Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 123

ตอนที่ 123

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 123
“เร็วเข้า! ข้างนอก!”

ลาสได้ให้นาร์เบ ริทเทอร์คุมตัวครูเกอร์แล้วสั่งให้ทุกคนอพยพออกไปข้างนอกปราสาท

เหตุผลก็เพราะว่ามีเสียงคำรามที่น่าสงสัยดังมาจากชั้นใต้ดินของปราสาท ด้วยการพึ่งพาสัญชาตญาณของเขา, ลาสก็ทำการตัดสินใจว่าจะออกจากปราสาทหลังนี้ในทันทีโดยไม่ทำการสืบค้น

และการตัดสินใจของเขาก็ไม่ได้ผิด

“เห้ย! เสียงตัวอะไรคำราม!?”

“น, นั่นมัน…….!”

ลาสถามนักวิจัยเฒ่า

ในขณะที่เขาวิ่งโดยที่มือถูกมัดอยู่, นักวิจัยก็ยืดอกอย่างภาคภูมิใจด้วยเหตุผลบางอย่าง

“มันคือเสียงคำรามจากผลงานชิ้นโบว์แดงของพวกเรายังไงหล่ะ!”

“ข้าไม่สน! แค่บอกข้ามาก็พอว่ามันคืออะไร!”

“เหวออ!!? ได้โปรดอย่าทำข้าเลย……, พ, พวกเราพยายามสร้างแวมไพร์เทียมขึ้นมาด้วยการใช้เลือดของพวกมันแต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเราก็ล้มเหลวเนื่องจากเลือดมันทรงพลังเกินไป แม้ว่ามัดกล้ามเนื้อกับพละกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว, แต่พวกมันก็สูญเสียความมีเหตุผลทั้งหมดไป……พวกเรา เอ่อ, พวกเราเรียกพวกมันว่าตัวล้มเหลว”

“แสดงว่าไอ้เจ้านั่นก็คือหนึ่งในนั้นสินะ……”

ในระหว่างทางขึ้นมาบนหอคอย, พวกเขาได้เจอกับมอนส์เตอร์ยักษ์ตัวนึง

พอนึกย้อนกลับไปแล้ว, สีหน้าของลาสก็บูดบึ้งจากความรู้สึกไม่สบายใจ ถึงยังไง, คนๆนั้นก็ถือว่าเป็นเหยื่อเหมือนกัน

“แล้ว? ที่มันคำรามนี่คำรามหาคู่หรือว่าอะไร?”

“ไม่ ไม่! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใกล้เคียงกับตัวล้มเหลวพวกนั้นเลย! เพื่อเอาชนะความแข็งแกร่งของสายเลือดแวมไพร์, พวกเราได้ใช้อะไรบางอย่างไปนิดหน่อย ด้วยสิ่งนั้น, พวกเราจึงสามารถพัฒนาพวกมันได้อย่างก้าวกระโดด!”

“เจ้าทำอะไรลงไป!?”

“พวกเราใช้เลือดของมนุษย์ที่ถูกปีศาจครอบงำ! พวกเราผสมเลือดของปีศาจกับเลือดของแวมไพร์เข้าด้วยกัน!”

“!!??”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น, ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก

แนวคิดนี้มันนอกรีตเกินไปแล้ว

ภายใต้ความเงียบนี้, ลีโอก็ถามนักวิจัยด้วยน้ำเสียงที่เบาเรียบ

“เลือดปีศาจนั่น….ไปเอามาจากไหน?”

