บทที่ 222 มองนางไม่ออก1
“กระหม่อมรับพระบัญชา”
หลี่เหลียนคางมือสั่นเทายกป้ายในมือขึ้นมา หลังจากนั้นเดินเข้าไปด้านหน้า เดินมาถึงนอกระเบียงให้คนด้านล่างเห็นตัวเอง
เถ้าแก่จินพูด “หนึ่งแสนตำลึง ท่านชายรองเสนอหนึ่งแสนตำลึง ครั้งที่สาม มีใครจะเสนอราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่ ถ้าไม่มี หินทดสอบชิ้นนี้จะตกเป็นของท่านชายรองตระกูลถางเปิ่นแล้ว”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดเสียงเข้ม “หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
หลี่เหลียนคางเริ่มตื่นเต้น เตรียมยกป้ายขึ้น
“ข้าเสนอราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
ทันใดนั้น มีเสียงทรงพลังดังขึ้น
ซินเหยาไม่มีทางเลือก จึงลุกขึ้นมา
โจว๋หยุนถิงใจฝ่อเกินไป!
โจว๋หยุนถิงได้ยินราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง เขาก็ตกใจจะแย่!
ยังไงเขาก็ไม่กล้าช่วยซินเหยาเสนอราคามากกว่านี้แล้ว
ซินเหยาจึงลุกขึ้นชูป้ายด้วยตัวเอง!
นางไม่อยากทำตัวยิ่งใหญ่ แค่อยากจะจัดการเงียบๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันจำใจให้ทำ!
นางไม่อยากฝืนโจว๋หยุนถิง แต่ว่าพวกโจว๋หยุนถิงมองนางไม่ออก คนอื่นๆก็ยิ่งมองนางไม่ออกสินะ
เมื่อคิดแบบนี้ นางก็สบายใจ อย่างไรเสียหยาวซินเป็นตัวตนใหม่ เป็นตัวปลอมเท่านั้นเอง
หลี่เหลียนคางได้ยินก็ตกใจ
กำลังจะเตรียมตัวชูป้าย เขาก็อึ้งไปสักพัก
“ฝ่าบาท”
“จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้เขาไม่สบายใจหันมามองฮ่องเต้อำมหิต
หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเชียวนะ!
แม้เขาจะรับใช้ในพระราชวังมานาน แต่พอได้ยินตัวเลขสูงขนาดนั้น เขาก็ตกใจจนตัวชา
ฮ่องเต้อำมหิตถาม “ใครเป็นคนเสนอราคา?”
หลี่เหลียนคางก้มลงไปมอง พูดว่า “ไม่รู้ว่าเป็นใครพ่ะย่ะค่ะ เขามองอยู่ทางมุมนั้น”
ฮ่องเต้อำมหิตค่อยๆยกถ้วยชาขึ้นมา ค่อยๆจิบชา “รอก่อน คนที่กล้าต่อกรกับอัครเสนาบดี คงมีไม่มากนัก อาจจะเป็นคนของอ๋องเหอถู แต่อ๋องเหอถูอยู่เบื้องหลังเรื่องสมบัติ ไม่น่าจะลงมือเร็วขนาดนั้นนะ ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็เป็นคนกล้าแย่งชิงกับตระกูลถางเปิ่น เราต้องรอดูไปก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
หลี่เหลียนคางตอบและถอยออกไป
“ไอ้หยา!”
“หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
“วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน?”
“ทุกคนบ้ากันไปหมดแล้วรึ?”
“บ้านเถ้าแก่ร้านหนังสือซื่อเกอเสนอราคาสูงเยี่ยงนี้”
“ท่านชายรองเสนอราคาหนึ่งแสนตำลึง สร้างความตกใจให้ผู้คนมากพอแล้ว”
“อีกอย่างท่านชายรองถางเปิ่นใช้วาจาห้วน ใครกล้าต่อราคา ผู้นั้นกำลังต่อต้านตระกูลอัครเสนาบดี”
“สถานการณ์แบบนี้ ใครจะกล้าหั่นราคา”
“ยังกล้าตัดราคาถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเชียว”
“ดุเดือดเกินไปแล้วกระมัง?”
“เขาเป็นใครกันแน่”
“ในแผ่นดินยังมีคนกล้าต่อกรกับตระกูลอัครเสนาบดีอีกหรือ?”
“อีกอย่าง ดูท่าทางองอาจกล้าหาญกว่าตระกูลถางเปิ่นเสียด้วย”
คนในงานทั้งหมดต่างคาดเดาว่าซินเหยาเป็นใคร มีที่มาอย่างไร……
เถ้าแก่จินมองซินหยาว เห้นแค่นางรูปร่างไม่สูง และใบหน้าน่าเกลียดนั้นมีรอยแผลเป็น…..
