มู่หลาง! ท่านพ่อให้เจ้าคอยซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักนานหลายปีคอยช่วยเหลือข้ายามที่อยู่ที่ตำหนัก! คืนนี้ถึงเวลาแสดงฝีมือของเจ้าแล้ว!”
“คุณหนูจะให้มู่หลางทำอะไร?”
สีหน้าไร้ความรู้สึกของคนชุดดำน้ำเสียงก็ราวกับศพที่เก็บมานานนับพันปี
หยิงเฟย “ป๋ายกุ้ยเหรินต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ เจ้าคอยแอบตามพวกเราอยู่ด้านหลัง ถ้าจำเป็นก็ลงมือได้เลย!”
คนชุดดำถามต่อว่า “ต้องฆ่าป๋ายกุ้ยเหรินหรือ?
หยิงเฟยตอบว่า “ไม่! เรายังใช้ประโยชน์จากนางได้! จุดประสงค์ของพวกเราคือโจ๋วซินเหยา! อย่างแรกคือกำจัดโจ๋วซินเหยา! ถ้าหากข้างในเกิดอะไรขึ้นเจ้าก็แอบหนุนหลังข้างเงียบๆละกัน!”
คนชุดดำ “คุณหนู จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
หยิงเฟย “ข้าก็ไม่รู้! ทว่าป๋ายกุ้ยเหรินคงยอมเสี่ยงถึงได้มาศาลเจ้านี่ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าข้างในศาลเจ้าต้องเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นแน่ๆ! เอาเป็นว่าเจ้าคอยช่วยข้าก็พอแล้ว! ถ้าหากมีอะไรแปลกไปก็ฆ่าโจ๋วซินเหยาซะ! โอกาสดีๆแบบนี้อย่าให้นางรอดไปได้! ตำแหน่งฮองเฮาต้องเป็นของข้า!”
คนชุดดำ “ขอรับ! คุณหนู! มู่หลางรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร!”
หยิงเฟย “ดี! เจ้าตามข้ามาเงียบๆและกัน! อ่อใช่แล้ว เจ้ามีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษหรือไม่?”
คนชุดดำส่ายหน้า
หยิงเฟยมองอย่างสงสัยพลางพูดว่า “ข้ารู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งท่ามกลางความมืดมิดกำลังจ้องมองมาทางข้า! แต่ว่าข้าอาจจะคิดมากไปเอง! แต่มีเจ้าที่คอยปกป้องข้า ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวล! เจ้าอาจจะได้เป็นนักกระบี่มือสังหารที่เร็วที่สุดอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพนี่! เพลงกระบี่รวดเร็วดั่งสายฟ้า! แม้กระทั่งท่านปู่ก็ยังชื่นชมเจ้า!”
คนชุดดำ “คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง มู่หลางจะจัดการอะไรก็ตามที่มาขวางคุณหนู! จะไม่ให้เสียชื่อนักกระบี่มือสังหารที่เร็วที่สุดในใต้หล้านี้ ถ้าหากมีคนตามข้าแล้วไม่ต้องการให้ข้ารู้ตัวคนนั้นคงต้องเร็วกว่าแล้ว!”
หยิงเฟย “ถ้าอย่างนั้นข้าก็วางใจ! คงไม่มีใครที่เร็วไปกว่าเจ้าอีกแล้ว!”
คนชุดดำยิ้มอย่างเย็นชา “คุณหนูท่านวางใจได้เลย!”
หยิงเฟยให้มู่หลางหลบซ่อนอยู่ในความมืด ส่วนตัวเองนั้นแอบปีนเข้าไปในศาลเจ้า!
หลังจากที่ทั้งคู่จากไปนั้น….
ต้นไม้ที่อยู่ไกลๆท่ามกลางความมืด…
ทันใดก็มีแสงขาวสว่างวาบราวรวดเร็วกับสายฟ้าฟาด…
หยิงเฟยคงจะคิดไม่ถึง
มัวแต่จ้องมองข้างหน้าโดยไม่รับรู้ถึงภัยที่อยู่ข้างหลัง!
แสงสว่างสีขาวนั้นติตตามจ้องมองนางในความมืดมานานแล้ว…
หลังจากที่หยิงเฟยเข้ามาแล้วก็ได้กลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรง!
นางเดินเข้าศาลเจ้าอย่างระมัดระวังและพบว่าที่พื้นนั้นมีศพสองศพนอนอยู่! คือนางสนมคนของเหม่ยเฟย!
แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาเหม่ยเฟยและป๋ายกุ้ยเหรินซินเหยาก็เช่นกัน
ช่วงที่หยิงเฟยกำลังงุนงง ฉับพลันหลังเสาไม้ก็มีคนสามคนเดินออกมา นั่นก็คือป๋ายกุ้ยเหริน และเหม่ยเฟยที่กำลังพยุงร่างที่ไม่ได้สติของซินเหยา
“ถ้าเจ้าช้าอีกนิดพวกเราจะไม่รอเจ้าแล้ว!”
ป๋ายกุ้ยเหรินมีสีหน้าไม่ชอบใจนัก
หยิงเฟย “ข้าอยากมั่นใจว่าจะไม่มีใครตามพวกเรา ไม่เช่นนั้นที่พักของพวกเราคงโดยเปิดเผยแน่”
ป๋ายกุ้ยเหริน “มีคนตามแล้วมันยังไงหรือ? รออีกครึ่งก้านธูปทั้งวังหลัง ไม่สิ! ทั้งใต้หล้าก็จะเป็นของเราสามคน!”
หยิงเฟยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ทั้งใต้หล้าเป็นของพวกเรา? มันหมายความว่าอย่างไร?”
เหม่ยเฟยเองก็แปลกใจเช่นกัน “ป๋ายกุ้ยเหริน เจ้าให้พวกเรามารวมกันที่ศาลเจ้าเจ้าต้องการอะไรกันแน่? นางจะใกล้ตายแล้วร่างเริ่มเย็นลงไปทุกที ข้าประคองคนตายมันน่ากลัวนะ!”
ป๋ายกุ้ยเหรินจ้องนางเขม็ง “เจ้าคงจะไม่ทิ้งนางไว้ที่พื้นหรอกนะ?”
“อ้อ!”