“ข้าไม่รู้ แต่ว่า, ผลที่มันสร้างขึ้นถือว่าสุดยอดเลยหล่ะ! พวกมันอาจจะสูญเสียความสามารถในการพูดไปแต่การเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์ของพวกมันแทบไม่มีเลยและพวกมันก็มีพลังพิเศษด้วย! พวกมันสามารถเปลี่ยนทุกคนที่โดนกัดให้มีสภาพเดียวกับพวกมันได้”

ลีโอหันหน้าหนีจากนักวิจัยเฒ่าที่กำลังนำเสนอผลงานของเขาอย่างภาคภูมิใจ

เหมือนกับชื่อของพวกเขา, แวมไพร์ชอบดื่มเลือดแต่ว่าเรื่องที่คนที่โดนดูดเลือดจะกลายเป็นพวกเดียวกับแวมไพร์นั้นมันเป็นแค่ความเชื่อทางไสยศาสตร์เท่านั้น

แต่เดิมแล้วแวมไพร์ไม่ได้มีความสามารถเช่นนั้น

มันคือสิ่งที่เหมือนกับตำนานที่เอาไว้ทำให้เด็กกลัวแต่ตอนนี้พวกมันได้เปลี่ยนกลายเป็นความจริงแล้ว

ลีโอไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมถึงมีคนอยากทำเรื่องพวกนี้ด้วยแล้วเขาก็หลับตาลง ยิ่งเขาคิดถึงมันเท่าไหร่, มันก็ยิ่งทำให้เขาปวดหัวเท่านั้น

“พวกเราตั้งชื่อพวกมันว่า ‘อสูร’ เมื่อพวกเราส่งอสูรพวกนี้ไปยังดินแดนของศัตรู, การติดเชื้อก็จะแพร่กระจายเป็นวงกว้างและพวกเราก็จะสามารถโจมตีแล้วทำการขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย!”

“……ดยุคครูเกอร์ เจ้าเอามันไปใช้กับใคร?”

ลีโอมองครูเกอร์ที่ถูกคุมตัวอยู่

ในตอนที่จับตัวเขา, ครูเกอร์ดูมีท่าทีสบายๆอย่างบอกไม่ถูก

แม้ว่าในตอนนั้นโอกาสชนะของเขาจะถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้วก็ตาม

“แสดงว่าเจ้าพอจะเดาได้บ้างแล้วสินะ……? ใช่แล้ว, พวกเราใช้ขุนนางทางใต้ยังไงหล่ะ! แน่นอนว่า, พวกเราไม่ได้ใช้คนที่ร่วมมือกับพวกเราแต่เป็นพวกตัวประกันด้วย!”

“……แกบ้าไปแล้วรึไง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!! ช่างเป็นไอ้ขี้แพ้ที่น่าสมเพชจังเลยนะ! ถ้าเจ้าฆ่าพวกอสูรไม่ได้, ภัยพิบัติก็จะเกิดขึ้นกับจักรวรรดิ แต่ถ้าเจ้าฆ่าพวกมัน, ขุนนางทางใต้ทุกคนก็จะแค้นเคืองเจ้า! และในที่สุด, ข้าคนที่สองก็จะถูกสร้างขึ้น! และซักวันนึงจักรวรรดิก็จะถูกขยี้ภายใต้ความไม่พอใจที่สั่งสมเอาไว้”

ในขณะที่พูดเรื่องพวกนี้ออกมานั้น, ครูเกอร์หัวเราะไม่หยุด

ลีโอขมวดคิ้วในขณะที่เขาเดินลงบันไดปราสาทอย่างเงียบๆ

พอเขามาถึงทางเข้าแล้ว, ซีกกับอัศวินอีกหลายคนก็กำลังยื้อพวกตัวผิดพลาดเอาไว้อยู่

“ไม่เป็นไรสินะ! เร็วเข้า, รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”

“ซีก! ข้าดีใจนะที่เจ้าปลอดภัยดี!”

“ท่านฟีเน่ช่วยตัวประกันได้แล้ว! ต้องขอบคุณเรื่องนั้น, ก็เลยได้ทหารดีๆมาเข้าร่วมกับฝั่งเราด้วยจำนวนนึงและมันก็ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นมาก!”

“ช่างน่ายินดีจริงๆ! แล้วเจ้าพวกนั้นโผล่มารึยัง!?”