“น้องชาย เจ้าชื่ออะไร?”
“หยาวซิน”
“น้องหยาว เจ้ารู้ใช่ไหมประมูลสมบัติในร้านจี้โม่จะต้องจ่ายเงินนะ?”
“รู้!”
ซินเหยาตอบอย่างหนักแน่น เถ้าแก่จินพูดต่อ “น้องหยาวท่าทางมั่นใจนะ เจ้าไม่บอกที่บ้านหน่อยรึ ยังไงก็ให้พวกข้าเบาใจหน่อยว่าเจ้ามีเงินจ่ายเลขจำนวนสูงขนาดนี้จริงๆ”
ซินเหยาพูด “เถ้าแก่จินโปรดวางใจได้ กฎของร้านจี้โม่ ประมูลแล้วต้องจ่ายเงิน ไม่มีเงินก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ข้าหยาวซินผู้ต่ำต้อยไร้ตระกูล แต่ไม่กลัวตาย มิกล้าดูถูกร้านจี้โม่แน่นอน!”
เถ้าแก่จินหัวเราะสองครั้ง “ในเมื่อน้องหยาวมั่นใจเช่นนี้ ข้าคงต้องรอบคอบให้มากกว่านี้เสียแล้ว ดี! สหายวิทยายุทธ เรื่องนี้เกิดการพลิกผันใหญ่หลวง เดิมทีข้าคิดว่าตระกูลท่านเสนาบดีจะได้ครอบครองหินทดสอบ ตอนนี้ท่านชายผู้นี้กลับเสนอราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
คนทั้งงานจ้องไปที่จุดเดียวกันอึ้งตะลึง ไม่มีใครกล้าพูด…… บรรยากาศในตอนนี้ ตื่นเต้นและน่าอึดอัดจนแทบจะยกดาบฟาดฟันกัน เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเร่าร้อน……
ถางเปิ่นหู่มองซินเหยา เห็นเป็นแค่คนหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ ในแววตาเขาเผยความโกรธเคือง “น้องชาย! เจ้ากล้าต่อกรกับตำหนักท่านอัครเสนาบดีงั้นรึ?”
ซินเหยายิ้ม พูดว่า “ท่านชายรองถางเปิ่นคิดมากไปแล้ว นี่เป็นงานขุมทรัพย์ของร้านจี้โม่ แค่เห็นสมบัติใครๆก็สามารถประมูลราคาได้ หรือว่าข้าเสนอราคาเท่ากับไปต่อต้านตระกูลของท่านเช่นนั้นหรือ เถ้าแก่จิน ไม่ทราบว่ามีกฎว่า ตระกูลถางเปิ่นเสนอราคาแล้วผู้อื่นห้ามเสนอหรือไม่?”
ซินเหยาพูดอย่างเย็นชา เรียบเฉย…..
แต่ในน้ำเสียงเรียบเฉยนั้น กลับทำให้คนรู้สึกกำลังถูกบีบคั้น
เถ้าแก่จินคิดว่าเป็นแค่เด็กไม่รักตัวกลัวตาย อยู่ในที่ผู้คนมากมายกลับไม่รู้ความ จึงพูดว่า “ไม่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่าบาท หรือขอทาน เมื่อมาถึงร้านจี้โม่ ไม่มีการใช้กฎหมายบ้านเมือง ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน”
ซินเหยามองถางเปิ่นหู่ “ท่านชายรองถางเปิ่น เหมือนว่าเถ้าแก่จินจะไม่มีปัญหานะ” ถางเปิ่นหูโกรธแทบจะระเบิด ใบหน้าเก็บกดความโกรธแค้นเอาไว้ พูดน้ำเสียงเย็นชา “น้องชาย เจ้าไม่รู้จักที่เป็นที่ตาย”
ซินเหยายิ้มจางๆ “ข้ามีชีวิตมานาน ยังไม่เคยตาย จึงไม่รู้จักที่เป็นที่ตาย”
ถางเปิ่นหู่พูด “งั้นเจ้าก็ระวังตัวเอาไว้! อย่าเกิดอุบัติเหตุจนตัวตายเสียล่ะ”
ที่เขาพูดมากมันคุกคามชัดๆ!
“เจ้าอย่าเกิดไปเจออุบัติเหตุจนตายเสียล่ะ”
“เพราะตระกูลถางเปิ่นไม่เว้นชีวิตเจ้าไว้แน่”