“อะไรนะ!? ยังมีอีกหรอ!?”

“น่าจะเป็นประเภทอื่นด้วย!”

“ไม่นะ, ยังไม่เห็นอะไรแบบนั้นเลย!”

“ดีเลย! ถ้างั้นทุกคนถอนกำลังไปที่ประตูหลัก! ท่านพันเอก! ปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับปราสาทไปถึงเมือง!”

“องค์ชาย, ท่านต้องหนีไปก่อนนะครับ!”

“ไม่…..ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก…..”

เสียงเท้าจำนวนมากดังมาจากชั้นใต้ดินลึก

เมื่อได้ยินเสียงเท้าที่สะเทือนจนพื้นสั่น, ลีโอก็กระตุ้นให้ลาสเร่งมือ

“เร็วเข้า!”

“ชิ! เข้าใจแล้วครับ! ปิดตายปราสาทหลังนี้ซะ!”

ลาสสั่งให้คนของเขาปิดกั้นประตูทั้งสี่ที่เชื่อมต่อปราสาทกับเมือง

ในระหว่างนั้น, ลีโอก็ยื้อศัตรูเอาไว้ที่ประตูหลัก

“ไม่มีประโยชน์หรอกหน่า! พวกเราปลดล็อคทุกอย่างในชั้นใต้ดินแล้ว! มอนส์เตอร์จะแห่ออกมาในเร็วๆนี้!”

“เงียบไปเลย! ยังมีคนอยู่ที่นี่! ท่านพันเอก! ข้าไม่สนว่าจะเป็นใครหรืออยู่ฝ่ายไหน, ไปรวบรวมทุกคนมาที่ประตูหลักซะ!”

“รับทราบครับ!”

เมื่อรวมจำนวนของนาร์เบริทเทอร์กับอัศวินเข้าด้วยกัน

คนประมาณเกือบ 600 คนก็ได้มารวมตัวกันที่หน้าประตูหลัก

“คุณฟีเน่กับคนอื่นๆออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้วสินะ……”

“เห้ย เห้ย, นี่มันใช่เวลามาโล่งใจหรอ? เจ้าไม่มีทางหนีเหลืออยู่แล้วไม่ใช่รึไง?”

“พวกเรากระโดดออกไปจากยอดประตูได้นะแต่ว่า…..ข้าไม่คิดว่าพวกนั้นจะรอให้พวกเราทำได้สำเร็จหรอก”

“ข้าไม่ว่าหรอกถ้ามีใครอยากหนีแต่พวกเรายังต้องการคนที่คอยยื้อพวกมันเอาไว้ ตราบใดที่พวกเราอยู่ที่นี่, ศัตรูก็จะไม่มุ่งหน้าออกไปข้างนอก ด้วยการใช้ช่วงเวลานี้, คุณฟีเน่ก็น่าจะสามารถอพยพประชาชนได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น, ก็ไม่มีใครเลือกที่จะหนี อัศวินทุกคนที่อยู่แนวหลังนั้นได้เตรียมใจสละชีวิตมาตั้งแต่แรกแล้ว

พวกเขาบางคนเป็นอัศวินของดยุคครูเกอร์, บางคนก็เป็นอัศวินของขุนนางทางใต้ตระกูลอื่น พวกเขาเลือกหนทางนี้เพื่อไถ่โทษตัวเอง แน่นอนว่า, พวกเขาบางคนไม่ได้เลือกทางนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หนีไปเฉยๆแล้วเลือกเข้าร่วมกับฟีเน่เพื่อช่วยเหลือเธอ”

ในอีกด้านนึง, อสูรยังไม่ออกจากปราสาท

พวกมันกำลังโจมตีอัศวินของดยุคครูเกอร์ที่หนีออกมาช้า

“ถ้าสิ่งที่พวกเราได้ยินมาเป็นความจริงตอนนี้อัศวินทุกคนที่ถูกทิ้งไว้ในปราสาทก็น่าจะกลายเป็นอสูรแล้ว…….”

“ดยุคครูเกอร์ เจ้ามีอัศวินอยู่ในปราสาทกี่คน?”

“หึ…..น่าจะประมาณสองพันคนได้”

“ถ้าพวกเราประเมินว่า 500 คนถูกฆ่าไปแล้วและมี 500 คนมาเข้าร่วมกับเรา, ที่เหลือก็น่าจะมี 1,000 คนที่ถูกเปลี่ยนอสูร แล้วเรื่องความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันหล่ะ?”

“ม, มันน่าจะพัฒนาขึ้นแค่เล็กน้อย เลือดปีศาจผสมกับเลือดแวมไพร์ดังนั้นมันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในผลดั้งเดิมของมัน……”

“แม้ว่าจะแค่เล็กน้อย, แต่มันก็ยังสูงพอที่จะเป็นภัยคุกคาม”

มันไม่ใช่กรณีที่ปีศาจสิงร่างแวมไพร์ แต่เป็นเลือดของทั้งคู่ถูกนำมาผสมกันแล้วนำมาฉีดเข้าร่างกายมนุษย์

การที่คนถูกฉีดสามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นก็ถือว่าเป็นปาฏิหารย์แล้ว

ลีโอจ้องมองปราสาทอย่างเงียบๆในขณะที่คิดว่าสาเหตุที่เกิดผลลัพพธ์แบบนี้เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของสายเลือดที่ทรงพลังทั้งสองกำลังยับยั้งกันเอง

ในขณะที่เขาจ้องมองปราสาทอยู่นั้นเอง, ชายคนนึงก็ปรากฎตัวออกมาจากปราสาท เขาสวมเสื้อผ้าคุณภาพดี บางทีเขาน่าจะเป็นหนึ่งในขุนนางทางใต้ อย่างไรก็ตาม, วิธีการเดินของเขานั้นดูไม่มั่นคงเหมือนกับคนป่วย

จากนั้น, ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมา

ดวงตาของเขาเป็นสีขาวล้วน ความผิดปกตินี้ทำให้ลีโอรู้สึกหนาววาบไปถึงสันหลัง

อย่างไรก็ตาม, อสูรไม่ได้วิ่งเข้าหาลีโอในทันที

มันรอให้ตัวล้มเหลวจำนวนมากออกมาจากปราสาทแล้วจัดขบวนก่อน

“มันเป็นหัวหน้าของเจ้าพวกนี้หรอ!?”

“น, นี่มันไม่เห็นเหมือนกับในรายงานเลย!”

นักวิจัยเฒ่าตื่นตระหนก

เมื่อคิดว่านี่กำลังจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก, ลีโอก็สั่งให้อัศวินตั้งขบวนเป็นครึ่งวงกลมโดยหันหลังให้ประตู

จากนั้น, พวกตัวล้มเหลวก็วิ่งเข้าหาพวกเขา

“หยุดพวกมันเอาไว้!”

“องค์ชาย! ถึงจะต้องไปคนเดียว, ท่านก็ต้องหนีไปให้ได้นะครับ!”

“ข้าไม่ได้ถ่อมาไกลขนาดนี้เพื่อหนีนะ!”

“แต่ว่า! พวกเราไม่มีวิธีจัดการอสูรที่กำลังบัญชาการพวกมันที่ปราสาทนะครับ! ถ้าเราปะทะกับพวกมันโดยตรง, ฝ่ายเราได้ตายหมู่แน่!”

ถ้าเป็นแบบนั้น, พวกเขาก็จะไม่สามารถลดจำนวนอสูรได้

การจะเอาชนะพวกมัน, พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้กำลังกำจัดพวกมันทั้งหมดที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขาสองหรือสามเท่า

ลาสคิด

อย่างไรก็ตาม, ลีโอคิดต่างออกไป

“ข้ามีแผน…..”

“ว่าไงนะ!? ถ้าเจ้ามีแผนตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องพูดออกมาแล้วหล่ะ!”

ซีกพูดในขณะที่เขากำลังรับมือกับหนึ่งในตัวล้มเหลว

พวกอัศวินเองก็กำลังดิ้นรนอยู่และดูเหมือนจะถูกล้อมจนไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าอสูรกระโจนเข้าใส่ในสถานการณ์นี้, คงจะมียอดคนตายเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

“นี่เป็นแค่การคาดเดานะแต่ว่า….ถ้าอสูรเป็นผลงานของเลือดปีศาจผสมกับแวมไพร์หล่ะก็…..พวกมันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับมนุษย์”

“นั่นก็จริงแต่มันจะทำไมหล่ะ……”

“ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็น่าจะสามารถชำระล้างพวกมันโดยใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้”

เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถชำระล้างปีศาจได้นั้นคือเวทย์ขั้นสูง

อย่างไรก็ตาม, ผลของมันมีประสิทธิภาพมาก

“ร่างกายของพวกที่ถูกปีศาจครอบงำจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ว่า….ถ้าแค่เลือดที่ถูกเจอจางมา, ผลที่เกิดขึ้นกับพวกมันก็น่าจะอ่อนแอกว่า, ข้าน่าจะสามารถช่วยอสูรพวกนี้ได้ด้วยการชำระล้างเลือดของพวกมัน”

“แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไปนะครับ, องค์ชาย! พวกเราไม่รู้ด้วยว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆรึเปล่า! แล้วถ้ามีแค่เลือดของปีศาจที่ถูกชำระล้างหล่ะ? ฝั่งเราอาจจะมีคนตายเป็นจำนวนมากก็ได้นะครับ!”

“คิดว่าไงหล่ะ?”

ลีโอถามนักวิจัยเฒ่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

นักวิจัยเฒ่าลังเลที่จะตอบคำถามแต่เขาก็พูดออกมาในทันทีที่ลีโอยื่นมือไปจับดาบของเขา

“ค, คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ….พวกเราผสมเลือดปีศาจด้วยเลือดของแวมไพร์ดังนั้นถ้าเลือดปีศาจถูกกำจัดออกไปได้, พวกมันก็น่าจะกลับกลายเป็นคนปกติ…..แต่ว่า, ข้าไม่แนะนำให้ลองทำแบบนั้นนะ……”

“เขาว่างั้นแหล่ะ”

“อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆสิครับ….การจะชำระล้างอสูรทั้งหมดในปราสาท, ท่านจะต้องใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งผลเป็นวงกว้าง ถ้าความทรงจำของข้าไม่ผิดเพี้ยน, คนๆเดียวที่สามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ที่นี่ก็คือองค์ชายเท่านั้นนะครับ”

“อา, ข้าวางแผนจะจัดการด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว”

“ท่านไร้เหตุผลเกินไปแล้วนะ! เวทย์ศักดิ์สิทธิ์วงกว้างมันทำไม่ได้หรอกครับถ้าท่านไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเวทย์ศักดิ์สิทธิ์! ข้าได้ยินมาว่ามีนักเวทย์จำนวนมากเสียชีวิตจากการพยายามใช้เวทมนตร์เกินความสามารถของตัวเอง! พวกเราปล่อยให้ท่านทำเรื่องฝืนๆแบบนั้นไม่ได้หรอก! ได้โปรดสั่งให้พวกเรากวาดล้างพวกมันเถอะครับ! พวกเราจะทำมันให้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

“แทนที่จะเสี่ยงใช้วิธีที่นาร์เบ ริทเทอร์อาจจะกลายเป็นอสูร….ข้าคิดว่าแบบนี้เป็นวิธีที่ดีกว่ามากเลยนะ ถ้ามันได้ผล, พวกเราก็จะสามารถช่วยได้หลายชีวิต และต่อให้ไม่สำเร็จ, มันก็น่าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้างในสถานการณ์นี้”

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดท่านอาจจะตายได้นะครับ! ต่อให้ท่านรอด, ท่านก็จะอยู่ท่ามกลางอันตราย! ได้โปรดให้ความสำคัญกับตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยเถอะครับ, องค์ชาย!”

ลาสพยายามโน้มน้าวลีโออย่างเต็มที่

ซีกเองก็เห็นด้วยกับเขา

“ข้าเองก็เห็นด้วยกับพันเอก ถ้าพวกเรามีเจ้าอยู่ด้วย, พวกเราก็จะสามารถเรียกระดมพลอัศวินทางใต้และกองทัพได้, แต่ถ้าเจ้าตายที่นี่, ก็จะไม่เหลือคนกู้สถานการณ์นี้ได้อีก”

“ข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังจะพูดอะไร….แต่ในเมื่อข้ามีโอกาสช่วยเหลือทุกคน, ข้าก็ไม่อยากจะทิ้งมันไปหรอก และถ้าข้าปล่อยให้อสูรหลุดไปได้แม้แต่ตัวเดียว, การติดเชื้อก็จะขยายเป็นวงกว้างทั่วทั้งจักรวรรดิ ต่อให้ข้ารอด, ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี ตอนนี้ต่างหากหล่ะคือเวลาที่ควรจะลงมือทำอะไรซักอย่าง”

ลีโอได้โยนสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทิ้งไปแล้ว

สมองของเขาสนใจแต่วิธีการหยุดอสูรเอาไว้ที่นี่

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของเขา, ลาสก็รู้สึกสมเพชในความไร้เดียงสาของตัวเอง

ถ้าจนมุมจริงๆเขาวางแผนจะพาตัวลีโอหนีไป อย่างไรก็ตาม, เรื่องพวกนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของลีโอเลย สิ่งที่กำลังอยู่ในหัวเขาในตอนนี้ก็คือคำถามที่ว่าจะทำมันตอนนี้เลยรึเปล่า

เมื่อรับรู้ถึงความมุ่งมั่นของเขาแล้ว, ลาสก็กัดฟันแน่นแล้วพูดกับลีโอ

“ถ้าท่านรู้สึกว่ามันอันตรายก็ช่วยรีบหยุดในทันทีเลยนะครับ ข้าจะฟันทุกอย่างให้เรียบแล้วกู้สถานการณ์นี้เพื่อท่านเอง”

“ขอบใจนะ, ท่านพันเอก”

“…..องค์ชายกำลังเตรียมร่ายเวทย์ใหญ่! เน้นไปที่การป้องกันซะ! พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกมันแตะต้ององค์ชายได้แม้แต่ปลายเล็บ”

ขวัญกำลังใจของนาร์เบ ริทเทอร์และพวกอัศวินเพิ่มขึ้นด้วยการออกคำสั่งของลาส

เมื่อเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้, ลีโอก็เริ่มเตรียมเวทมนตร์ของเขา

ในอีกด้านนึง, ซีกพยายามกระซิบนินทากับลาส

“ถึงจะเป็นเจ้าชายจักรวรรดิก็เถอะ, แต่เจ้าหมอนี่บ้าชะมัดเลยนะ…..”

“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย”

“….ถ้ามันอันตรายจริงๆ ข้าจะลากตัวเขาออกไปจากที่นี่ให้เอง โอเคนะ?”

“ขอฝากเจ้าด้วยแล้วกัน ข้าสัญญากับองค์ชายอาร์โนลด์เอาไว้….ข้าจะซื้อเวลาให้เจ้าได้หนีเองต่อให้ต้องสละชีวิตของตัวเองก็ตาม

ด้วยการตัดสินใจเช่นนี้, ลาสก็ยกดาบขึ้นมา

ในตอนนั้นเอง, เสียงขลุ่ยก็ดังก้องออกมา

คนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้ยินเสียงของมัน

แต่ว่า, มีใครบางคนที่ได้ยิน

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท